สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ “พล.ต.ต.สุรินทร์” จี้ นายกฯ ปราบคอร์รัปชัน ชี้ ทุกองค์กรพบทุจริตเกือบหมด พร้อมแนะให้จัดการเรื่องล็อกสเปกการท่าอากาศยาน หากไม่จัดการอาจโดน ม.157 ผิดหวัง ครม. ไร้ “เสรีพิศุทธ์”

เมื่อเวลา 17.18 น. วันที่ 11 กันยายน 2566 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 5 เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คือ คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภาฯ

พลตำรวจตรี สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า เป็นคนสนับสนุน นายเศรษฐา ทวีสิน ให้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่พอมาดูเรื่องการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีแล้วไม่เป็นอย่างที่คิด คือจากที่บอกต้องการแก้วิกฤติชาติ แต่ไม่ใช่ เพราะขณะนี้ทุกองค์กรคอร์รัปชันเกือบหมด โดยงบลงทุน 1.3 ล้านล้านบาท และงบลงทุนเกือบ 20% หายไปจากการคอร์รัปชัน การฮั้วประมูล รวมถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับตำรวจทางหลวง ใน จ.นครปฐม ที่ผ่านมา ให้ไปเช็กดู ล้วนพัวพันกับคอร์รัปชัน แต่รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเรื่องนี้น้อยมาก มีนิดเดียวที่เอ่ยถึงคือการทำงานร่วมกันของประชาชนเรื่องการต่อต้านทุจริต คนรวยยิ่งรวยขึ้น คนจนยิ่งจน คนชนชั้นกลางจะหายไป 

ขณะที่ค่าไฟฟ้าปัจจุบันแพงมาก เท่ากับค่าเช่าบ้านแล้ว เพราะมีค่ากินเปล่า อีกทั้งสัญญาที่รัฐบาลไปทำไว้เปิดเผยยากมาก จึงเป็นห่วงนายกรัฐมนตรีว่าจะอยู่ไม่นาน หากไม่ให้ความสำคัญเรื่องนี้ โดยตนเองคิดว่าจะเอา พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส มาเป็นรองนายกรัฐมนตรี เพื่อมาปราบการทุจริตต่อหน้าที่ แต่ปรากฏว่าไม่มี 

พลตำรวจตรี สุรินทร์ ยังกล่าวอีกว่า ระบบเช็กอินผู้โดยสารของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยเอื้อต่อเอกชน มีการค้ำประกันรายได้ให้เอกชนถึง 90% เป็นจำนวนเงิน 1.4 พันล้านบาท แม้สนามบินปิด และผู้โดยสารไม่ได้ตามเป้าก็มีรายได้ นั่นหมายความว่าบริษัทการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยจะต้องเจ๊งอย่างเดียว อีกทั้งยังมีการใช้เทคโนโลยีล็อกสเปก ใช้ซอฟต์แวร์ผูกขาด กินรวบทุกสนามบิน เพราะใช้บริษัททำซอฟต์แวร์บริษัทเดียว ไม่ให้มีการสืบราคากลาง และมีการตั้งราคาที่สูงมาก จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีมารื้อระบบนี้ โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ต้องตั้งกรรมการสอบสวนขึ้นมา พร้อมขอให้ยกโครงสร้างของสำนักงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบยาเสพติด ระดับกองบังคับการ ให้เทียบเท่าจเรตำรวจ และอีกหลายเรื่องๆ หากนายกฯ ไม่จัดการอาจโดน ม.157 ได้.

...