"ก้าวไกล" จับมือ "ประชาธิปัตย์" รวมพลังฝ่ายค้าน จัด 45 ขุนพล ลุยอภิปรายฯ ตั้งเป้า ชำแหละนโยบายไม่ตรงปกของรัฐบาลเศรษฐา 1 ไฮไลต์ เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท, แก้ปัญหาหนี้สิน, ลดค่าไฟ ก๊าซหุงต้ม น้ำมัน-แก้ความเห็นต่าง รธน.

วันที่ 11 ก.ย. ถึงคิว การแถลงนโยบายของรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ต่อที่ประชุมรัฐสภา มีการประชุม 2 วัน คือ วันจันทร์ที่ 11 - วันอังคาร 12 ก.ย. 2566 ภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม.เศรษฐา 1 เมื่อวันที่ 1 ก.ย. และเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนเข้ารับหน้าที่ เมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา

สำหรับถ้อยแถลงนโยบายต่อรัฐสภา สาระสำคัญในการวางกรอบนโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศ ตามกรอบความเร่งด่วน ได้แก่

กรอบระยะสั้น รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นการใช้จ่าย จุดประกายให้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจกลับมาเติบโตอีกครั้ง ประกอบกับการเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของประชาชนอย่างเร่งด่วน และรวดเร็ว

กรอบระยะกลาง และระยะยาว รัฐบาลจะเสริมขีดความสามารถให้กับประชาชน ผ่านการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย สร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ให้กับประชาชนทุกคน

...

ขุนพลก้าวไกล-ประชาธิปัตย์ ลุยซักฟอกนโยบาย

พรรคก้าวไกล โดย นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะเลขาธิการพรรคฯ กล่าวถึงความพร้อม ว่า พรรคก้าวไกล จัด สส.อภิปราย 30 คน ซึ่งมีทั้ง สส.หน้าใหม่ เช่น สส.ภูเก็ต ขอนแก่น และ สส.กรุงเทพมหานคร รวมถึง สส.หน้าเก่าผสมกันไป

โดยจะอภิปรายให้ครอบคลุมทุกเรื่อง ทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และสวัสดิการ เพื่อตรวจสอบ ตั้งคำถาม และข้อสังเกตว่า นโยบายต่างๆ จะสะท้อนเนื้อแท้ของรัฐบาล พร้อมยอมรับว่า เนื้อหาในร่างนโยบายยังคลุมเครือ ค่อนข้างผิดหวัง และยังไม่ชัดเจนว่า จะเป็นความหวังได้หรือไม่ และจะดำเนินการให้บรรลุได้อย่างไร เพราะไม่มีการกำหนดตัวชี้วัด และระยะเวลา

ส่วน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าได้รับการจัดสรรเวลาจากฝ่ายค้าน 2 ชั่วโมง 15 นาที พรรคจะเน้นอภิปรายทั้งด้าน การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม มี สส. แจ้งความจำนงอภิปรายมา 15 คน ตนจะเป็นผู้อภิปรายคนแรก รวมทั้ง นายชวน หลีกภัย และ สส.ใหม่ของพรรคอีกหลายคน อย่างไรก็ตาม พรรค ปชป. ยังยืนยันอุดมการณ์ ไม่แก้มาตรา 112 

นโยบายเร่งด่วน 5 นโยบายหลัก

เอกสารคำแถลงนโยบายของรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ความยาว 52 หน้า ที่สื่อมวลชนได้รับ แบ่งเป็น 3 ส่วนหลักคือ นโยบายในกรอบระยะสั้น ซึ่งใจความระบุว่า รัฐบาลมีความจำเป็นต้องกระตุ้นการใช้จ่าย ให้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจกลับมาเติบโตอีกครั้ง และเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของประชาชนอย่างเร่งด่วนและรวดเร็ว

ทั้งนี้ นโยบายเร่งด่วนทั้งสิ้น 5 นโยบาย ได้แก่ เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท, การแก้ปัญหาหนี้สิน, การลดค่าค่าไฟ ก๊าซหุงต้ม น้ำมันเชื้อเพลิง, การสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว และการแก้ไขปัญหาความเห็นต่างในรัฐธรรมนูญ

นโยบายการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งถูกบรรจุในร่างคำแถลงนโยบายเร่งด่วน ระบุสาระสำคัญว่าการแก้ไขจะไม่แตะต้องหมวดพระมหากษัตริย์ และรัฐบาลจะหารือแนวทางการทำประชามติในการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป

ส่วนนโยบายกรอบระยะกลางและระยะยาว ระบุประเด็นนโยบาย 3 เรื่องหลัก ได้แก่ การสร้างรายได้ให้กับประชาชน การสร้างโอกาส และการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี โดยแตกย่อยได้เป็นอย่างน้อย 20 นโยบาย ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค, นโยบาย "พัฒนากองทัพ", นโยบาย 1 ครอบครัว 1 ทักษะซอฟต์พาวเวอร์ เป็นต้น

การแถลงนโยบายของ ครม. ต่อรัฐสภา ตามมาตรา 102 ของ รธน.แห่งราชอาณาจักรไทย

1. ประชุมวันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 เวลา 09.00 น - 24.00 น. เป็นเวลา 15 ชั่วโมง

2. ประชุมวันอังคารที่ 12 กันยายน 2566 เวลา 09.00 น - 24.00 น. เป็นเวลา 15 ชั่วโมง

3. รวมเวลาอภิปราย 30 ชั่วโมง โดยแบ่งสัดส่วนการอภิปรายดังนี้

3.1 ครม. 5 ชั่วโมง

3.2 สส.ฝ่ายรัฐบาล 5 ชั่วโมง 

3.3. สส.ฝ่ายค้าน 14 ชั่วโมง

3.4 สว. 5 ชั่วโมง

3.5 ประธาน 1 ชั่วโมง

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 8 ก.ย. พรรคก้าวไกล โพสต์ผ่านเพจ “พรรคก้าวไกล – Move Forward Party” ระบุว่า เมื่อรัฐบาลเปลี่ยน แต่หลายอย่างไม่เปลี่ยน จึงแน่ชัดว่าวันนี้ เปลี่ยนแค่นายกฯ แต่รัฐไม่ยอมเปลี่ยนแปลง

ค่าแรง?
เกณฑ์ทหาร?
กระจายอำนาจ?
รัฐธรรมนูญใหม่?

จะเปลี่ยนอะไรได้ เมื่อไม่กล้าแตะต้นตอปัญหา

ทั้งนี้ พรรคก้าวไกล และ พรรคร่วมฝ่ายค้าน เตรียมชำแหละนโยบายรัฐบาลเศรษฐา 1 ในวาระที่นายกรัฐมนตรีจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา พร้อมฟังข้อเสนอแนะจากพรรคก้าวไกล บริหารอย่างไรให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม

#รัฐไม่ยอมเปลี่ยนแปลง #แถลงนโยบายเศรษฐา1

ขณะวันนี้ พรรคก้าวไกล ประกาศจัดหนัก 30 ขุนพลถล่ม “ศิริกัญญา” แม่ทีมฟาดนำร่อง-“วิโรจน์” รัวปิดท้าย ขณะ “ชัยธวัช” เลขาธิการพรรค จองกฐินฟัดปฏิรูปกองทัพ  งานนี้ มีแหย่นายกฯต้องลุกขึ้นตอบทุกกระทรวง อย่าหัวร้อนซ้ำรอยอดีตผู้นำ