รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทาบ “บิ๊กจิ๋ว” เจิมนั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่งวันแรก เอาฤกษ์เพื่อความเป็นสิริมงคล เจ้าตัวมั่นใจ “สุทิน” คุมทหารได้ เตรียมปรับภาพลักษณ์ พูดให้น้อย ทำงานให้เยอะ และทีมติดตามให้น้อยลง หลังโดนแซว ผู้ติดตามเยอะ ชี้ นั่งรถกันกระสุนแล้วอุ่นใจ มั่นใจคงไม่มีกระสุนมาหา
วันที่ 7 ก.ย. 66 เมื่อเวลา 13.00 น. นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำคณะเข้าพบ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านกองทัพ เมื่อนายสุทินมาถึง ได้นำพวงมาลัยดอกมะลิกราบที่ตักพลเอกชวลิตทันที จากนั้นได้แนะนำ นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ อดีต สส.พรรคเพื่อไทย เขตคันนายาว ต่อพลเอกชวลิต
หลังจากนั้น นายสุทิน ได้กล่าวว่า วันนี้ตั้งใจมาเชิญ พลเอกชวลิต นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีที่กระทรวงกลาโหมในวันทำงานวันแรก เพื่อความเป็นสิริมงคล และตนเองระลึกถึงคุณงามความดีที่ท่านได้เคยทำให้กับประเทศ จึงมาขอคำแนะนำ แต่พลเอกชวลิตได้ปฏิเสธ โดยท่านไม่สะดวกเพราะติดปัญหาทางด้านสุขภาพ ขณะดียวกัน พลเอกชวลิต ได้อวยพรให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย งานทุกอย่างราบรื่น โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น ใบหน้าของ พลเอกชวลิต ยิ้มแย้ม นายสุทิน กล่าวว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตนเองได้เดินสายขอคำแนะนำกับบุคคลสำคัญของกองทัพหลายคน เช่น พลเอกเชษฐา ฐานะจาโร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นต้น ส่วนวันนี้มาพบ พลเอกชวลิต ยังเห็นว่าสุขภาพแข็งแรง ส่วนตัวรู้สึกดีใจเพราะมีคนดูแลดี
หลังใช้เวลาพูดคุยหารือ 15 นาที นายสุทิน เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะพูดให้น้อยลง เพราะภาพลักษณ์ทหารพูดให้น้อย ทำงานให้มาก ต่อไปรัฐมนตรีจะต้องพูดให้น้อย วันนี้มาขอพรและมาเยี่ยม ซึ่งตั้งใจจะมาเยี่ยมนานแล้ว นับเป็นโอกาสดี พลเอกชวลิตกล่าวว่า ดีใจที่ นายสุทิน มาถึงจุดนี้ได้เป็นรัฐมนตรี มั่นใจว่าจะทำงานได้ และยังให้พรที่สำคัญคือ ให้เชื่อมั่นตนเองว่าจะทำได้ และไม่หนักใจที่จะมาทำหน้าที่ ทำให้ตนมีกำลังใจมากขึ้น
...
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พลเอกชวลิต ได้ให้คำแนะนำเรื่องการนำทหารพรานมาแทนทดแทนทหารเกณฑ์ ในกรณีที่มีการยกเลิกการเกณฑ์ทหารหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ท่านไม่ได้พูด ท่านแค่ให้กำลังใจเท่านั้น ส่วนเรื่องการปรับลดกำลังพลก็ยังไม่ได้ให้คำชี้แนะอะไร คิดว่าวันหลังถ้ามีเวลาก็จะมาคุยกับท่านใหม่อีกที
ผู้สื่อข่าวถามถึงการทำงานในกระทรวงกลาโหม อยากให้ พลเอกชวลิต เข้าไปนั่งในกระทรวงหรือไม่ นายสุทิน ยอมรับอยากให้ท่านเข้าไปนั่งที่กระทรวงกลาโหมในวันแรกที่ตนเข้าทำงานเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยมองว่าท่านเป็นทหารอาชีพที่มาเล่นการเมือง ถือว่าเป็นคนเก่ง จึงยกย่องท่านว่าเป็นปูชนียบุคคล แต่ท่านตอบว่า ไม่ได้เพราะสุขภาพไม่แข็งแรง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เคยรู้จัก พล.อ.ชวลิต มาก่อนหรือไม่ นายสุทิน ระบุว่า ตอนที่ตนเองอยู่ในรัฐบาลความหวังใหม่ ไม่เคยรู้จัก มารู้จักกันในสมัยรัฐบาลไทยรักไทย โดยมีโอกาสได้พูดคุยกับท่าน ท่านก็เชิญไปตีกอล์ฟในสมัยหนุ่มๆ ซึ่งท่านยังจำเหตุการณ์ในสมัยนั้นได้ดี ความจำท่านดีมาก
ส่วนเรื่องการนับเวลาถอยหลังที่จะต้องเข้ากระทรวงอย่างเป็นทางการ และได้เดินสายเข้าพบผู้ใหญ่หลายท่านมาแล้ว งานใหญ่ที่จะต้องทำในวันแรกคือเรื่องอะไร นานสุทิน กล่าวว่า นโยบายทุกนโยบายจะต้องถูกหยิบขึ้นมา แต่เรื่องที่ตนสนใจมากที่สุดคือเรื่อง การพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ซึ่งเรามีสถาบันป้องกันประเทศ โดยสนใจว่าอยากจะเชิญทหารเก่งๆ ในสมัยใหม่มาเชื่อมโยงนักวิทยาศาสตร์และนักเทคโนโลยีทั้งหลาย และจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่ง เพื่อทำการพัฒนาให้เป็นกองทัพที่สมัยใหม่จริงๆ พร้อมย้ำว่าหากมีรัฐมนตรีช่วยที่มาจากพรรคอื่น ก็ไม่มีปัญหา เพราะเราทำงานภายใต้การบริหารนายกฯ คนเดียวกัน
ขณะเดียวกันในทีมก็จะเตรียมเชิญพลเอกที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมทำงานขับเคลื่อนงานของกองทัพ ซึ่งตอนนี้มีนายพลเยอะเป็นร้อยคน โดยคณะของตนเป็นคณะที่ทำตามนโยบาย ไม่ว่าจะเรื่องทหารเกณฑ์ ชุดปรับกำลังพล คณะชุดปราบยาเสพติด “มีนายพลเยอะเกือบร้อยคน”
ส่วนนโยบายยกเลิกทหารเกณฑ์มีคนสนใจมากในขณะนี้ จะมอบหมายให้ใครมาดูแล จะเปิดเผยได้หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า กำลังจัดชุดกันอยู่ ซึ่งมีทหารที่เสนอตัวเข้ามาทำงานร่วมด้วย แต่ไม่หนักใจ เพราะมีการแบ่งกลุ่มที่ทำงานในระบบที่รับราชการอยู่ และนอกระบบ ซึ่งตนสามารถจะตั้งได้อยู่แล้ว
สำหรับการปรับตัวในฐานะรัฐมนตรีกลาโหม นายสุทิน กล่าวว่า เริ่มปรับตัวได้ดีขึ้น แต่คงต้องใช้เวลา ส่วนเรื่องคนติดตามที่ถูกนำเสนอข่าวไว้ว่ามีถึง 40 คนนั้น นายสุทิน ระบุว่า ถ้าเป็นภาพข่าวในตอนแรกที่มีชุดรักษาความปลอดภัยไปรอหน้าบ้านเพื่อไปรายงานตัว เป็นแค่ไปรายงานตัวเท่านั้น และช่วงนี้เป็นช่วงที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ หลายอย่างยังไม่ลงตัว แต่สัปดาห์หน้าก็ทุกอย่างจะลงตัว และการทำหน้าที่ก็จะใช้คนเท่าที่จำเป็น
ส่วนการจะเรียกประชุมสภากลาโหม นายสุทิน กล่าวว่า ต้องรอเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ แต่ก็คงยึดหลักตามวาระของกองทัพ ซึ่งจะรับฟังก่อนว่ามีปัญหาอะไร หากเร่งรีบก็จะเร่งประชุม หากไม่เร่งรีบก็ประชุมตามวาระคือเดือนละครั้ง
ผู้สื่อข่าวถาม นายสุทิน ว่า ได้เปลี่ยนมานั่งรถประจำตำแหน่งที่เป็นรถเบนซ์รู้สึกอย่างไร นายสุทิน ตอบว่า เขาส่งมาให้ก็ลองนั่งดู เป็นรถกันกระสุนก็อุ่นใจ คงไม่มีกระสุนเข้ามาหาตนเอง แต่ก็อยากจะลองนั่งดูเพื่อเปรียบเทียบว่ารถตู้กับรถกันกระสุนต่างกันอย่างไร และรู้สึกว่าไม่เหมือนกัน
เมื่อถามถึงแนวทางการจัดซื้อเรือดำน้ำในรัฐบาลนี้จะดำเนินการอย่างไร นายสุทิน กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในช่วงของการศึกษา แต่มั่นใจว่านายกรัฐมนตรีมีแนวทางที่เตรียมไว้อยู่แล้ว เชื่อว่าเมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจ ประชาชนจะไม่ผิดหวัง ขณะที่การไปประชุม UN ของนายกรัฐมนตรี คาดว่าก็จะมีแนวทางเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ และมีทางออกที่ดี เพราะ ผบ.สส.ก็จะร่วมคณะเดินทางไปด้วย แต่จะทำให้ได้ผลที่พอใจ “กองทัพไม่เสียโอกาส ประเทศไม่เสียผลประโยชน์” เช่นเดียวกับเรื่องเครื่องยนต์เรือดำน้ำที่มีแนวคิดจะเปลี่ยนมาใช้เป็นเครื่องยนต์จากจีน จากเดิมในสัญญาของกองทัพที่ตกลงกันไว้ว่าจะเป็นเครื่องเยอรมนี แต่ไม่สามารถผลิตให้ได้ เชื่อว่าทุกอย่างจะมีทางออกที่ดี ไม่กระทบต่อความสัมพันธ์กับจีน และเยอรมนี.