ผู้การ 6 ออกคำสั่งจัดกำลังอารักขา “ทักษิณ” เข้มงวด ส่งกำลังดูแลทุกจุดเสี่ยงใน รพ.ตำรวจ พร้อมกำลังตำรวจชุดเคลื่อนที่เร็ว เพื่อดูแลความปลอดภัย “ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ” เปิดเกณฑ์เยี่ยม “ทักษิณ” เริ่มให้เยี่ยมวันแรก 28 ส.ค. เฉพาะคนในครอบครัวไม่เกิน 10 คน แต่ต้องส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ล่วงหน้า เยี่ยมได้ 2 ช่วงเวลา 11.00-13.00 และ 17.00-20.00 น. รองปลัด ยธ.ย้ำ ไม่มีวี่แววย้ายตัวไปโรงพยาบาลเอกชน เชื่อ รพ.ตำรวจมีศักยภาพดูแลอดีตนายกรัฐมนตรีได้ คปท.ร้องเรียน ยธ.หยุดเลือกปฏิบัติกับนายทักษิณ ส่วน “ศรีสุวรรณ” ร้อง ป.ป.ช.สอบผู้บริหารราชทัณฑ์ทำผิดระเบียบและกฎหมายอำนวยความสะดวกทักษิณ ขณะที่ ศปปส.ประกาศยุติไล่เช็กบิลแล้ว
กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตัดสินใจประสาน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ขอเข้ามอบตัว เดินทางโดยเครื่องบินส่วนตัวจากประเทศสิงคโปร์เข้ามาทางท่าอากาศยานดอนเมือง ถือเป็นการเดินทางกลับประเทศไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี เข้ารับโทษในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตามคำพิพากษา 3 คดี รวม 8 ปี ตรวจร่างกายเบื้องต้นพบมีโรคประจำตัว 4 โรค ระหว่างที่อยู่ในเรือนจำอาการป่วยกำเริบ แน่นหน้าอก ความดันสูง ประกอบกับเป็นโรคหัวใจ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มีแพทย์เฉพาะทาง ตัดสินใจส่งตัวเข้ารับการรักษาที่ชั้น 14 หอผู้ป่วยพิเศษระดับสูง อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
...
ตำรวจตั้งชุด รปภ.เพิ่ม 24 ชม.
ความคืบหน้าวันที่ 24 ส.ค. พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.น.6 มีบันทึกข้อความด่วนที่สุด เรื่องจัดชุดเคลื่อนที่เร็วสนับสนุน สน.ปทุมวัน สั่งการถึง รอง ผบก.น.6 ผกก.สน.ในสังกัด และ ฝอ.บก.น.6 ระบุว่า ด้วย สน.ปทุมวันมีผู้ต้องขังสำคัญของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครเข้ารักษาพยาบาล ณ โรงพยาบาล ตำรวจ อาจมีบุคคลไม่หวังดีก่อเหตุวุ่นวายกระทบต่อการควบคุมตัว เพื่อให้การควบคุมตัวผู้ต้องขังสำคัญและการรักษาความปลอดภัยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ ให้ สน.จัดกำลังชุดเคลื่อนที่เร็วสนับสนุน สน.ปทุมวัน ดังนี้ จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับ สว. (ผู้ควบคุม) 1 นาย จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับ รอง สว. (หัวหน้าชุด) 1 นาย จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ (ป.) จำนวน 4 นาย โดยให้จัดกำลังตามข้อสั่งการให้เตรียมพร้อมในที่ตั้ง สน.สามารถเรียกได้ภายในเวลา 15 นาที และตรวจสอบกำลังได้
พร้อมสั่งกำลังเคลื่อนที่เร็ว 24 ชม.
ให้กำลังดังกล่าวมารายงานตัวกับ สวป.สน.ปทุมวัน ก่อนเวลาปฏิบัติภารกิจ 30 นาที บริเวณหน้า สน.ปทุมวัน เริ่มปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.66 เวลา 07.30 น.เป็นต้นไป (ตามตารางเวร) ปฏิบัติหน้าที่ ชุดเคลื่อนที่เร็ว ตั้งแต่วันที่ 24-31 ส.ค.66 จนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ ส่วนการแต่งกาย ชุดปฏิบัติการพร้อมอุปกรณ์ประจำกาย และใช้รถจักรยานยนต์สายละ 1 คัน ให้ สว.ฝอ.บก.น.6 (พัสดุ) จัดอาหารและน้ำดื่มสนับสนุนกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ เริ่มวันที่ 24 ส.ค.66 เวลา 18.00 น. เป็นมื้อแรกและมื้อต่อๆไปจนเสร็จสิ้นภารกิจ โดยให้นำส่งอาหารและน้ำดื่ม ณ สน.ปทุมวัน จึงแจ้งมาเพื่อทราบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
แพทย์ใหญ่ไม่รู้เรื่องย้าย รพ.
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ เดินทางมาประชุมพิจารณาคัดเลือกข้าราชการตำรวจวาระประจำปี 2566 โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.เป็นประธาน หลังการประชุมปฏิเสธการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนประเด็นเกี่ยวกับการรักษาตัว รวมถึงการเคลื่อนย้ายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน ตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ ระบุเพียงว่า ตนยังไม่ได้รับรายงานจากทีมแพทย์ผู้รักษา หลังจากนี้จะไปประชุมร่วมกับคณะแพทย์เกี่ยวกับการรักษานายทักษิณว่าตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 ส.ค.จนถึงปัจจุบันอาการเป็นอย่างไร ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ราชทัณฑ์อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมนายทักษิณที่ รพ.ตร.ได้ 10 คน มีญาติส่งรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าเยี่ยมให้กรมราชทัณฑ์แล้ว เริ่มเยี่ยมได้วันที่ 28 ส.ค.นี้
ผบ.คุกไม่รู้ข้อมูลรักษาทักษิณ
ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เวลา 11.00 น. นายนัสที ทองปลาด ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เผยว่า สำหรับการนอนพักรักษาตัวเป็นคืนที่ 2 ของอดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากราชทัณฑ์ส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ตำรวจ ตั้งแต่กลางดึกวานนี้ ข้อมูลในส่วนการแพทย์เป็นความรับผิดชอบของทีมแพทย์ รพ.ตำรวจ ราชทัณฑ์มีบทบาทหลักคือ ดูแลรักษาความปลอดภัยและความเรียบร้อยให้ผู้ต้องขัง ราชทัณฑ์จะไม่ได้รับรายงานแนวทางกระบวนการรักษาเพราะถือเป็นเรื่องสิทธิของผู้ป่วย รวมถึงเป็นความรับผิดชอบของ รพ.ตำรวจและทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ที่ทำงานประสานกัน อย่างไรก็ตาม เอกสารประวัติการรักษาต่างๆของอดีตนายกฯ ราชทัณฑ์ส่งมอบให้ รพ.ตำรวจ ครบถ้วนแล้ว ส่วนจะกักตัวเพื่อรักษาโรคต่อเนื่องหรือไม่ เป็นดุลพินิจของทีมแพทย์ที่รับผิดชอบ
บูรณาการ 3 ฝ่ายดูแลทุกเรื่อง
“ส่วนเรื่องอาหาร เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลตำรวจและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์รับผิดชอบร่วมกัน เป็นอาหารสำหรับผู้ป่วยสูงวัยและมีโภชนาการเหมาะสม ปลอดภัยต่อโรค เมื่อวานนี้ราชทัณฑ์ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลตำรวจ พูดคุยในเชิงการปฏิบัติ การคัดกรองความปลอดภัยและเกณฑ์การเยี่ยม มีแนวทางปฏิบัติชัดเจน พร้อมทั้งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมกัน 3 หน่วยงานที่ รพ.ตำรวจ เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากในการปฏิบัติหน้าที่ โรงพยาบาลตำรวจมีระเบียบของหน่วยงานตัวเองไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาการเยี่ยมช่วงเช้าช่วงบ่าย และการปฏิบัติต่อคนป่วย ต่อญาติ เนื่องจากในอาคารยังมีญาติผู้ป่วยรายอื่นด้วย ดังนั้นต้องทำงานร่วมกัน ไม่สามารถเอาระเบียบของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งมาใช้เพียงอย่างเดียว ต้องบูรณาการร่วมกัน” นายนัสทีกล่าว
เริ่มให้เยี่ยมวันแรก 28 ส.ค.
ส่วนเกณฑ์การเข้าเยี่ยม นายนัสที เผยว่า รพ.ตำรวจค่อนข้างชัดเจนเรื่องกรอบเวลาการเข้าเยี่ยม ในช่วง 5 วันแรกที่นายทักษิณอยู่ระหว่างกักโรคโควิด-19 (วันที่ 23 - 27 ส.ค.) ไม่สามารถให้บุคคลใดเข้าเยี่ยมได้ ยกเว้นทนายความตามกฎหมายมีบัตรทนายความ แต่เป็นการเยี่ยมผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ เมื่อพ้น 5 วันกักโรคแล้ว จะเป็นญาติหรือบุคคลตาม 10 รายชื่อที่อดีตนายกรัฐมนตรีระบุแจ้งกับราชทัณฑ์ไว้เข้าเยี่ยมได้ ขณะนี้ราชทัณฑ์มีรายชื่อทั้งหมดแล้ว ส่วนใหญ่เป็นญาติและครอบครัว ราชทัณฑ์ต้องขอสงวนความเป็นส่วนตัวในการเปิดเผยรายชื่อผู้เข้าเยี่ยมคนไข้ ในการนี้จะไม่มีในส่วนของบุคคลทั่วไป เบื้องต้นในที่ประชุมวานนี้ กำหนดให้มีการเยี่ยม 2 ช่วงเวลาคือ ช่วงเช้า ตั้งแต่เวลา 11.00-13.00 น. ส่วนช่วงบ่ายตั้งแต่เวลา 17.00-20.00 น.
มีแค่ 10 คนที่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม
“โรงพยาบาลตำรวจมอบหมายให้ราชทัณฑ์เป็นผู้จัดการรายชื่อ 10 บุคคลที่จะเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ราชทัณฑ์ให้ลงทะเบียนเพื่อขอติดต่อเยี่ยม จากนั้นเราจะมีบัตรอนุญาตสำหรับผู้เข้าเยี่ยม (บัตรเพื่อการเฉพาะ) ในส่วนนี้เป็นไปเพื่อขั้นตอนรักษาความปลอดภัยแก่นายทักษิณ และจะเป็นบัตรที่ทำให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลตำรวจและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในพื้นที่เข้าใจได้ว่า เป็นบุคคลที่ได้รับการอนุญาตจากราชทัณฑ์และนายทักษิณให้เข้าเยี่ยมได้ นายทักษิณยังนอนพักรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ ยังไม่ได้มีแผนโยกย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแต่อย่างใด” นายนัสทีระบุ
คปท.ร้อง ยธ.หยุดเลือกปฏิบัติ
ที่กระทรวงยุติธรรม นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ยื่นหนังสือร้องเรียนกับนายสหการณ์ เพ็ชร นรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ขอให้ยุติการเลือกปฏิบัติเป็นกรณีพิเศษกับนายทักษิณ ชินวัตร นายพิชิตกล่าวว่า จากการที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ส่งตัวนายทักษิณไปรักษาที่ รพ.ตำรวจ เป็นที่น่าเคลือบแคลงของสังคมว่า สุขภาพนายทักษิณที่เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์และสื่อสังคมออนไลน์ของบุตรสาวพบว่า สื่อสารหลายครั้งว่าสุขภาพนายทักษิณอยู่ในเกณฑ์แข็งแรงดี แม้มีโรคหรืออาการของโรคบางชนิด ทั้งยังสื่อสารว่า ออกกำลังกายดูแลสุขภาพด้วยการว่ายน้ำ เตะเป้า ยกดัมเบล เผยแพร่ในสื่อสาธารณะทั่วไป วิเคราะห์ล่วงหน้าไว้แล้วว่า นายทักษิณจะใช้เรื่องสุขภาพและอาการของโรคเป็นข้ออ้างโอนตัวไปรักษาในห้องพิเศษ รพ.ตำรวจ สุดท้ายจะโอนย้ายต่อไปโรงพยาบาลเอกชนที่สะดวกสบาย ปรากฏว่าเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นจริง ทั้งที่ถูกควบคุมตัวไม่ครบ 24 ชม.
กล่าวหาอาการป่วยไม่หนัก
“เห็นว่ากรณีดังกล่าว 1.อาการป่วยนายทักษิณอาจไม่ได้เกิดขึ้นจริงหรือมีอาการรุนแรงตามถ้อยแถลงของกรมราชทัณฑ์ 2.การจัดการให้นายทักษิณอยู่ห้องขังเดี่ยวมีเพียงห้วง 10 วันแรกที่ต้องกักโรค หรือจะมีอภิสิทธิ์อยู่ห้องขังเดี่ยวหรือในโรงพยาบาลตลอดไป อ้างถึงการเจ็บป่วยและปัญหาสุขภาพ 3.นักโทษสูงวัยรายอื่นกรมราชทัณฑ์จะจัดการดูแลอย่างเท่าเทียมกันทุกรายหรือไม่ หรือจะให้อภิสิทธิ์เกิดขึ้นเฉพาะรายจนเกิดคำกล่าวขานว่า คุกมีไว้ขังเฉพาะคนจน” นายพิชิตกล่าว
เสนอ ยธ.ดำเนินการ 4 ข้อ
แกนนำ คปท.กล่าวต่อว่า ด้วยเหตุการณ์ดังกล่าว คปท.ขอให้กระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ดำเนินการดังนี้ 1.กรณีนายทักษิณต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจหรือโรงพยาบาลเอกชน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานและจริยธรรมทางการแพทย์ กรมราชทัณฑ์ควรเชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจร่างกายโดยละเอียดอีกครั้งว่าจำเป็นหรือไม่ เพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา 2.กรมราชทัณฑ์ต้องดำเนินการให้นายทักษิณอยู่ในฐานะผู้ต้องขังให้มีมาตรฐานเดียวกับผู้ต้องขังอื่นตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ 3.กระทรวงยุติธรรมต้องดำเนินการให้คุมขังนายทักษิณเป็นไปตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ทั้งการเลื่อนชั้นนักโทษ การดำเนินการขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายให้เป็นไปตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด ไม่ควรให้เกิดอภิสิทธิ์หรือข้อยกเว้นจนเกิดสองมาตรฐาน 4.ผู้ต้องขังมีสิทธิขอพระราชทานอภัยโทษและการพระราชทานอภัยโทษ แต่การขอพระราชทานอภัยโทษในคดีทุจริตไม่เคยมีมาก่อน อาจสร้างบรรทัดฐานใหม่ส่งผลให้นักการเมือง ข้าราชการ นักการเมืองท้องถิ่นจำนวนมากที่ต้องโทษฉ้อราษฎร์บังหลวง ใช้เป็นช่องทางให้พ้นโทษจากเรือนจำ
รองปลัด ยธ.ยันไม่ย้าย รพ.
ต่อมานายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาพฤตินิสัย เปิดเผยถึงกระแสการย้ายตัวนายทักษิณ ชินวัตร จาก รพ.ตำรวจ ไป รพ.เอกชนว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานเข้ามา แต่ยืนยันยังไม่มีการส่งตัวออก ส่วนตัวมั่นใจว่า รพ.ตำรวจ มีศักยภาพดูแลรักษาได้ กรมราชทัณฑ์ติดตามดูแลอาการอย่างใกล้ชิด เพราะนายทักษิณยังอยู่ในการควบคุมของเรือนจำ อย่างไร ก็ตามเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเผยแพร่ภาพนายทักษิณขณะรับการรักษาเพราะมีกฎหมายคุ้มครอง ส่วนการรักษาความปลอดภัยมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ 4 นายคอยคุ้มกันอยู่นอกห้องพัก ส่วนกรณีสังคมตั้งข้อสังเกตว่า อาการป่วยของนายทักษิณทรุดลงหลังจากเข้าเรือนจำ ตนต้องชี้แจงว่า หากจินตนาการว่าต้องเข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ถูกจำกัดสิทธิ จากที่กินอยู่สุขสบาย อาจส่งผลให้ร่างกายมีปัญหาได้ ขณะนี้ยังไม่ได้ส่งจิตแพทย์เข้าไปดูแลอาการ แต่แพทย์รักษาตามประวัติจากต่างประเทศ
ครอบครัวเยี่ยมได้ไม่เกิน 10 คน
นายสหการณ์กล่าวอีกว่า สำหรับหลักเกณฑ์การเข้าเยี่ยมนายทักษิณระหว่างรักษาตัวที่โรงพยาบาล ต้องเป็นไปตามที่เรือนจำกำหนดคือ ญาติที่สืบสายเลือดและครอบครัวเข้าเยี่ยมได้ไม่เกิน 10 คนโดยไม่ให้เข้าเยี่ยมใน 5 วันแรก และต้องแจ้งความจำนงมายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ก่อนปฏิบัติตามกติกาโรงพยาบาล คือเข้าเยี่ยมระหว่างเวลา 11.00-13.00 น. และ 17.00-19.00 น. ในวันปกติ หากอยู่โรงพยาบาลเกิน 5 วันและมีบุคคลสำคัญนอกเหนือจากญาติ เช่น นักการทูตต้องสอบถามตัวผู้ป่วยเองว่า อยากให้บุคคลนั้นเข้าพบหรือไม่ ส่วนการติดต่อสื่อสารใดๆ นายทักษิณต้องดำเนินการผ่านเจ้าหน้าที่และให้แจ้งผ่านญาติ นับแต่วันคุมขังนายทักษิณยังไม่แจ้งความประสงค์ใด โดยตนพบเห็นเจ้าตัวครั้งล่าสุดวันรับตัวเข้าเรือนจำ สวมเสื้อเชิ้ตขาวกางเกงสแล็กสีกรมท่าและยังไม่ได้เปลี่ยนชุด
ส่งคนป่วยหนักเข้า รพ.ตลอด
“ที่ผ่านมาเมื่อมีนักโทษที่ป่วยอาการวิกฤติ เรือนจำทั่วประเทศส่งตัวไปยังโรงพยาบาลแม่ข่ายระดับอำเภอ จังหวัด หรือภูมิภาค รวมถึงโรงพยาบาลตำรวจที่มีศักยภาพการรักษามาตลอด เพียงแต่ไม่ได้เป็นบุคคลมีชื่อเสียงจึงไม่ปรากฏข่าว เนื่องจากกรมราชทัณฑ์และ รพ.ตำรวจ มีบันทึกข้อตกลงร่วม (เอ็มโอยู) ส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษา หาก รพ.ราชทัณฑ์ ไม่สามารถรักษาได้ ถือเป็นเรื่องปกติที่ต้องยื้อชีวิตผู้ป่วยไว้ให้ได้ โดยมีแพทย์เป็นผู้วินิจฉัยการส่งตัวร่วมกับราชทัณฑ์ ญาติไม่สามารถร้องขอให้ไปรักษาที่ รพ.ใดเองก็ได้” รองปลัดกระทรวงยุติธรรมกล่าว
ยื่น ป.ป.ช.ฟันราชทัณฑ์ช่วย “ทักษิณ”
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.ให้ไต่สวนผู้บริหารกรมราชทัณฑ์กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ กรณีมีส่วนช่วยนายทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องโทษจำคุก 8 ปี ตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ไม่ต้องนอนคุก แต่ไปนอน รพ.ตำรวจแทน นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า หลังนายทักษิณถูกนำตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อตรวจสุขภาพก่อนส่งเข้าเรือนจำ หลังจากนั้นไม่กี่นาทีกรมราชทัณฑ์แถลงว่า นายทักษิณอยู่ในกลุ่มเปราะบางอายุเกิน 70 ปี ป่วย 4 โรค ต้องเฝ้าระวังดูแลโดยแพทย์เฉพาะทาง ขัดกับพฤติกรรมก่อนหน้าที่อยู่ต่างประเทศยังเดินทางไปทั่วโลก ไม่มีปัญหาสุขภาพ แต่พอเข้ารั้วเรือนจำกลับเป็นคนอมโรค ไม่ทันข้ามคืนอนุมัติไปรักษาตัว รพ.ตำรวจ อ้างความดันขึ้นสูงเป็นที่ครหาของสังคม พฤติการณ์ผู้บริหารกรมราชทัณฑ์มีข้อพิรุธอาจขัดระเบียบกฎหมาย และรัฐธรรมนูญมาตรา 27 ห้ามเลือกปฏิบัติ ขอให้ ป.ป.ช.ไต่สวนเอาผิดผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
ศปปส.ประกาศยุติไล่เช็กบิล
วันเดียวกัน ศปปส.ประกาศยกเลิกการเคลื่อนไหวเพื่อตามเช็กบิล น.ช.ทักษิณ ที่สำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธาน ศปปส.โพสต์ข้อความลงสื่อสังคมออนไลน์ว่า นับตั้งแต่การเลือกตั้งเสร็จสิ้นการดำเนินการของ ศปปส.ที่ออกคัดค้านผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกฯ เราพูดแล้วทำทุกเรื่อง ประชาชนแทบไม่ผิดหวัง ยื่นหนังสือทุกหน่วยงานโดยเฉพาะ สว.และยื่นคัดค้านจนถึงวันสุดท้าย จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง มันทำให้บรรลุผลที่เราตั้งใจ จนครั้งล่าสุดกลุ่มเราไม่ออกไปคัดค้านการโหวตนายกฯ ไม่ใช่เพราะเห็นชอบแต่เรารู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น หลังจากเราประเมินสถานการณ์แล้ว เราไม่อาจต่อต้านได้ด้วยเหตุผลหลายประการ ท้ายที่สุดเราแค่คิดสงสารคนที่บาดเจ็บและเสียชีวิตจากการออกมาชุมนุมประท้วงรัฐบาลที่โกงกินบ้านเมือง คิดล้มล้างสถาบันเบื้องสูง เราต้องจำยอมตามสถานการณ์ตอนนี้ วันนี้ก็เช่นกัน เราจะไปยื่นหนังสือเพื่อขอให้สำนักงานอัยการสูงสุดรื้อฟื้นคดีมาตรา 112 แต่เราต้องมาสะดุดอีกครั้ง ต้องขออภัยประชาชนที่ตั้งตารอติดตามพวกเรา