รองอธิบดีราชทัณฑ์ เผยการขอพักโทษ "ทักษิณ" ต้องยื่นเรื่องให้กรมฯ พิจารณาว่าเข้าเกณฑ์หรือไม่ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ดุลพินิจของคณะอนุกรรมการและกระทรวงยุติธรรม ซึ่งอาจเข้าข่ายพิเศษป่วยร้ายแรง มีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4 ก.ย. 66 ที่กรมราชทัณฑ์ จ.นนทบุรี นายณรงค์ จุ้ยเส่ย รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายปฏิบัติการ กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นงานฝึกอาชีพนักโทษของกรมราชทัณฑ์ ถึงความคืบหน้าเรื่องการขอพักโทษของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า หลังจากมีพระบรมราชโองการพระราชทานอภัยลดโทษนายทักษิณ จนถึงขณะนี้นายทักษิณยังไม่ได้มีการยื่นเรื่องขอพักโทษมาที่กระทรวงยุติธรรม หรือกรมราชทัณฑ์พิจารณา หากนายทักษิณยื่นเรื่องขึ้นมาให้กรมพิจารณา จะต้องนำเข้าคณะอนุกรรมการพิจารณาว่า จะเข้าเกณฑ์การพักโทษหรือไม่ เป็นสิ่งที่ตนไม่สามารถก้าวล่วงได้ เพราะเป็นดุลพินิจของคณะอนุกรรมการและกระทรวงยุติธรรมที่จะพิจารณา ถือว่าเป็นสิทธิ์ที่สามารถจะกระทำได้
ส่วนกรณีที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ที่อาจเข้าข่ายการขอพักโทษตามโครงการต่างๆ ของกรมราชทัณฑ์ได้ หนึ่งในนั้นคือโครงการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษเนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป ในส่วนนี้มองว่า นายทักษิณก็อาจเข้าข่ายตามโครงการดังกล่าว ซึ่งอาจทำเรื่องขอพักโทษตามโครงการดังกล่าวได้ ซึ่งมีเงื่อนไขต่างๆ ระบุอยู่ และเป็นอำนาจของคณะอนุกรรมการที่จะต้องพิจารณาว่า จะได้รับการพักโทษหรือไม่
ส่วนรูปแบบการพักโทษอาจเป็นการกักตัวอยู่ภายในที่พัก โดยติดกำไล EM หรือสถานที่ต่างๆ โดยการควบคุมของกรมราชทัณฑ์
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา โพสต์ภาพนายทักษิณอุ้มเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง โดยระบุว่า ภาพดังกล่าวถูกถ่ายขึ้นที่โรงพยาบาลตำรวจ ระหว่างที่นายทักษิณถูกควบคุมตัวเพื่อรักษาอาการป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น รองอธิบดีปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว และเดินออกจากกลุ่มสื่อมวลชนไป
...
ทั้งนี้ มีรายงานจากกรมราชทัณฑ์ว่า ภาพถ่ายดังกล่าวเป็นภาพถ่ายเก่า ถูกถ่ายตั้งแต่เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว อีกทั้งสถานที่ดังกล่าวก็ไม่ใช่ภายในโรงพยาบาลตำรวจ แหล่งข่าวยืนยันว่า ภาพดังกล่าวไม่ใช่ภาพใหม่ที่ถูกถ่ายขึ้นอย่างแน่นอน อีกทั้งการเข้าเยี่ยมนายทักษิณ จะมีเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ดูแลอย่างใกล้ชิด โดยไม่ให้บันทึกภาพเคลื่อนไหวหรือภาพนิ่งระหว่างเข้าเยี่ยมนายทักษิณได้ หรือหากมีการถ่ายภาพและนำออกไปเผยแพร่ ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.กรมราชทัณฑ์.