“รองนายกฯ อนุทิน” พบผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ย้ำ DNA มหาดไทย ต้อง “ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที” พร้อมปรับตัวรับ “รัฐบาลดิจิทัล” ซึ่งจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญต่อจากนี้
วันที่ 8 กันยายน 2566 เมื่อเวลา 9.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พบปะกับผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยในการประชุมขับเคลื่อนภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร
โดยนายอนุทินได้กล่าวแสดงความยินดีที่ได้มาปฏิบัติภารกิจและพบปะกับข้าราชการโดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นครั้งแรก
ในโอกาสนี้ นายอนุทินได้กล่าวว่า ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เป้าหมายที่มีอยู่เดิมของหน่วยงานต่างๆ อาจถูกปรับปรุงพัฒนาไปตามแนวทางในคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี ที่จะถูกนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร นั่นหมายความว่า ผู้บริหารของกระทรวงมหาดไทยจะต้องมีความพร้อมยืดหยุ่น ปรับตัวให้เท่าทันต่อความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
นายอนุทินย้ำว่า ไม่ว่าเป้าหมายหรือแผนงานของกระทรวงมหาดไทยจะถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร DNA ของข้าราชการกระทรวงมหาดไทยในยุคนี้ คือต้อง “ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที”
“ทันโลก” คือ เข้าใจสถานการณ์โลก เพื่อจะรู้ผลกระทบต่อประเทศไทย และปรับตัวได้ทัน สามารถพัฒนาชุมชนและพี่น้องประชาชนในประเทศให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ว่าเหตุการณ์ในโลกจะผกผันไปอย่างไร
“ทันสมัย” คือ ต้องเข้าใจบริบทที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะทางเศรษฐกิจหรือสังคม และสามารถใช้เทคโนโลยี ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนางานในทุกด้าน
...
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวเสริมว่า ใน 4 ปีนับจากนี้ทุกคนจะคุ้นชินกับคำว่า “รัฐบาลดิจิทัล” ซึ่งจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญ ไม่ต่างจากเครือข่ายคมนาคม น้ำ ไฟ ต่างๆ และจะช่วยให้ข้าราชการทำงานสนุกขึ้น เกิดพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดในทุกๆ ด้าน
นายอนุทินอธิบายว่า คำว่า “ทันท่วงที” หมายถึง การตัดสินใจได้อย่างแม่นยำรวดเร็ว ปฏิบัติงานไว ทันสถานการณ์ เพราะเรื่องของประชาชนคือเรื่องด่วนเสมอ พร้อมย้ำว่าข้าราชการในกระทรวงมหาดไทยที่ “ทันโลก ทันสมัย และทันท่วงที” จะเป็นที่พึ่งพาของประชาชนได้ ไม่ว่าในยามปกติ หรือยามวิกฤติ ในยามทุกข์ หรือยามสุข สมดังภารกิจของกระทรวงมหาดไทยที่ต้อง “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” และเพิ่มพูนความอุดมสมบูรณ์ให้พี่น้องประชาชนอยู่เสมอ
สำหรับอีกหนึ่ง นโยบายหลัก ของ รัฐบาล ก็คือ กระเป๋าเงิน ดิจิทัล 10,000 นาท ขอให้ ผู้ว่าฯสนับสนุน นโยบายนี้ ด้วยการ ส่งเสริมให้ คนในชุมชน ผลิตสินค้า ที่มีคุณภาพ ออกมาขาย สร้างมีรายได้ แต่ที่สำคัญ ต้องช่วยดูแล ไม่ให้มีการทุจริตเกิดขึ้น ต้องให้ประชาชน ได้เงินก้อนนี้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ให้นายทุนมาเอารัดเอาเปรียบประชาชน
นายอนุทิน ยืนยัน ตนเองพร้อมปรับตัว ให้พร้อมทำงานได้ตลอดเวลา ดึกแค่ไหน หากมีเรื่องเร่งด่วน สามารถติดต่อได้ตลอด 24 ชม. และไม่ใช่ แค่ตนเอง รัฐมนตรีช่วยทุกคนก็เช่นกัน พร้อมทำงานอย่างเต็มที่ทุกคนไม่ต้องเกรงใจ
พร้อมกำชับ ผู้ราชการจังหวัด ว่า ทุกครั้งที่นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ ไม่ว่าที่ไหน ขอให้ผู้ว่าฯ จังหวัดนั้น ดูแล อธิบาย ชี้แจง ให้ข้อมูล ของจังหวัดกับนายกรัฐมนตรี อย่างละเอียด ไม่ต้องกังวล เป็นห่วงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือแม้แต่ รองนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆ ลงพื้นที่ก็เช่นกัน เพราะไม่มีใคร ให้ข้อมูลให้ผู้บังคับบัญชา ได้ดี เท่ากับ ผู้ว่าฯ
อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องกังวลเรื่องการ ความไม่เป็นธรรม หรือแสวงหาผลประโยชน์ ขอให้สบายใจได้ หากไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ก็ไม่มีปัญหา ไม่ต้องกังวล แต่ยอมรับว่าสิ่งหนึ่งที่ยังคงเป็นความเจ็บปวดและเป็นตราบาป ของตนเองและครอบครัว ก็คือที่เคยถูกกล่าวหาว่า มีการทุจริต การสอบนายอำเภอ สมัยนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เห็นได้จากในอำเภอบางคน ยังใส่เสื้อเก่ารองเท้าขาด มาเข้าโรงเรียน ดังนั้นจะมีการเรียกเงินหลักแสน เพื่อให้ได้เข้าเรียนโรงเรียนในอำเภอได้อย่างไร
และก่อนที่นายอนุทิน จะได้พบกับผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มีการพูดคุยกับ สมาคมแม่บ้านมหาดไทย เพื่อให้ช่วยขับเคลื่อนสนับสนุนการปฏิบัติงานของ ผู้ว่าราชการจังหวัดด้วย