“ชลน่าน” รับ โอกาสจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จสูง ชี้ แถลงการณ์ชัดไม่มี 2 ลุง เดินหน้าขอเสียงหนุนโหวตนายกฯ จากเพื่อไทย ชี้ “ไล่หนูตีงูเห่า” เป็นแคมเปญหาเสียงให้ได้คะแนนจากประชาชน “อนุทิน” ยัน ทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมือง มั่นใจหาทางออกจากวิกฤติได้

วันที่ 7 สิงหาคม 2566 ภายหลัง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย โดยมีเสียงตั้งต้น 212 เสียง ซึ่ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และแกนนำของทั้ง 2 พรรคมาร่วมแถลงข่าว จากนั้นผู้สื่อข่าวเริ่มต้นถามว่าจะมีพรรคไหนเข้าร่วม และเงื่อนไขอะไรอีกหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า วันนี้เป็นการเริ่มต้นระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย เป็นสารตั้งต้น 212 ที่มีความเข้มแข็ง จากนี้จะไปเชิญพรรคการเมืองอื่นๆ ทั้งหมดในสัปดาห์นี้ แล้วจะนำเรียนต่อไป ส่วนเรื่องเงื่อนไขเป็นประเด็นที่แถลงไปแล้ว 

ผู้สื่อข่าวถามต่อกรณีสลาย 188 เสียง หมายความอย่างไร นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตอบว่า เราไม่มีนโยบายหรือความตั้งใจที่จะตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ตอนนี้รวบรวมเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว พยายามจะสร้างความมั่นคงเต็มที่ ขณะนี้คือเรียกร้องทุกพรรคการเมือง ทุกกลุ่ม ทุกคน สามารถที่จะโหวตนายกรัฐมนตรีได้โดยไม่เกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจากนี้ไปทั้งสัปดาห์จะได้เห็นภาพการร่วมมือจับมือกันของพรรคการเมืองที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาล จากนี้ไปเกือบทุกวัน 

...

นพ.ชลน่าน กล่าวเสริมว่า พรรคภูมิใจไทยได้เขียนเป็นนโยบายในการที่จะร่วมรัฐบาล ก่อนจะส่งต่อให้ นายอนุทิน ตอบประเด็นนี้ว่า พรรคภูมิใจไทยเสนอพรรคเพื่อไทยไปตั้งแต่การหารือครั้งแรกว่า ไม่มีนโยบายที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะไม่เกิดความมั่นคงในการทางการเมืองและไม่มีประโยชน์ในการทำให้ประเทศเดินหน้า “ดังนั้นคำว่า 188 ต้องถือว่าไม่เคยมีอยู่ในสมการการจัดตั้งรัฐบาล”

ส่วนคำถามว่าเป็นรัฐบาลสมานฉันท์หรือไม่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า สถานการณ์ขณะนี้ โดยเฉพาะวิกฤติรัฐธรรมนูญที่ทำให้พวกเราไม่สามารถทำตามเจตนารมณ์ประชาชนหรือสิ่งที่เรามุ่งหวังได้ มันติดไปทุกด้าน เพราะฉะนั้นการที่เราหันหน้าเข้าหากัน มาช่วยกัน ในการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาให้ประเทศชาติบ้านเมือง คิดว่าน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด จากนั้น นายภูมิธรรม กล่าวเสริมว่า แถลงการณ์ชัดเจนว่าวิกฤติปัจจุบัน มีทั้งวิกฤติรัฐธรรมนูญ เศรษฐกิจ และสังคม รัฐบาลนี้จึงมีภารกิจสำคัญ 3 ด้านหลักที่ต้องเข้ามาแก้ไข และต้องการให้ทุกฝ่ายเข้ามาช่วยกันคลี่คลายปัญหาของประเทศ ถ้าทำได้สำเร็จถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี 

ขณะที่คำถามว่า มีลุงหรือไม่มี ไม่เป็นเงื่อนไขในการร่วมจัดตั้งรัฐบาลใช่หรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า เรามี 3 เงื่อนไขที่แจ้งพรรคเพื่อไทยไปแล้ว ส่วนจะดำเนินการอย่างไร พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เป็นดุลยพินิจและการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย อะไรที่นอกเหนือจาก 3 เงื่อนไข เราก็คงไม่มีปัญหาอะไร 

3 เงื่อนไขพรรคภูมิใจไทย

1. ไม่ขัดข้องร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยโดยไม่แตะต้องประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 

2. ไม่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย 

3. ต้องไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล

เมื่อถามต่อไป จะจับมือกันจนสุดทางจนเลือกนายกรัฐมนตรีเสร็จ ไม่มีการสลับอะไรอีกแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน บอกว่า “เราทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมือง เพื่อประเทศชาติ Best efforts การพูดอะไรที่ผูกมัดตัวเองจนเกินไป ก็อาจจะให้เกิดทางตันหลายๆ อย่างได้ วันนี้เราเอาบ้านเมือง เอาประชาชนเป็นหลัก เราก็มั่นใจว่าจะหาทางออกได้” 

ทางด้านคำถาม จะจับมือ 2 ลุง แล้วให้พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวตอบว่า “ในแถลงบอกชัดว่าเราไม่มี 2 ลุง แต่เราเองไม่ปฏิเสธเงื่อนไขว่า ถ้าจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ลักษณะเป็นบุคคล หรือกลุ่มบุคคล เข้ามาสนับสนุนในการเลือกนายกฯ อันนั้นเป็นเอกสิทธิ์ เป็นดุลยพินิจแต่ละท่าน แต่ละคน” 

ต่อมาผู้สื่อข่าวถามย้อนไปถึงที่พรรคเพื่อไทยเคยออกแคมเปญ “ไล่หนูตีงูเห่า” และหากตั้งรัฐบาลสำเร็จกระทรวงที่พรรคภูมิใจไทยเคยคุม ยังจะได้อยู่หรือไหม นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ยังไม่ได้ลงลึกรายละเอียดการต่อรองเจรจากระทรวง ตอนนี้เป็นการเริ่มต้นบนพื้นฐาน อาจจะแปลกและหลายคนอาจจะไม่เชื่อว่าเราไม่ได้เริ่มต้นจากกระทรวง แต่สถานการณ์การเมืองเช่นนี้มีความจำเป็นที่ต้องหันหน้าหากัน พูดคุยในเรื่องที่จะทำงานร่วมกัน 

“ประเด็นที่ถามว่าการรณรงค์หาเสียงของเพื่อไทย บางครั้งบางโอกาสกับภูมิใจไทย อาจจะมีลักษณะเหมือนกระทบกระทั่งกัน เช่นการรณรงค์ไล่หนูตีงูเห่า มันเป็นภาพของการรณรงค์เพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงเลือกตั้ง กิจกรรมแต่ละครั้งจัดบนวัตถุประสงค์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นๆ มิติทางการเมือง เราไปขอเสียงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน เราไม่เคยประกาศว่าเราเป็นศัตรูกับใคร เราเป็นคู่แข่งกันจริง เทคนิคการหาเสียง วิธีการหาเสียง ต่างฝ่ายต่างมี เราไม่เคยคิดว่าเป็นศัตรูกัน โดยเฉพาะเพื่อไทยไม่เคยคิดว่าเป็นศัตรูกับใคร แต่ทุกพรรคเป็นคู่แข่งทางการเมือง หลังจากที่ยุติจากการมอบอำนาจในการเลือกตั้งของพี่น้องประชาชน พี่น้องประชาชนตัดสินใจแล้วว่ามอบอำนาจให้ใคร หลังจากนั้นเราก็มาทำหน้าที่ตามที่รับมอบอำนาจ นั่นคือภารกิจที่เราต้องทำ ถ้าร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล เป็นรัฐบาลของประชาชนได้ ก็ร่วมกันทำ ถ้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ก็มาเป็นฝ่ายตรวจสอบ คือฝ่ายค้าน วิธีทางการเมืองเป็นอย่างนี้”

ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงกรณีงูเห่าที่ย้ายไปอยู่ไปพรรคภูมิใจไทย นายภูมิธรรม กล่าวขึ้นว่า วันนี้ต้องเอาปัญหาประเทศชาติเป็นหลัก ถ้าอยากจะฝ่าวิกฤติประเทศ มัวมาดูรายละเอียดที่เป็นเรื่องไม่ถูกอกถูกใจ มันไปไม่ได้ อีกทั้งคิดว่าสิ่งที่กระทบกระทั่งเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ถ้าคิดจะฝ่าวิกฤติไปด้วยกัน เป็นเรื่องใหญ่ที่สุด เป็นเรื่องที่คสรจะหาทางออกประเทศให้ได้มากที่สุด.

(ภาพ : ศรันย์ พงษ์สวัสดิ์)