“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เผย ไม่มีเรื่องส่วนตัว กับ “ชลน่าน” เจอต่อหน้า-ลับหลัง เหมือนกัน ยินดีกับ “เศรษฐา” ตั้งรัฐบาลได้ ยันลาออกหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ใช่เกมการเมือง หรือ เล่ห์เหลี่ยม แต่เป็นกฎกติกาที่บิดเบี้ยวจากรัฐธรรมนูญปี 60 โยนถาม “ปดิพัทธ์” ตัดสินใจร่วม กก.บห. ย้ายซบพรรคเป็นธรรมหรือไม่
วันที่ 16 กันยายน 2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รักษาการหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า การลาออกจากหัวหน้าพรรคของนายพิธา และจะขับให้นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 ออกจากพรรค เพื่อไปอยู่พรรคอื่น โดยมองว่า เป็นแผนระดับเซียนเหยียบเมฆ นายพิธายืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเกมการเมือง เพราะตนเองเป็น สส.อยู่ แต่เข้าสภาไม่ได้ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญผู้นำฝ่ายค้านต้องเป็น สส. และหัวหน้าพรรค ส่วนตัวไม่ได้ยึดติดตำแหน่ง หากบริบทการเมืองเป็นเช่นนี้ เราต้องมีฝ่ายค้านที่เข้มแข็งและมีผู้นำ ย้ำว่า ตนเอาเรื่องส่วนรวมมาก่อนส่วนตัว และตัดสินใจประกาศลาออก เพื่อเปิดทางให้เลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ วันที่ 23 กันยายนนี้ เพราะหากดูข้อบังคับแล้วมีหลายเรื่องเช่น การตั้งประธานวิปฝ่ายค้านจะต้องมีผู้นำฝ่ายค้านเป็นคนลงลายเซ็น จึงจำเป็นต้องให้ระบบเดินหน้าได้ ไม่ได้เป็นเกมการเมือง
นายพิธา ย้ำว่า ไม่ได้เป็นเล่ห์เหลี่ยม แต่เป็นกฎกติกาที่บิดเบี้ยวจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 เราตัดสินใจตามกฎกติกาที่มีอยู่ ส่วนประเด็นที่นายสมชัย ระบุว่า พรรคก้าวไกลต้องการรักษาอำนาจเหมือนกับรัฐบาลชุดก่อน มองว่า ขออย่าเพิ่งอนุมานไปไกล ขอให้ฟังเหตุผลความจำเป็น เราตรงไปตรงมากับพี่น้องประชาชน
...
สำหรับกระแสข่าวที่นายปดิพัทธ์ จะย้ายซบพรรคเป็นธรรม หลายฝ่ายมองว่าเป็นเหมือนกันฝากเลี้ยง นายพิธา บอกว่า นายปดิพัทธ์ยังทำงานหลายเรื่องเกี่ยวกับรัฐสภา แต่ตอนนี้คณะกรรมการบริหารพรรคเป็นรักษาการทั้งหมด นายปดิพัทธ์ จึงต้องรอตัดสินใจร่วมกับคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ย้ำว่า ส่วนตัวไม่ได้ปรึกษากันเรื่องนี้ มีเพียงปรึกษากันแค่ว่าร้านอาหารที่จังหวัดพิษณุโลกร้านไหนน่ากิน “ส่งรูปมายั่ว”
ส่วนที่เมื่อวานนี้ (15 ก.ย. 66) ได้ไปงาน กกต. ย้ำว่า ไม่ได้พูดคุยกับนายแสวง บุญมี เลขา กกต.นอกรอบเรื่องคดีหุ้นไอทีวี เพราะรักษาความเป็นกลาง สิ่งที่พูดเป็นสิ่งที่สื่อมวลชนได้ยินทั้งหมด คือการทำให้ระบบนิเวศการเมืองไทย สามารถ “เกิดง่าย อยู่ได้ ยุบยาก” ซึ่งอธิบายให้ฟังว่าพรรคของเราพึ่ง กกต.เยอะมาก โดยเฉพาะงบกองทุนพัฒนาการเมือง และการรับเงินบริจาคจากฐานภาษีพี่น้องประชาชน แต่ระบบเป็นระบบราชการเกินไปทำให้เราต้องเอาเงินไปใช้ในสิ่งที่ไม่อยากทำ หากจะพัฒนาพรรคการเมืองต้องพัฒนาบุคลากรและระบบไอที ซึ่งตรงนี้เขาไม่อนุญาตทำให้
นายพิธา กล่าวว่าตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106 ซึ่งจะต้องตรวจสอบถ่วงดุล ผ่านกฎหมายก้าวหน้า การเป็นผู้แทนราษฎรต้องพูดแทนราษฎร ต้องมีภาวะผู้นำ หากระบบการเมืองเป็นแบบนี้ ฝ่ายค้านยังอ่อนแอเกรงว่าจะเป็นหน้าที่สื่อมวลชนที่คอยตรวจสอบ
เมื่อถามว่า เมื่อวานนี้ ได้ขึ้นเวทีและพบหน้ากับนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นอย่างไรบ้าง นายพิธา บอกว่า การเมืองไม่เคยเอาเรื่องส่วนตัว ข้างหน้าเป็นอย่างไรลับหลังก็เป็นอย่างนั้น พร้อมยินดีกับรัฐบาลที่ตั้งได้ ยินดีกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า จะตรวจสอบสนับสนุนในสิ่งที่ควรตรวจสอบ เราเห็นว่ากระบวนการมีเรื่องแปลกหลายเรื่องทั้งงบประมาณที่เพิ่มขึ้นมาแล้วไม่ตรงกับที่ได้อภิปรายไว้ในสภา พร้อมย้ำว่าไม่มีเรื่องส่วนตัว ทุกเรื่องเป็นเรื่องหลักการและความมืออาชีพในการทำงาน