รัฐบาลชวนประชาชนร่วมงาน มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และงาน TechnoMart 2023 ฟรี เนื่องในสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ส่วนมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ นำเสนอผลงานวิจัยเด่นกว่า 19 ผลงาน พร้อมชวนฟังเสวนา-ปาฐกถาพิเศษ
วันที่ 8 สิงหาคม 2566 นางสาวทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นำคณะผู้บริหารกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงาน “มหกรรมวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2566” และงาน “เทคโนโลยีและนวัตกรรมของไทย ประจำปี 2566 : TechnoMart 2023” โดยมี ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) พร้อมคณะผู้บริหาร อว. และ อพวช.
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมผลงาน เช่น นวัตกรรรมการตรวจสารเสพติดในเส้นผม (สามารถทราบผลภายใน 1 ชั่วโมง) เพื่อแก้ปัญหายาเสพติดของเด็กและเยาวชน โครงการฟื้นฟูและต่อยอดผ้าลายอย่างเอกลักษณ์อยุธยา “จุฬาพัสตร์” สู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน โครงเรือนปลูกผักอัตโนมัติสำหรับครัวเรือน การจัดวางต้นไม้อย่างไรให้ลดฝุ่น PM 2.5 Art สร้างสรรค์แห่งโลกอนาคต ซึ่งเป็นการใช้ AI เข้ามาช่วยสร้างสรรค์งานศิลปะได้อย่างลงตัวและมีประสิทธิภาพ ฯลฯ
...
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมความสามารถของคนไทย โดยย้ำว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีและนวัตกรรมถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาและขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่อนาคตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งรัฐบาลมีการวางแนวทางและมีการดำเนินการขับเคลื่อนต่อเนื่องจริงจัง ซึ่งหลายเรื่องเกิดผลเป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์ต่อประชาชน ขอให้ทุกหน่วยงานมีการขับเคลื่อนและขยายผลให้มากขึ้น รวมถึงทำให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ได้ และสามารถใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ จะสามารถสร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่มากขึ้น
อีกทั้งยังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้าพื้นที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ นอกจากนี้การนำเทคโนโลยีมาใช้ในเรื่องการเกษตรต่างๆ รวมถึงการปลูกต้นไม้ก็เป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ การช่วยลดต้นทุน สามารถเพิ่มผลผลิตและมีคุณภาพ รวมทั้งการปลูกต้นไม้ยังสามารถช่วยลดก๊าซเรือนกระจกและลดโลกร้อน ตามนโยบายรัฐบาลที่สอดคล้องกับการพัฒนาของทั่วโลกในปัจจุบันอีกด้วย
สำหรับการจัดงาน มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ 2566 อว. โดยองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “For Bright and Creative Generations” มุ่งเน้นการส่งเสริมให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ผสานกับศิลปะในมุมของการขับเคลื่อนพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์บนฐานความรู้ด้าน วทน. และ BCG Model (Bio-Circular-Green Economy) โดยกำหนดจัดขึ้น 2 แห่ง ได้แก่
- วันที่ 11-20 สิงหาคม 2566 เวลา 09.00-19.00 น. ณ อาคาร 9-11 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
- วันที่ 17-20 สิงหาคม 2566 เวลา 10.00-20.00 น. ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เนื่องในสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ
รวมถึงเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฏ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช “พระราชบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” และ “พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย” ซึ่งถือเป็นกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีในช่วงเดือนสิงหาคม ที่มีทั้งภาครัฐและเอกชน และหน่วยงานต่างประเทศมาร่วมโชว์ผลงานและศักยภาพทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่สร้างสรรค์ ผ่านนิทรรศการและกิจกรรมมากมาย
ในส่วนของนิทรรศการ เช่น นิทรรศการ “สู่สูญพันธุ์ : On the Edge of Extinction” ชมตัวอย่างสัตว์ที่สูญพันธุ์หรือเชื่อว่าอาจจะสูญพันธุ์ไปแล้วหลากหลายชนิด อาทิ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร อีแร้งสีน้ำตาลหิมาลัย เนื้อสมัน กูปรี ปลาฉนากยักษ์ ปลาหางไหม้ไทย หอยเสียมพิษณุโลก นับได้ว่าเป็นนิทรรศการที่นำสิ่งมีชีวิตและสัตว์สตัฟฟ์ที่อาจไม่มีใครได้เห็นตัวจริงมารวมกันมากที่สุดครั้งหนึ่งที่เคยมีมา และสุดยอดเทคโนโลยีภาพผลงาน Mid journey Art สร้างสรรค์แห่งโลกอนาคต เรียนรู้เทคโนโลยีการสร้างสรรค์ภาพศิลปะจากคำสั่งการของมนุษย์ และทำความเข้าใจในประโยชน์และการประยุกต์ใช้ AI ให้เข้ากับชีวิต อธิบายและสาธิตการใช้งาน Midjourney”
นอกจากนี้ อว. ยังได้จัดงานเทคโนโลยีและนวัตกรรมของไทย ประจำปี 2566 : TechnoMart 2023 ขึ้น ร่วมกับงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2566 ภายใต้แนวคิด “BCG พลิกโฉมประเทศไทย สู่เศรษฐกิจสร้างคุณค่า สังคมเดินหน้าอย่างยั่งยืน” ในระหว่างวันที่ 11-15 สิงหาคม 2566 ณ อาคาร 12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ถือเป็นการนำเอาผลงานวิจัยที่แสดงถึงศักยภาพของคนไทยมาจัดแสดงให้ประชาชนได้เห็น เพื่อให้มีการซื้อขายกัน รวมถึงเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการได้เจอกับนักวิจัย เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ใหม่ๆ ซึ่งกันและกัน เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ BCG Model และหวังเป็นอย่างยิ่งให้ผลงานวิจัยทั้งหมดนี้ ได้มีการพัฒนาต่อยอดออกมาสู่สังคมได้มากยิ่งขึ้นต่อไป
สำหรับกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การแสดงนิทรรศการผลงานของ อว. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การแสดงผลงานของ อว. และภาคีเครือข่าย ภายใต้ BCG Model โดยแบ่งออกเป็น 4 คลัสเตอร์ ได้แก่
1) เกษตรและอาหาร
2) สุขภาพและการแพทย์
3) พลังงาน วัสดุและเคมีชีวภาพ
4) เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว
กิจกรรมส่งเสริมทดลองการตลาด โดยการจำหน่ายผลิตภัณฑ์และสินค้าที่ได้รับการพัฒนา หรือสนับสนุน โดย อว. หรือหน่วยงานเครือข่าย อาทิ อัตลักษณ์ชายแดนใต้ “ผลิตภัณฑ์จักสานจากเตยปาหนัน” โดยสำนักงานปลัดกระทรวง อว. ร่วมกับสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ที่เป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ด้วยเทคโนโลยีการใช้เครื่องจักร หรืออุปกรณ์ในการผ่าเส้นเตย เพื่อลดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตเส้นเตย จากกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรดุหุนสามัคคี ตำบลบ่อหิน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง และ “กลุ่มต้นน้ำวัง อัญชันกรอบปรุงรส แบรนด์ BLUE PEA SNACK” จาก โครงการวิทย์เพื่อโอทอป สถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จังหวัดลำปาง เป็นการพัฒนาต่อยอดสินค้าทั้งในกรรมวิธีผลิตที่ได้มาตรฐาน และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้เกิดมูลค่าเพิ่มในด้านต่างๆ ช่วยเพิ่มศักยภาพให้กลุ่มเกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองได้ มีรายได้ที่ยั่งยืน และก่อเกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนได้
“รัฐบาล โดย อว. ขอเชิญชวนประชาชนและผู้สนใจเที่ยวชมทั้ง 2 งาน ตามวัน เวลาและสถานที่ดังกล่าวโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สามารถติดตามรายละเอียดของงานและสามารถเข้าร่วมกิจกรรมทางออนไลน์เพิ่มเติมได้ที่ www.thailandnstfair.com หรือ Facebook : NSTFair Thailand และ Facebook Fanpage : TechnoMart-TH”
มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2566
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ยังมีอีกงานที่น่าสนใจ คือ งาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2566 (Thailand Research Expo 2023) ครั้งที่ 18” ระหว่างวันที่ 7-11 สิงหาคมน้ี ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ และบางกอก คอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ เครือข่ายพันธมิตรมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย (RUN) เชิญชวนอาจารย์ นักวิจัย นักวิชาการ นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ร่วมขับเคลื่อนประเทศชาติด้วยงานวิจัย ภายใต้ธีม “Roles of Research towards Net Zero Ambitions” ผ่านการแสดงนิทรรศการผลงานวิจัยเด่นกว่า 19 ผลงาน จาก 8 มหาวิทยาลัยเครือข่ายฯ
รองศาสตราจารย์ ดร.สุตเขตต์ นาคะเสถียร ประธานเครือข่ายพันธมิตรมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย (RUN) เปิดเผยว่า การพัฒนางานวิจัยถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับการพัฒนาประเทศชาติ ซึ่งสามารถนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในมิติต่างๆ ทั้งทางวิชาการ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม รวมถึงด้านนโยบายของรัฐบาล งานวิจัยจึงเป็นอีกหนึ่งกลไกในการพัฒนา และช่วยแก้ปัญหาเร่งด่วนสำคัญของประเทศ ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
เครือข่ายพันธมิตรมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย (RUN) ก่อตั้งขึ้นจากการรวมตัวกันของมหาวิทยาลัย 8 แห่ง ประกอบด้วย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยมีเป้าหมายเพื่อการดำเนินการวิจัยที่มุ่งตอบโจทย์นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ภายใต้แนวคิด ด้วยความจริงใจ ความเท่าเทียม และมุ่งสู่ความเป็นเลิศ (Sincerely, Equally, Excellently) สร้างงานวิจัยที่มีความสำคัญต่อประเทศ ภูมิภาคและของโลก ด้วยความมุ่งหวังว่างานวิจัยจะตอบสนองและเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาในอนาคต อีกทั้งเป็นศูนย์กลางการสร้างองค์ความรู้ และนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา ประเทศและภูมิภาคอาเซียน ภายใต้กรอบแนวความคิดการร่วมมือกัน คือ การแบ่งปันทรัพยากรในการวิจัย (Resource sharing) ได้แก่ อาจารย์และนักวิจัย นิสิตนักศึกษาทุกระดับ จนถึงนักวิจัยหลังปริญญาเอก (Postdoc) ตลอดจนเครื่องมือวิจัย มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และวิธีการบริหารงานวิจัย และร่วมกันสร้างโครงการวิจัยและวิเคราะห์ปัญหางานวิจัยร่วมกัน
สำหรับงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติประจำปี 2566 ปีนี้ทางเครือข่ายพันธมิตรมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย (RUN) จัดขึ้นภายใต้แนวคิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) เนื่องจากเป็นเป้าหมายที่ท้าทายและสำคัญของโลก รวมทั้งประเทศไทย และเพื่อตอบสนองต่อนโยบายของประเทศ มุ่งสู่เป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกในภาพรวม จึงได้กำหนดให้มีการจัดกิจกรรมนิทรรศการแสดงผลงานวิจัยและนวัตกรรม ภายใต้ธีม “Roles of Research towards Net Zero Ambitions” โดยมีนักวิจัยชั้นนำ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับ Net Zero Emissions มาร่วมนำเสนอผลงานวิจัยเด่นกว่า 19 ผลงาน โดยหัวข้อหลักในการนำเสนอครอบคลุมงานวิจัยที่เก่ียวข้องกับนโยบายของประเทศ เพื่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ท้ังยังรวมถึง
R (Reduction): การลดปริมาณการปล่อยคาร์บอน โดยมีการนำเสนองานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนของเสียเป็นพลังงาน การเปลี่ยนขยะดอกไม้ไร้ค่าเป็นวัสดุที่ใช้ในด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม การดักจับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ การจัดการคาร์บอนไดออกไซด์จากเกษตรกรรม เทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า
U (Utilization): การนำคาร์บอนไปใช้งาน โดยมีการนำเสนองานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์วัสดุนาโนฐานชีวภาพเพื่อการเกษตรและอุตสาหกรรม ผ่านกลไก BCG ระบบปฏิกรณ์ชีวภาพสำหรับการแปลงคาร์บอนไดออกไซด์เป็นพลังงาน และการผลิต Nanocrystalline Carbon จากคาร์บอนไดออกไซด์
N (Neutralization): การไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งหมายถึงการที่ปริมาณการปล่อยคาร์บอนเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ เท่ากับปริมาณคาร์บอนที่ถูกดูดซับกลับคืน จะมีการนำเสนองานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับป่าชายเลน คาร์บอนสีน้ำเงิน การปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการกักเก็บคาร์บอนในพื้นที่ปลูกยางพารา การใช้ไบโอชาร์เพื่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ การประเมินการกักเก็บคาร์บอนและการซื้อขายคาร์บอนเครดิต การใช้อากาศยานไร้คนขับ ในการประเมินมวลชีวภาพและการกักเก็บคาร์บอน การประเมินการกักเก็บคาร์บอนในสวนสาธารณะของ กทม.
นอกจากนี้ ในวันที่ 11 สิงหาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 12.30-16.30 น. ณ ห้องประชุมเวิลด์บอลรูม ชั้น 23 ขอเชิญร่วมกิจกรรมปาฐกถาพิเศษเรื่อง “Roles of Research towards Net Zero Ambitions” โดย ศาสตราจารย์กิตติคุณ นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) กองทุน ววน. และ นายสมิทธิพร เศรษฐปราโมทย์ Head of Corporate Venture Capital, Banpu Public Company Limited การเสวนาเรื่อง “Net Zero in Action: From Policy to Research and Innovation” โดยรองศาสตราจารย์ ดร.วิษณุ อรรถวานิช อาจารย์ประจำภาควิชาเศรษฐศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในมุมมองการผลักดันงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์เชิงนโยบายของนักวิจัย ศาสตราจารย์ ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคนและทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) ในมุมมองการบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคนของ บพค. นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ในมุมมองการส่งเสริมและผลักดันการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ อบก. และ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในมุมมองการส่งเสริมและผลักดัน การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคเอกชน.