“วีระ สมความคิด” ฉุน ป.ป.ช.คาดดำ แจกเอกสารไม่ครบ ผลสอบนาฬิกาหรู “บิ๊กป้อม” ทั้งที่ศาลสั่งให้เปิดข้อมูลแล้ว ชี้ อ้าง ยึดหลักคุ้มครองพยานฟังไม่ขึ้น จ่อแจ้งให้ศาลทราบ ลั่น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ต้องติดคุก
วันที่ 10 ส.ค. เมื่อเวลา 13.00 น. นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) เดินทางเข้าพบ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ณ สำนักงาน ป.ป.ช. ถนนสนามบินน้ำ เพื่อขอรับเอกสาร จำนวน 3 รายการ ในคดีที่มีการกล่าวหา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กรณีการปกปิดนาฬิกาหรูราคาแพง จำนวน 22 เรือน ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่สั่งให้ ป.ป.ช. ต้องให้เอกสารทั้ง 3 รายการดังกล่าวแก่นายวีระ อย่างถูกต้องและครบถ้วน ภายในวันที่ 11 สิงหาคม 2566
นายวีระ ได้นำเอกสารจาก ป.ป.ช. จำนวน 2 รายการ มาแสดงต่อสื่อมวลชน ประกอบด้วย รายงานการแสวงหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมดในคดียืมนาฬิกาหรูและแหวนเพชรของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรายงานการประชุมของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งเอกสารที่ ป.ป.ช. นำมาให้วันนี้ไม่ครบตามจำนวน เพราะก่อนหน้านี้ นายวีระ ได้ขอเอกสารไป 3 รายการ ตอนนี้ที่ยังเหลืออยู่ คือ เอกสารรายการที่ 2 ได้แก่ ความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ โดย ป.ป.ช.ให้เหตุผลว่า สาเหตุที่ไม่สามารถเปิดเผยรายการนี้ได้เพราะต้องยึดหลักในการคุ้มครองพยานในคดี
นายวีระ บอกว่า เอกสารที่ได้รับในวันนี้ทั้ง 2 รายการ ตนเองพบความผิดปกติอยู่หลายอย่าง เช่น ในรายงานการแสวงหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐาน พบข้อความคาดดำ และมีการปกปิดข้อความอยู่หลายจุด เช่น ส่วนที่ปรากฏชื่อ ที่อยู่ และรายการทรัพย์สินอ้างข้อมูลที่มีความสำคัญ อีกทั้งในรายงานการประชุมของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ยังมีการปกปิดข้อมูล ซึ่งให้มาเป็นเอกสารเปล่าตั้งแต่หน้า 48-86 โดยเลขา ป.ป.ช. อ้างว่า เป็นมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ให้เอกสารมาแบบนี้
...
นายวีระ ยังระบุด้วยว่า จากกรณีที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้เปิดเผยข้อมูลตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ซึ่งศาลได้มีคำสั่งต่อเรื่องนี้แล้ว แต่ ป.ป.ช. ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว พอให้เอกสารมาก็ให้ไม่ครบ และไม่ถูกต้อง สิ่งที่ต้องการมากที่สุดตอนนี้ คือ ตัวเองต้องการมาดูว่า การรวบรวมข้อมูลของ ป.ป.ช. มีหลักฐานและเหตุผลใดที่จะมาหักล้างคำกล่าวหาของตนเอง ซึ่งตัวเองเชื่อว่าข้อมูลส่วนนั้นจะเป็นประโยชน์ เพราะตอนนี้ประชาชนหลายคนไม่เชื่อว่า พลเอกประวิตร ไปยืมนาฬิกามาจากเพื่อน
ส่วนกรณีที่รายการที่ 2 ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ นายวีระ บอกว่า กรณีนี้ศาลได้ใช้ดุลพินิจในเรื่องนี้แล้ว ว่า การเปิดเผยข้อมูล ไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหาย และกรณีดังกล่าวมีการต่อสู้กันตั้งแต่ชั้นสำนักงานข้อมูลข่าวสาร ซึ่งสำนักงานข้อมูลข่าวสารบอกว่า สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ เพื่อยืนยันความโปร่งใสในการทำงานของ ป.ป.ช. นายวีระ ยังกล่าวย้ำว่า
“ถ้าคุณทำงานโปร่งใสก็ไม่ต้องกลัวอะไร แต่ ป.ป.ช. กลัวคนทั้งประเทศจะรู้ความจริง ว่าการทำงานของ ป.ป.ช. ไม่โปร่งใส และจะทำให้ได้เห็นความเห็นของพนักงาน ป.ป.ช. ว่า มีความเห็นอย่างไร และการที่ ป.ป.ช. ทำแบบนี้กับตัวเองเรื่องจะไม่จบ”
นายวีระ บอกว่า หลังจากนี้ตัวเองจะนำเอกสารดังกล่าวไปมอบให้แก่ศาลปกครองสูงสุด เพื่อแจ้งให้ศาลทราบว่า ป.ป.ช. ปฏิบัติขัดคำสั่งศาล ในกรณีที่ ป.ป.ช. ส่งมอบข้อมูลไม่ครบถ้วน พร้อมบอกว่า เลขาธิการและคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่มีมติไม่ให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวจะต้องติดคุก
นักข่าวถามว่า กรณีดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับมิติทางการเมืองในช่วงที่มีการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายวีระ บอกว่าขออย่าเอาเรื่องนี้มาเกี่ยวกับการเมือง เนื่องจากกรอบระยะเวลาต่างๆ ศาลจะเป็นคนกำหนด และเป็นไปตามกระบวนการทำงานของศาล