"เสรีพิศุทธ์" หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย มอง ปม "บิ๊กโจ๊ก" ถูกค้นบ้าน เอี่ยวเบื้องหลังแต่งตั้ง ผบ.ตร. เตือน "นายกฯ เศรษฐา" แต่งตั้งรัดกุม เสี่ยงถูกดำเนินคดี แนะ ตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องนี้ให้ชัด

วันที่ 25 ก.ย. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถูกค้นบ้าน เนื่องจากขยายผลการสอบสวนพบว่ามีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ โดยมองว่าต้องแยกออกเป็น 2 กรณี ระหว่างถูก “เตะตัดขา” ในช่วงที่กำลังจะมีการแต่งตั้งตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กับการถูกค้นบ้าน

ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งตำแหน่ง ผบ.ตร. หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ บอกว่า ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ก็มีความพยายามที่จะแต่งตั้ง แต่ไม่รู้จะเสนอใคร และถูกคัดค้านด้วยเหตุและผล พล.อ.ประยุทธ์ จึงยอมถอย ทำให้ตกมาเป็นหน้าที่ของนายเศรษฐา ซึ่งคนเป็นนายกฯ จะต้องรู้กฎหมาย มองว่า นายเศรษฐา เป็นคนนอกวงการ อาจจะไม่เข้าใจ และมีการแต่งตั้งที่ไม่รัดกุม อาจจะถูกดำเนินคดีไปด้วย

ยอมรับว่า การจะล้มล้างตำแหน่งเคยมีมาก่อน แต่การค้นบ้านตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หรือ รอง ผบ.ตร. ไม่เคยมีมาก่อน แต่ครั้งนี้ทำไมถึงเกิดขึ้น ซึ่งการจะค้นบ้านต้องขอหมายศาล และระบุสาเหตุที่เพียงพอว่ากับการกระทำผิดกฎหมาย และต้องระบุว่าบ้านใคร ค้นกี่โมงถึงกี่โมง มองว่าหากระบุชื่อว่าจะค้นบ้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ศาลคงไม่ให้ค้น เพราะขณะตัวเองเคยเป็น ผบ.ตร. เคยถูกฟ้อง ก็ยังมีการยกฟ้อง เพราะเขาให้เกียรติ เช่นเดียวกัน หากระบุชื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ คงไม่ให้ค้น แต่ทั้งนี้ไม่รู้ว่าคนที่ไปขอหมายศาลได้ระบุเหตุผลอย่างไร และมีวิธีการอย่างไร ย้ำว่าการจะไปค้นบ้านตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ต้องมีหลักฐานแน่นหนา

...

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่ตำรวจที่ไปตรวจค้นบอกว่าเพิ่งทราบเหมือนกันว่าเป็นบ้านของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ บอกว่า การค้นบ้านสามารถทำได้ แต่สงสัยว่าทำไมต้องนำหน่วยคอมมานโดไปด้วย มองรูปการณ์ตรวจค้นครั้งนี้ มีเบื้องหน้า เบื้องหลัง และต้องมีสาเหตุมาจากการที่จะแต่งตั้ง ผบ.ตร.ครั้งนี้

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อ ชวนให้คิดได้ว่า มีอิทธิพลภายนอกมาครอบงำ นายกฯ หรือไม่ พร้อมฝากเตือนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่า ต้องคิดให้รอบคอบ และให้ไปดูกฎหมายตำรวจ มาตรา 77(1) เรื่องการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ที่นายกฯ ต้องคัดเลือกรายชื่อโดยคำนึงถึง ความอาวุโส และความรู้ ความสามารถ ซึ่งความอาวุโสชัดเจนอยู่แล้ว แต่ความสามารถพูดลอยๆ ไม่ได้ ต้องมีเหตุผลชัดเจน ดังนั้น นายเศรษฐา ต้องพิจารณาให้ดี

อดีต ผบ.ตร. ยังแนะนำ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่า หากโดนกรณีแบบนี้ต้องสู้ สู้จนคนอื่นแพ้ภัย ต้องดูว่า มาค้นบ้านนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ สามารถรวบรวมหลักฐานได้ เพราะเขาเป็นตำรวจมีความรู้ ความสามารถอยู่แล้ว พร้อมบอกว่า จริงๆ เป็นหน้าที่ของนายกฯ ด้วยที่จะต้องมาหาข้อเท็จจริงว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น และต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องนี้ด้วย