เปิดประวัติ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ควบ 2 เก้าอี้ในรัฐบาลใหม่ ใต้การนำของ “เศรษฐา ทวีสิน” ขยับจากสาธารณสุข มาคุมมหาดไทย
เป็นที่ทราบแน่ชัดแล้วว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ภายใต้รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย หรือที่เรียกกันว่า “ครม.เศรษฐา 1” ถูกประกาศอย่างเป็นทาง โดยมี นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 นำบริหารราชการแผ่นดิน ภายหลังการสมาชิกรัฐสภาที่ประกอบด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ลงมติเห็นชอบด้วยคะแนน 482 เสียง ไม่เห็นชอบ 165 เสียง งดออกเสียง 81 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา
หนึ่งในรัฐมนตรีคนสำคัญของ ครม.นิด 1 คงหนีไม่พ้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งคราวนี้ได้ดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ด้วย สส.ภูมิใจไทย 71 เสียง ได้โควตารัฐมนตรี 8 เก้าอี้ คือ รัฐมนตรีว่าการ 4 เก้าอี้ และรัฐมนตรีช่วยว่าการ 4 เก้าอี้
ประวัติ อนุทิน ชาญวีรกูล
สำหรับประวัติของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เกิดวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2509 ชื่อเล่น หนู อายุในปี 2566 จะอายุครบ 57 ปี เป็นทั้งนักการเมืองและนักธุรกิจ โดยในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 นายอนุทิน ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และในอดีตยังเคยเป็นนักการเมืองที่เคยถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารของพรรคไทยรักไทย ภายใต้การนำของ นายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของไทย และขณะนั้น นายอนุทิน ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เมื่อปี 2547
...
ครอบครัวและความรัก
นายอนุทิน สมรสครั้งแรกกับ สนองนุช วัฒนวรางกูร เมื่อ พ.ศ. 2533 และมีบุตร 2 คน คือ นัยน์ภัค และ เศรณี ชาญวีรกูล ต่อมาใน พ.ศ. 2556 ได้หย่าร้าง และสมรสใหม่กับ ศศิธร จันทรสมบูรณ์ ต่อมาในเดือนมกราคม 2562 นายอนุทิน ได้หย่ากับ ศศิธร และปัจจุบันคบหาดูใจกับ สุภานัน นิราษิท หรือ จ๋า ภรรยาคนที่ 3 และเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งเจ้าตัวก็เคยให้สัมภาษณ์ว่ามักจะไปเช็กอินที่ร้านกาแฟของฝ่ายหญิง
สำหรับการจากลาหย่าร้างกับ ศศิธร นั้น นายอนุทิน มีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในบันทึกข้อตกลงท้ายทะเบียนการหย่า ที่ทำขึ้นเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2562 ระหว่าง นายอนุทิน กับศศิธร มีการระบุสาระสำคัญว่า ทั้งสองฝ่ายไม่ประสงค์ที่จะอยู่กินฉันสามีภรรยากันอีกต่อไป จึงได้ตกลงหย่าขาดจากกันโดยความยินยอมของทั้ง 2 ฝ่าย และยอมรับว่าได้แสดงรายการทรัพย์สินหนี้สินที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นชื่อของฝ่ายใดหรือก่อนขึ้นโดยฝ่ายใดหมดสิ้นแล้ว
ทั้ง 2 ฝ่ายจึงตกลงทำบันทึกข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่าแบ่งปันทรัพย์สิน ความรับผิดชอบในหนี้สินโดยระหว่างอยู่กินฉันสามีภรรยา คู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่ายไม่มีบุตรร่วมกันที่จะต้องใช้อำนาจปกครองแต่อย่างใด จึงตกลงกันว่า ทรัพย์สินที่ ศศิธร ภรรยาคนที่ 2 ของนายอนุทิน แจ้งต่อกรรมการ ป.ป.ช. ว่า ตกลงให้เงินแก่ ศศิธร เป็นเงิน 50 ล้านบาท แบ่งจ่าย 5 งวด งวดละ 10 ล้านบาท จ่ายทุกวันที่ 1 พฤษภาคม ตั้งแต่ปี 2562-2566 อีกทั้งจะมีการจ่ายเงิน 300,000 บาท โอนเข้าบัญชีของภายในวันที่ 5 ของทุกเดือน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2562 เป็นต้นไป และให้สิ้นสุดลงเมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดถึงแก่กรรม หรือคู่สัญญาฝ่ายที่สองสมรสใหม่ หรือมีคู่ครองใหม่โดยพฤติกรรม รวมไปถึงชำระเงินค่าเบี้ยประกันสุขภาพรายปีของ ศศิธร โดยให้สิ้นสุดลงเมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดถึงแก่กรรมหรือคู่สัญญาฝ่ายที่สองสมรสใหม่ หรือมีคู่ครองใหม่โดยพฤติกรรม และยังให้เงิน 5 ล้านบาท ช่วยปรับปรุงตกแต่งบ้าน ให้ห้องชุด บ้านไข่มุก คอนโดมิเนียม เนื้อที่ 242 ตารางเมตร ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
เส้นทางการเมือง
นายอนุทิน เข้าสู่วงการการเมืองเมื่อปี 2539 โดยการรับตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (ประจวบ ไชยสาส์น) และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (พ.ศ. 2547 และ พ.ศ. 2548) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (พ.ศ. 2547) ต่อมาถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารของพรรคไทยรักไทย และหลังจากพ้นกำหนดการตัดสิทธิทางการเมืองในปี 2555 ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพรรคต้นสังกัดของ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ผู้เป็นบิดา ที่ย้ายมาจากพรรคพลังประชาชนร่วมกับกลุ่มเพื่อนเนวิน และต่อมาได้รับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคต่อจากบิดา
จากนั้นในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 นายอนุทิน ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคภูมิใจไทย ลำดับที่ 1 แต่การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ต่อมาในการเลือกตั้งปี 2562 ได้รับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ลำดับที่ 1 และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นบุคคลที่พรรคการเมืองจะเสนอชื่อต่อรัฐสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรี (แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี) ซึ่งหลังการเลือกตั้ง นายอนุทิน และพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ และสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อเป็นสมัยที่ 2 และได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และยังดำรงตำแหน่งประธานสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขอีกตำแหน่งหนึ่ง
ขณะที่การเลือกตั้งปี 2566 นายอนุทิน ได้รับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคภูมิใจไทย ลำดับที่ 1 และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง และต่อมาเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ก่อนจะได้ดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ทั้งนี้ ในขณะที่นายอนุทิน ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ต้องเผชิญกับปัญหาในการแก้วิกฤติโรคโคโรนาไวรัส 2019 (โควิด-19) จนถูกกระแสสังคมและบุคลากรทางการแพทย์บางส่วนออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่และการบริหารจัดการสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
กระทั่งมีการจัดตั้งรัฐบาลครั้งใหม่ ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ซึ่งพรรคก้าวไกลส่งไม่ต่อเนื่องจากไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แม้จะเป็นพรรคที่ได้เสียงอันดับ 1 ในการเลือกตั้ง โดยพรรคเพื่อไทยได้เชิญพรรคภูมิใจไทยที่มี สส. 71 เสียง ร่วมจัดตั้งรัฐบาล จนประชาชนทั้งประเทศได้เห็นช่วงนาทีสำคัญคือการร่วมดื่มเครื่องดื่มมิ้นต์ช็อกด้วยบรรยากาศแสนชื่นมื่น
มาถึงรัฐบาลใหม่ 2566 หลังจัดตั้งรัฐบาล และโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐบาลทั้งคณะ นายอนุทิน ได้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และคุมกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรัฐมนตรีว่าการ อีก 1 ตำแหน่ง ถึงเวลาที่เจ้าตัวต้องพิสูจน์ฝีมืออีกครั้งในการทำหน้าที่ในกระทรวงใหม่ที่ยังไม่เคยดูแล ซึ่งกระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงที่เกี่ยวข้องในหลายส่วนงานเกี่ยวกับกับปกครองท้องถิ่นทั่วประเทศ.
(อ่าน : โปรดเกล้าฯ “ครม.เศรษฐา 1” แล้ว ราชกิจจานุเบกษาเผยรายชื่อและตำแหน่งรัฐมนตรี)