“ณัฐวุฒิ” ยัน ตัดสินใจยุติบทบาทกับเพื่อไทย เหตุรับไม่ได้จับมือ 2 ลุง สวนทางจุดยืนที่แสดงมาตลอด มอง จะเป็นรัฐบาลที่เดินหน้าไปด้วยความยากลำบาก รอประชาชนตัดสิน เชื่อ “เศรษฐา” ได้เป็นนายกฯ ฝากถึง “ทักษิณ” ยินดีต้อนรับกลับบ้าน
วันที่ 21 สิงหาคม 2566 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์เปิดใจหลังขอยุติบทบาทผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย รวมถึงการทำงานกับพรรคเพื่อไทยทั้งหมด ว่า ที่จริงมีคำตอบของตัวเองอยู่แล้ว และได้บอกกล่าวกับผู้ใหญ่ของพรรคเพื่อไทยเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนหน้า ได้แจ้งกับแกนนำแต่ละคนเป็นระยะ เพียงแต่การตั้งคำถามของหลายคนก็เป็นสิทธิ์ ประชาชนก็มีสิทธิ์ที่จะรับรู้ว่าคนการเมืองคิดอย่างไรต่อสถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นตอนนี้ แต่ไม่ได้รู้สึกว่ายกเอาอะไรออกจากอก เพราะเป็นวิถีทางที่ต้องตัดสินใจเมื่อถึงเวลาของมัน เพียงแต่รอเวลาจะมาถึงเท่านั้น และเมื่อมาถึงวันนี้จะมีการโหวตนายกรัฐมนตรี ก็ถึงเวลาที่จะต้องถอยออกมา และยุติบทบาทการทำงานกับพรรคเพื่อไทย
ส่วนที่ก่อนหน้ามีแต่คนตามหาตัว นายณัฐวุฒิ ระบุว่า เก็บตัวเงียบเพราะรอเวลาเหมาะสม นั่งดูด้วยหัวใจสงบ แต่ถือเป็นสิทธิ์ของคนที่จะถามหา แต่เมื่อได้รับคำตอบก็ยังไม่รู้ว่าใครจะเห็นด้วยหรือเห็นต่าง หรือจะแปลความหมายออกไปอย่างไร “แต่ขอยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ใจ การตัดสินใจครั้งนี้ด้วยความรักพรรคเพื่อไทย เข้าใจและเห็นใจทุกอย่าง แต่ตนเองไปด้วยกับสถานการณ์นี้ไม่ได้ ที่พรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรค 2 ลุงที่ทำรัฐประหาร ทำใจและรับไม่ได้ที่จะอยู่ร่วมกับรัฐบาลนี้ ไม่สามารถที่จะเดินทางไปกลับสูตรการตั้งรัฐบาลแบบนี้ด้วยความเข้าใจทุกคน เพียงแต่ทุกคนต้องเข้าใจตนเองเหมือนกันว่า นี่คือสิ่งที่ได้ยืนยันมาตลอดชีวิตทางการเมือง ไม่ว่าจะถูกมองด้วยสายตาแบบไหน ณัฐวุฒิก็ยังคงเป็นณัฐวุฒิแบบนี้มาตลอด”
...
เมื่อถามว่าเป็นเพราะไม่เชื่อใจพรรคเพื่อไทยที่ไปจับมือกับพรรค 2 ลุง แล้วจะทำให้เสถียรภาพความเป็นรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยเลือนหายไปหรือไม่ นายณัฐวุฒิ ระบุว่า ตนเองไม่มีความรู้สึกร้ายต่อพรรคเพื่อไทย และขอส่งกำลังใจให้ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย และทุกคนในพรรค ขับเคลื่อนรัฐบาลแก้ปัญหาของประเทศ ทำในสิ่งที่ประกาศไว้กับประชาชนให้ได้ ส่วนประชาชนจะมีบทสรุปให้พรรคเพื่อไทยอย่างไรเป็นเรื่องอนาคตที่ต้องรอดู ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยต้องรับผิดชอบต่อการตัดสินใจนี้ ไม่ว่าจะถูกหรือผิดอย่างไรก็ตาม จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
ขณะเดียวกัน นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวว่า ไม่ได้มีความรู้สึกเสียดายช่วงเวลาที่เคยทุ่มเท และช่วยพรรคเพื่อไทยหาเสียงตลอดการเลือกตั้งเพราะทำอย่างสุดความสามารถ สุดกำลังที่จะทำได้ ยืนยันว่าทุกคำพูดที่ได้แสดงออกไปเป็นสิ่งที่ตนเองเชื่ออย่างนั้นจริงๆ และยังเชื่อว่าทีมงานของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ก็พยายามอย่างถึงที่สุด แต่เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว แต่ละคนก็ต้องตัดสินใจตามจุดยืนของแต่ละคน
“เมื่อพรรคเพื่อไทยตัดสินใจเดินไปข้างหน้า ก็ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะการตัดสินใจของประชาชนที่จะมีขึ้นหลังจากนี้ จะมีอะไรรอข้างหน้าตนเองไม่รู้ แต่ขอให้เข้าใจว่าที่ตนเองไม่ได้เดินไปด้วย ก็จะไม่เป็นคนที่มาคอยทำร้ายอยู่ข้างหลังอย่างแน่นอน”
ส่วนการตัดสินใจยุติบทบาทเดินออกจากพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ได้แจ้ง นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รับทราบเรียบร้อย ซึ่งนายทักษิณ ก็เข้าใจถึงการตัดสินใจ และไม่อยากให้เกิดวินาทีแบบนี้ แต่ก็บอกไปกับทุกคนว่า “ผมไปด้วยไม่ได้จริงๆ และขอส่งแค่ตรงนี้” นายณัฐวุฒิ ยังได้กล่าวอีกว่า ได้พูดคุยกับแกนนำรุ่นใหญ่ของ นปช. ทั้ง นพ.เหวง โตจิราการ นางธิดา ถาวรเศรษฐ นายวีระ มุสิกพงศ์ หลายคนยังอยู่ด้วยกัน มีอะไรก็นัดพูดคุยกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การตัดสินใจครั้งนี้ก็ได้บอกกับทุกคนเรียบร้อย ทุกคนก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจถอนตัว
สำหรับการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ของพรรคเพื่อไทยจะเป็นอย่างไรนั้น นายณัฐวุฒิ มองว่า จะเป็นรัฐบาลที่เดินหน้าไปด้วยความยากลำบาก และจะถูกตั้งคำถามเรื่องความชอบธรรมและหลักการอย่างหนักหน่วงเข้มข้น แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องที่ใครในพรรคเพื่อไทยมองไม่เห็น คิดว่าหลายคนก็ประเมินสถานการณ์ว่าจะเป็นแบบนี้เมื่อตัดสินใจ ต้องเดินไปข้างหน้าอย่างที่จะเป็น ส่วนอนาคตพรรคเพื่อไทยจะสูญพันธุ์หรือไม่นั้น ก็ไม่ขอทำนายคาดเดาอะไร ขอให้รอดูคำตอบจากประชาชนจะดีกว่า เพราะคำตอบสุดท้ายอยู่ที่ประชาชน และในระหว่างที่จะเดินทางไปถึงคำตอบสุดท้ายก็เป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยต้องพิสูจน์ตัวเอง ต้องแสดงผลงานแสดงรูปธรรมของสิ่งที่ประกาศว่าจะเข้าไปทำให้ปรากฏชัด และที่เหลือก็เป็นเรื่องของประชาชนแล้ว แต่ตนเองรับรู้ว่าประชาชนมีความรู้สึกนั้น และคิดว่าเพื่อไทยเทหมดหน้าตักคราวนี้แล้วก็ไม่รู้ว่าเดินไปข้างหน้าเหตุการณ์มันจะเป็นไปอย่างไร
ส่วนการเทหมดหน้าตักจะเพื่อ นายทักษิณ กลับบ้าน หรือเพื่อส่ง นายเศรษฐา ให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ คิดว่าเรื่องการกลับบ้านของ นายทักษิณ เป็นคนละเรื่องกับการตั้งรัฐบาล เพราะแผนกลับบ้านมีมาก่อนหน้านี้แล้ว และมีการประกาศว่าจะกลับภายในปีนี้ก็เกิดขึ้นก่อนวันลงคะแนนเลือกตั้ง ในการที่ นายทักษิณ ประกาศจะถึงประเทศไทยพรุ่งนี้ 09.00 น. ไม่ต้องรอให้โหวตนายกรัฐมนตรีจบหรือตั้งรัฐบาลเสร็จ ก็ชัดว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นายทักษิณ ตัดสินใจแล้วจะกลับมา
“การตั้งรัฐบาลหรือโหวตนายกรัฐมนตรี ยังคิดว่าจะจบไปตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม แต่ขอขยับมาเป็นวันที่ 22 สิงหาคม จึงต้องมาแถลงแจ้งยุติบทบาทก่อนวันโหวตนายกรัฐมนตรี แม้จะดูว่าเกี่ยวข้องกันบ้าง แต่ส่วนตัวคิดว่าสาระหลัก ไม่ว่าใครจะเกิดขึ้นหรือใครเป็นรัฐบาล นายทักษิณ ต้องกลับบ้านแน่นอน ต่อให้ใครเป็นนายกฯ กำหนดเดินทางกลับประเทศไทยของ นายทักษิณ ก็ยังคงอยู่ และคิดว่าจะไม่ใช่ตัวประกันใครเป็นนายกฯ หากตัดสินใจจะกลับก็ต้องกลับ และพร้อมเผชิญกับทุกอย่าง”
สำหรับนายเศรษฐา นายณัฐวุฒิ บอกว่ายังรักและเคารพ ขอส่งกำลังใจ ยังเชื่อในเจตนาดีที่จะทำงานแก้ปัญหาให้กับประชาชน อีกทั้งเชื่อว่า นายเศรษฐาจะได้รับการโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้แน่นอน ไม่มีเกมพลิก การข่าวบอกว่าชื่อ นายเศรษฐา อยู่ในระยะปลอดภัยแล้วพรุ่งนี้ หากผ่านการโหวตได้เป็นนายกรัฐมนตรีตนเองก็จะขอนั่งดูข่าวอยู่ที่บ้าน แต่หากเกิดอุบัติเหตุการเมืองอะไรให้ไปไม่ถึงตรงนั้น จะขอไปหา นายเศรษฐา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม จะไปอยู่ข้างๆ แน่นอน
เมื่อถามย้ำว่าในอนาคตจะมีโอกาสกลับเข้ามาทำงานช่วยพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายณัฐวุฒิ หัวเราะก่อนจะกล่าวว่า วันนี้เพิ่งตัดสินใจออกมา ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องอนาคต เชื่อว่าในพรรคมีคนที่มีศักยภาพอยู่หลายคนคงทำหน้าที่ต่อได้ ตนเองขอส่งเพียงเท่านี้ ยืนยันว่าไม่ใช่การละครอย่างที่หลายคนคิด เพราะตนก็เจอแบบนี้มาตลอดชีวิตทางการเมืองแล้ว มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และตั้งคำถามจิกกัดกระแหนะกระแหนเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่เวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องมือพิสูจน์และอธิบาย ขอยืนยันว่ายังเป็นตัวตนของตัวเองวิถีแบบ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ คือวิธีแบบนี้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้าย นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวด้วยว่า หากวันพรุ่งนี้ 9 โมงเช้า นายทักษิณ แตะถึงพื้นประเทศไทย ประโยคแรกที่อยากจะบอกกับ นายทักษิณ คือ “ขอยินดีต้อนรับท่านกลับบ้าน ยังคงรักและเคารพในตัวท่านอยู่เสมอ หัวใจไม่เคยเป็นอื่น แต่ยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้ ดังนั้นขอให้ท่านปลอดภัย ประสบกับทุกสิ่งที่ตั้งใจหวังไว้ ได้ทำหน้าที่คุณปู่คุณตาไปส่งไปรับหลานที่โรงเรียนอย่างที่ได้พูดให้ได้ยินหลายครั้ง ขอต้อนรับกลับบ้านอดีตนายกรัฐมนตรี”