“บิ๊กต่อ” ว่าที่ ผบ.ตร. เผยเบื้องหลังภาพคู่ “รองโจ๊ก” ว่อนโซเชียล เหตุนายกฯสั่งให้เรียกมาคุย เพราะไม่อยาก ให้เห็นภาพความขัดแย้งใน ตร.ทำสังคมเข้าใจคลาดเคลื่อน แฉมีมือที่สามเสี้ยมให้ชนกัน ลั่นไม่เกี่ยวเรื่องค้นบ้าน แต่คดีความก็ให้ว่ากันไป ขณะที่ “บิ๊กอรรถ” หัวหน้าชุดพีซีที 4 ยันทำตามขั้นตอนตามกฎหมาย พร้อมถก ชุดทำงานหลัง “มินนี่” บอมบ์ใส่ปมภาพ ในมือถือที่ถูกยึดหลุด ด้าน “รองหนึ่ง” ชี้ปล่อยภาพ เจตนาทำให้เสียหาย ด้าน “อนันต์ชัย” โวจะให้ลูกความ ตำรวจทั้ง 8 นายพ้นบ่วงกรรม ศาลอาญาแจงปม หมายค้นบ้าน “บิ๊กโจ๊ก” ชอบแล้วเป็นไปตามพยานหลักฐาน แต่อยู่ระหว่างตรวจสอบจงใจปิดบังข้อเท็จจริงหรือไม่ “เรืองไกร” ยื่นสอบตั้ง ผบ.ตร. มิชอบ ส่วน “นายกฯนิด” ระบุวันประชุม ก.ตร. เปิดอภิปรายวงกว้าง ข้อดี-ข้อเสีย ทั้ง 4 แคนดิเดต รับฟัง-วิเคราะห์ดูอย่างถี่ถ้วน

กรณีตำรวจพีซีทีชุด 4 ตำรวจไซเบอร์ และคอมมานโด บก.ปพ.บุกค้นบ้านเป้าหมาย 30 จุดทลายเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” โดย 1 ในบ้านเป้าหมายซอยวิภาวดีรังสิต 60 เป็นบ้านของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.ที่ออกมานำตรวจค้นด้วยความไม่พอใจ อีกทั้งลูกน้องตำรวจคนสนิท 8 นาย ถูกจับกุมเพราะเส้นทางเงินพัวพันเว็บพนัน ทั้งหมดให้การปฏิเสธ ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ระบุทั้งหมดเป็นการดิสเครดิต เป็นเรื่องการเมืองในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถูกค้นบ้านก่อนนัดประชุมแต่งตั้ง ผบ.ตร. 2 วัน ทั้งนี้ ที่ประชุม ก.ตร.มีมติให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. เป็น ผบ.ตร.คนที่ 14 แต่ที่สุดฮือฮา เมื่อ “มินนี่” หรือ น.ส.ธันยนันท์ สุจริตชินศรี หรือ น.ส.สุชานันท์ กุลวัฒนโยธิน หรือมินนี่ ที่ถูกตำรวจพีซีทีชุด 4 จับกุมหลังพัวพันเว็บไซต์พนันออนไลน์ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์กับรองหนึ่ง-พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภ.4 นายตำรวจคนสนิท พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมขอโทษที่เป็นเหตุให้ตำรวจ 8 นายเดือดร้อน ก่อนทิ้งบอมบ์ชุดจับกุมหลังภาพที่อยู่ในมือถือที่ถูกยึดไปหลุดว่อนโซเชียล ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

...

ฮือฮาภาพ “บิ๊กต่อ-รองโจ๊ก” 

ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 ก.ย.ในโลกโซเชียล ปรากฏภาพ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือรองโจ๊ก ยืนเคียงคู่โอบเอวอยู่กับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ว่าที่ ผบ.ตร. สร้างความฮือฮาไปทั่วเพราะเป็นที่รู้กันว่านายตำรวจทั้งคู่ขบเหลี่ยมเฉือนคมกันอยู่ในที ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ภาพดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำวันที่ 28 ก.ย. ที่ห้องทำงานของ พล.ต.อ.ต่อศักด์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เข้าพบ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เพื่อพูดคุยรับประทานอาหารร่วมกันและแสดงความยินดีที่ได้รับตำแหน่ง ผบ.ตร. ทั้งนี้ ยังมีการปรึกษาหารือ พัฒนาและขับเคลื่อนการทำงานของตำรวจ เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธามากขึ้นด้วย

ว่าที่ “พิทักษ์ 1” เปิดใจเบื้องหลังภาพ

ขณะที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.เปิดเผยถึงภาพจับมือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ที่กระจายว่อนเน็ตโดยยอมรับว่า เป็นคนประสานเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์มาพูดคุยทำความเข้าใจกัน เนื่องจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มอบหมายมาเพื่อไม่อยากเห็นภาพความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กร สังคมพากันเข้าใจคลาดเคลื่อน ทั้งที่ความจริง ตนกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ได้มีอะไรทะเลาะกัน ที่ผ่านมาพูดคุยกันตลอดว่าจะร่วมขับเคลื่อนองค์กรกันอย่างไร

แฉมีขบวนการเสี้ยมให้ชนกัน

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันที่ตำรวจเข้าค้นบ้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็ไม่เกี่ยวกับตน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังโทรศัพท์มาหาก็บอกไว้ว่าตนติดเวรรักษาความปลอดภัย ก่อนมอบหมายให้ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท.ลงไปดูหน้างาน ภาพที่ออกมามีกำลังหน่วยคอมมานโดเข้าไป อาจมีส่วนทำให้เข้าใจผิดคิดว่าตนเกี่ยวข้อง ยืนยันไม่รู้เรื่องการค้นบ้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถึงเรียกมาคุยกันว่าเรื่องนี้มีขบวนการอยู่เบื้องหลังให้เราทั้งคู่ชนกันในช่วงที่กำลังมีการพิจารณาแต่งตั้ง ผบ.ตร. ได้ให้ทีมงานสอบสวนข้อเท็จจริงอยู่ เอาเป็นว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ตนกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ได้มีอะไรค้างคาใจ เพราะตลอดระยะเวลาหลายเดือนได้เตือนไว้แล้วให้ระวังขบวนการเสี้ยม เรื่องนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์รับทราบแล้ว มองว่าหากตำรวจชั้นผู้ใหญ่เข้าใจผิดกัน มีขบวนการปั่นป่วนจะทำให้องค์กรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย

รักษาภาพลักษณ์องค์กร

 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กล่าวต่อว่า หลังเข้าพูดคุยมีการถ่ายภาพไว้บอกให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์นำ ภาพไปแจกสื่อมวลชน เป็นสิ่งที่ตนพยายามให้เกิดความละมุนละม่อมที่สุดเพื่อรักษาหน่วย รักษาภาพลักษณ์ของตำรวจทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนเรื่องคดีความก็ว่ากันไปตามข้อมูลการสืบสวนของศูนย์อำนวยการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่แกะรอยมากว่า 2 เดือน แต่ตนไม่เกี่ยวข้องด้วย “ถ้าผมอยู่เบื้องหลังสั่งการผมคงไม่รีบรับโทรศัพท์ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์หรอกครับ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ย้ำ

ใน ตร.ไม่มีใครทะเลาะกัน

เย็นวันเดียวกัน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.กล่าวอีกครั้งหลังเสร็จพิธีรับมอบหน้าที่ โดยยืนยันว่า รูปที่ถ่ายคู่กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์เป็นภาพจริง ความสัมพันธ์ระหว่างตนกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อยู่ในความสัมพันธ์ที่ดีมาก ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคิด หลังจากที่ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม จะออกมาชี้แจงทุกประเด็น ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่มีใครทะเลาะกัน “ผมไม่ได้เป็นสายมูเตลู แค่ทำบุญกับพระและนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่สายมูเตลู” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กล่าว

บก.น.5 คึกคักแต่เช้า

ในเรื่องของการทำคดีเครือข่ายเว็บพนัน “มินนี่” เมื่อเวลา 09.00 น. บรรยากาศที่กองบังคับการตำรวจ นครบาล 5 (บก.น.5) ถนนสาทรเหนือ พนักงานสอบสวน PCT สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ทยอยเข้าปฏิบัติหน้าที่เพื่อรอสอบปากคำกลุ่มบุคคลหรือองค์กรสื่อที่พบว่ามีเส้นทางการเงินของบัญชีม้าเครือข่ายพนันออนไลน์ในวันนี้ มีทีมทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.มาคอยอำนวยความสะดวกกับกลุ่มบุคคลที่ต้องการมาแสดงความบริสุทธิ์ใจถึงที่มาที่ไปของเส้นทางการเงิน ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกเพื่อให้มาชี้แจงข้อมูลดังกล่าว

ชุดจับถกเครียด-“มินนี่” ทิ้งบอมบ์

รายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.กมค.ได้เรียกคณะทำงานประชุมหารือแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจาก น.ส.ธันยนันท์ หรือ สุชานันท์ สุจริตชินศรี หรือมินนี่ หนึ่งในผู้ต้องหา ออกมาให้สัมภาษณ์ ถูกตำรวจ PCT ชุด 4 บังคับให้เซ็นชื่อรับสารภาพและระบุว่ามี พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภ.4 นายตำรวจคนสนิท พล.ต.อ. สุรเชษฐ์เข้าไปเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ อีกทั้งยังระบุว่าชุดจับกุมได้ยึดโทรศัพท์มือถือ เป็นเหตุให้ภาพส่วนตัวที่อยู่ในโทรศัพท์เผยแพร่ไป โดย “มินนี่” ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนเผยแพร่ภาพ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ชุด PCT ต้องประชุมหารือในการทำงานเพื่อความรอบคอบและเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายอย่างละเอียดมากขึ้น

“รองคริษฐ์” แจงเส้นเงินปัดพันเว็บ

ต่อมาเวลา 13.40 น. พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ อดีตรอง  ผกก.(สอบสวน) สภ.สำโรงเหนือ ที่มีข้อมูลว่าเป็นผู้จัดการดูแลเรื่องเงินให้กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมาพร้อมกับทนายความ เพื่อพบพนักงานสอบสวน โดยยังยืนยันในความบริสุทธิ์ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายเว็บพนัน ซึ่งหลังจาก พ.ต.ท.คริษฐ์ เข้าพบพนักงานสอบสวนประมาณ 20 นาที ก่อนเปิดเผยว่า สามารถชี้แจงเส้นทางการเงินที่ออกจากตนไปยังบุคคลต่างๆได้ทั้งหมด ยังมั่นใจในความบริสุทธิ์ ส่วนรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยอยู่ในมือของพนักงานสอบสวนแล้ว สำหรับภาพของ 2 ผู้บังคับบัญชาที่ปรากฏว่ามีการเข้าพบและโอบเอวกันเมื่อคืนนี้ ในส่วนนี้ตนไม่ทราบ

“บิ๊กอรรถ” ยันทำตามขั้นตอน ก.ม.

วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.กมค. ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT ชุด 4 กล่าวว่า เรื่องการสอบสวนได้ส่งให้พนักงานสอบสวนตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 ก.ย. แล้ว ทุกเรื่องควรจะอยู่ในสำนวนได้แล้ว เพราะได้ชี้แจงไปเยอะแล้ว ประกอบกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายก รัฐมนตรี ได้ตั้งคณะกรรมการมาตรวจสอบการปฏิบัติ การในวันตรวจค้นด้วยแล้วจะรอผลการตรวจสอบ ส่วนกรณีที่มินนี่ได้ออกมาแถลงเมื่อวานนี้ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ เมื่อถามว่ามินนี่อ้างถึงบุคคลที่ชื่อ เจ มีตัวตนจริงหรือไม่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ได้ขออนุญาตให้สัมภาษณ์เพียงเท่านี้ก่อน

ยังไร้เงา “รองโจ๊ก”

ส่วนที่สมาคมพนักงานสอบสวน สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต สื่อมวลชนจำนวนมากมาปักหลักเฝ้ารอสัมภาษณ์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ และจากการสอบถามทีมงานก็แจ้งเพียงว่ามาสแตนด์บายตามปกติ ยังไม่มีภารกิจใดๆ

“รองหนึ่ง” รับเป็นไปตามคำ “มินนี่”

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ “รองหนึ่ง”-พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภาค 4 ทางโทรศัพท์หลังจากที่ ‘มินนี่’ ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ยืนยันข้อเท็จจริงก็เป็นตามนั้นความสัมพันธ์เป็นไปตามคำพูดของน้องเขา ส่วนจะมีผลต่อรูปคดีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ที่กำลังต่อสู้ให้หรือไม่มองว่าคงไม่เป็นไรเพราะน้องเขาคงพูดความจริงทั้งหมด เพราะความจริงก็คือความจริง

ชี้เจตนาปล่อยภาพให้เสียหาย

พ.ต.อ.ภาคภูมิกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีน้องมินนี่อ้างตอนถูกจับแล้วถูกตำรวจ PCT 4 บังคับให้เขียนยอมรับว่า พ.ต.อ.ภาคภูมิ เกี่ยวข้องด้วยนั้น วันที่น้องมินนี่ถูกจับก็ยังไม่ได้คุยกับน้องอีก พอตนได้ฟังจากที่มินนี่ให้สัมภาษณ์ว่ามีตำรวจบังคับให้เขียนข้อความรับสารภาพ มองว่าความเสียหายจะเกิดขึ้น 2 ส่วน ส่วนแรกน้องเขาต้องเสียหายที่จะต้องถูกบังคับถูกอะไรก็ตามตามที่เขากล่าว อีกส่วนคือภาพที่หลุดออกมาเขาก็เสียหายอีกครั้ง เพราะข้อเท็จจริงแล้ว การเก็บพยานหลักฐานทำโดยตำรวจแล้วหลุดไปอยู่ในมือบุคคลภายนอกโดยเจตนาของเขาคืออะไร ทำไมไม่เอาไปใช้เป็นพยานในคดีและการออกมาเปิดเผยจะคิดเป็นเจตนาอื่นยังไง อีกคนที่เสียหายคือตนและครอบครัวในทางคดีก็ว่าไป แต่การเอารูปออกมาก็ลองคิดดูว่าเจตนาเขาคืออะไรคงไม่ได้สนใจเรื่องคดี แต่มองว่าคงต้องการให้เกิดความเสียหาย

ติดใจเรื่องหมายจับหมายค้น

เมื่อถามว่ามีการวางแผนหรือทำให้เสียหายหรือดิสเครดิตมานานแล้วหรือไม่เพราะเกิดขึ้นตั้งแต่ที่มินนี่ถูกจับกุมในช่วงเดือน ก.ค. พ.ต.อ.ภาคภูมิระบุว่าคงไม่ไปกล่าวหาอย่างนั้นหากมีพยานหลักฐานก็ว่าไปตามกระบวนการ ตนเป็นตำรวจก็ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม ถ้ามีพยานหลักฐานก็ว่ามา แต่วิธีการคือสิ่งที่ติดใจไม่ว่าจะเป็นการออกหมายจับ และการออกหมายค้นต่างๆตั้งแต่เริ่มต้นและพอยิ่งมาฟังมินนี่ให้สัมภาษณ์อีกก็มองว่า มินนี่คงต้องไปให้การเป็นพยานเพิ่มเติมในเรื่องนี้อีก ส่วนจะต้องนัดพูดคุยกับ “มินนี่” เพื่อหารือทิศทางการต่อสู้คดีหรือไม่นั้น พ.ต.อ.ภาคภูมิระบุว่า ในการต่อสู้คดีของตนกับมินนี่คงแยกกัน เพราะคดีของเขาว่าไปแล้ว คดีตนเพิ่งเริ่มต้องดูในอนาคตและตนก็คงต้องให้ทนายดำเนินการต่อไป

“อนันต์ชัย” โวจะช่วยพ้นบ่วงกรรม

ขณะที่นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.และ 8 นายตำรวจ เปิดเผยถึงการต่อสู้คดีว่า หลังลูกความทุกคนเข้ามาหา หน้าตาก็ยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นไม่เครียด แจ้งทุกคนว่าถ้าบริสุทธิ์ใจไม่ต้องกลัว โดยสิ่งที่สบายใจคือตำรวจทั้ง 8 นาย ได้รับการประกันตัว ทำให้การสอบข้อเท็จจริงไม่มีความกดดัน มีเวลาหาพยานหลักฐานมาใช้ต่อสู้คดี มอบหมายให้ลูกความทั้ง 8 เตรียมเส้นทางการเงินเพราะในการสู้คดีไม่ได้สู้กันหน้าโซเชียลแต่สู้กันบนศาล หลักฐานเส้นทางการเงินจะแสดงให้เห็นที่มาของเงินในบัญชีว่ารู้เห็นหรือไม่อย่างไร รวมถึงฝีมือของทนายความจะช่วยให้พ้นบ่วงกรรม

8 นายไม่หนักใจใครสักคน

นายอนันต์ชัยกล่าวย้ำว่าจะไม่ทำคดีตามกระแสสังคม แต่สิ่งที่มีคนบอกมาทางโซเชียลจะเก็บเป็นข้อมูล ส่วนเรื่องที่มีคนมาเปิดข้อมูลในสำนวนให้มองว่าเป็นเรื่องดี “รู้เขาแต่อย่าให้เขารู้เรา” การที่มีคนมาบอกว่าโอนจากบัญชีนี้ไปบัญชีนี้เท่าไหร่ยังไงมองว่า “สวยเลยความลับเปิดเผย” สำหรับตำรวจทั้ง 8 นาย ไม่มีคนไหนที่หนักใจเป็นพิเศษ โดยกรณี พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย ที่มีภาพคู่กับ ‘มินนี่’ ได้ถาม พ.ต.อ.ภาคภูมิ เวลาที่เขาไปต่างจังหวัด คนที่ชื่นชอบหรือแฟนเพจต่างๆก็จะมาคล้องแขนกัน อย่างไรก็ตามในการสู้คดีนี้ทนายอนันต์ชัย ห้ามทั้ง 8 คน ปิดบังตัวเองแม้แต่นิดเดียวต้องแก้ผ้าให้ดูเหมือนไปหาหมอ ต้องบอกโรคให้ได้จะได้รักษาถูก แต่ถ้าปกปิดแม้แต่นิดเดียวก็คือความซวยของเขาที่ไปปรากฏอยู่บนศาลโดยที่ทนายไม่รู้มาก่อน

ให้รอติดตาม “บิ๊กเซอร์ไพรส์”

ทนายคนดังยังระบุอีกว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ ต้องรอพนักงานสอบสวนเรียกพยานต่างๆเข้ามาสอบสวน อาจใช้เวลาเป็นปีและเรื่องคงไม่จบในปีนี้ ตัวของพนักงานสอบสวนทุกคนมองว่ามีปัญหา เพราะมีบุคคลนิรนามออกมาเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะทั้งที่นักข่าวยังไม่รู้เลยตรงนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ ส่วน ‘บิ๊กเซอร์ไพรส์’ ให้รอติดตามเพราะจะเป็นเรื่องที่ทำให้คนไทยช็อกทั้งประเทศ เป็นประเด็นในวงการสีกากี ตอนนี้เตรียมข้อมูลเอกสารได้ 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว ย้ำบิ๊กเซอร์ไพรส์ไม่เกี่ยวกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และตำรวจ 8 นาย ยืนยันว่าหลังจากเปิดเผยเรื่องนี้ จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ระดับชาติ

ศาลแจงออกหมายค้นโดยชอบ

วันเดียวกันศาลอาญาได้ออกเอกสารข่าวชี้เเจงกรณีตามที่ปรากฏข่าวจากการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนหลายสำนักเป็นที่แพร่หลายจนทราบกันทั่วไปในขณะนี้ว่า เจ้าพนักงานตำรวจได้นำหมายค้นออกโดยศาลอาญาไปตรวจค้นบ้านแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ต่อมามีบุคคลอ้างว่าเป็นข้าราชการตำรวจตำแหน่งระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ข่าวว่าเป็นบ้านพักอาศัยของตน เจ้าพนักงานตำรวจผู้ร้องขอให้ออกหมายค้นหลอกลวงศาลด้วยการปิดบังข้อเท็จจริงไม่ให้ข้อมูลต่อศาลว่าบ้านหลังที่ขอให้ออกหมายค้นเป็นบ้านพักของข้าราชการตำรวจตำแหน่งระดับสูงในลักษณะว่าเป็นเหตุให้ศาลออกหมายค้นไปโดยผิดหลงนั้น ศาลอาญาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่าศาลอาญาออกหมายค้นไปโดยชอบตามพยานหลักฐานที่ผู้ร้องขอให้ออกหมายค้นนำเสนอ

ขอได้แม้เป็นบ้าน ขรก.ระดับสูง

เอกสารศาลอาญาระบุต่อว่า กรณีหากมีเหตุที่จะออกหมายค้นที่รโหฐานใดๆตามกฎหมายเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่สามารถร้องขอให้ศาลออกหมายค้นได้โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงว่าที่รโหฐานนั้นจะมีข้าราชการตำแหน่งระดับสูงหรือผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงหรือบุคคลสำคัญคนใดเป็นเจ้าของหรือครอบครองอาศัยอยู่หรือไม่ แต่ในการยื่นคำร้องขอให้ออกหมายค้นหรือในการนำเสนอพยานหลักฐานต่อศาลผู้ร้องมีหน้าที่ต้องเบิกความหรือให้การต่อศาลตามความเป็นจริงโดยไม่ปิดบังข้อมูลว่า บ้านหลังที่ขอค้นมีบุคคลซึ่งดำรงตำแหน่งข้าราชการระดังสูง หรือผู้มีตำแหน่งระดับสูง หรือบุคคลซึ่งสังคมให้ความสำคัญโดยฐานะหรือโดยสถานภาพทางหน้าที่การงาน ครอบครองเป็นเจ้าของหรือพักอาศัยอยู่หรือไม่ เพื่อศาลจะได้ใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคำร้องขอให้ออกหมายค้นอย่างรอบคอบว่ามีเหตุที่จะออกหมายค้นตามกฎหมายจริงตามที่เจ้าพนักงานผู้ร้องขอให้ออกหมายค้นกล่าวอ้างหรือไม่ ซึ่งเป็นไปตามหลักการในการรับฟังพยานหลักฐาน มิเช่นนั้นแล้วหากได้ข้อมูลไม่ครบถ้วนย่อมมีความเสี่ยงที่จะกระทบสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานในการครอบครองอยู่อาศัยในเคหสถานของบุคคลโดยปกติสุข ตามที่มีการรับรองไว้ในบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ

สอบ ตร.ปกปิดข้อมูลหรือไม่

“ดังนั้นศาลอาญาจึงอยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบต่อไปว่ามีกรณีที่เจ้าพนักงานผู้ร้องขอให้ออกหมายค้นหรือผู้ที่ให้การเป็นพยานในชั้นขอให้ศาลออกหมายค้นเจตนาปิดบังข้อเท็จจริงต่อศาลในการนำเสนอพยานหลักฐานตามที่มีการเสนอข่าวหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อให้ปรากฏข้อเท็จจริงโดยชัดเจนเพื่อความโปร่งใสและเพื่อให้ผู้ร้องขอให้ออกหมายค้นพึงระมัดระวังมาตรฐานในการนำเสนอพยานหลักฐานของตนต่อศาล และเพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป” เอกสารข่าวของศาลอาญาระบุ

“เรืองไกร” ยื่นสอบตั้ง ผบ.ตร.มิชอบ

ขณะที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เผยว่า ได้ยื่นหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านทางไปรษณีย์อีเอ็มเอสไปเมื่อวันที่ 29 ก.ย.เพื่อให้ส่งเรื่องต่อศาลปกครองพิจารณากรณีคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธานแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.เป็นผบ.ตร.ด้วยมติ 9 ต่อ 1 เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพราะ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร. โพสต์เฟซบุ๊กว่า “เป็นเสียงข้างน้อย โหวตไม่เห็นด้วย เพราะการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ไม่เป็นหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด” ทั้งนี้ได้พิจารณาดูแล้วน่าจะหมายถึงการเลือก ผบ.ตร.อาจไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คำนึงถึงอาวุโส ความรู้ความสามารถ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 258 และ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ มาตรา 78 บังคับไว้ โดยขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเรียกรายงานการประชุมของ ก.ตร.มาประกอบการพิจารณาด้วย

ยังไม่โปรดเกล้าฯพูดชื่อไม่ได้

บ่ายวันเดียวกัน ที่ จ.พังงา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เผยถึงกรณีนายเรืองไกร ยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอศาลปกครองวินิจฉัย ว่า นายกฯในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) และ 9 ก.ตร. ลงมติให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็น ผบ.ตร. ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 258  ด้านกระบวนการยุติธรรม (4) และ พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติมาตรา 78 หรือไม่ว่า เรื่องนี้มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในฐานะประธาน ก.ตร. และเมื่อ 2 วันก่อนได้เข้าร่วมประชุมและได้เสนอชื่อทั้งหมด 4 ท่าน เชื่อว่าตามกฎหมายทั้ง 4 ท่าน มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเป็น ผบ.ตร. ได้พิจารณาในวงกว้าง วันนี้ยังไม่สามารถพูดชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ได้ เพราะยังไม่มีการโปรดเกล้าฯ

ยันแต่งตั้งด้วยความบริสุทธิ์ใจ

นายกฯกล่าวว่า ขออธิบายว่าขั้นตอนต่างๆได้อภิปรายในวงกว้างทั้งข้อดีและข้อเสีย และ ผบ.ตร.คนปัจจุบันที่จะเกษียณอายุในวันเดียวกันก็ได้ให้ข้อมูล ทั้งข้อดีและข้อเสียของทุกๆท่าน ได้ถกกันคุยกัน “ผมเองก็ไม่ได้ลุแก่อำนาจ ผมได้รับฟังและวิเคราะห์ดูอย่างถี่ถ้วน ได้เสนอชื่อบุคคลดังกล่าวขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. มั่นใจว่าผมมีความบริสุทธิ์ใจในการแต่งตั้งครั้งนี้” เมื่อถามว่า แม้จะมีการร้องเรียนก็ไม่กังวลใช่ หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ถ้าเกิดจะบอกว่าไม่กังวล ก็ไม่เชิง เพราะถ้าเกิดอะไรที่เป็นเรื่องลบทุกคนที่เป็น มนุษย์ก็ต้องมีความกังวลเป็นธรรมดา แต่ยืนยันว่า ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่