แกนนำเพื่อไทย-ภูมิใจไทย แถลงจัดตั้งรัฐบาล “อนุทิน” ย้ำ ต้องไร้ก้าวไกลร่วมวง ด้าน “หมอชลน่าน” ชี้ 212 เสียง ถือเป็นเสียงตั้งต้นเพื่อคุยพรรคอื่นต่อ วาระแรก ครม.ชงแก้รัฐธรรมนูญ ตั้ง สสร. เตรียมเดินหน้าขอเสียง สส.-สว. หนุนโหวตนายกฯพท.

วันที่ 7 ส.ค. 2566 เมื่อเวลา 16.35 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย  ร่วมกันแถลงข่าวการจัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ภายหลังแกนนำทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันประมาณ 30 นาที

โดย นายอนุทิน กล่าวว่า การเดินทางมาพรรคเพื่อไทยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ต้องขอขอบคุณผู้บริหารพรรคเพื่อไทยที่ได้เชิญมาหารือเพื่อจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งพรรคภูมิใจไทยได้ตอบรับคำเชิญจัดตั้งรัฐบาล ที่สืบเนื่องจากการหารือครั้งแรก โดยพรรคภูมิใจไทยได้ยืนยันไปแล้วว่า ทางพรรคไม่ขัดข้องที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย บนหลักการ 3 ประการ คือ 1.ไม่แตะต้อง ม.112 ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไข หรือเรื่องอื่นๆ 2.ไม่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย 3.หากรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ในส่วนพรรคภูมิใจไทยต้องไม่มีพรรคก้าวไกลเป็นพรรคร่วมรัฐบาล โดยวันนี้ได้รับทราบจากพรรคเพื่อไทยว่าแนวทาง 3 ประการนี้ ทางพรรคเพื่อไทยก็เห็นพ้องไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นนับจากวันนี้เป็นต้นไป เพื่อให้การบริหารแผ่นดินเดินหน้าต่อไป ทางพรรคภูมิใจไทยได้ให้คำยืนยันกับพรรคเพื่อไทยว่า ณ ขณะนี้หากยังไม่ได้เชิญพรรคอื่นมาหารือ ก็ขอให้ถือว่าพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มี 212 เสียง คือ มี 141 ของพรรคเพื่อไทย บวกกับ 71 เสียง ของพรรคภูมิใจไทย เพื่อให้ไปเชิญพรรคอื่นๆ ตามดุลพินิจของพรรคเพื่อไทย และเพื่อให้เกิดความมั่นใจกับพรรคอื่นๆ ว่าขั้วนี้สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกินกึ่งหนึ่งแล้วแน่นอน ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของระบอบประชาธิปไตยในระบอบรัฐสภา ดังนั้นหากได้สัญญาณที่พร้อมแล้วจากพรรคเพื่อไทย ก็จะร่วมกันหาเสียงสนับสนุนจากทั้งฝั่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและจากสมาชิกวุฒิสภา เพื่อทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ส่วนการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ทางพรรคภูมิใจไทยต้องปฏิบัติตามข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย เพื่อให้ผ่านการคัดเลือกของรัฐสภาตามวันและเวลาที่รัฐสภากำหนด

...

ด้านนายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ขอบคุณพรรคภูมิใจไทยที่มาร่วมหารือ สำหรับเงื่อนไขพรรคภูมิใจไทย 3 ประการหลักนั้น ทางพรรคเพื่อไทยรับได้ ซึ่ง 212 เสียง ถือเป็นเสียงตั้งต้นที่จะจัดตั้งรัฐบาลต่อไป 

จากนั้นได้อ่านคำแถลงจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยการสนับสนุนจากพรรคการเมืองต่างๆ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคการเมือง ซึ่งขณะนี้มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่เรายังคงต้องการเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา เพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ และเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว 

รัฐบาลที่จะจัดตั้งขึ้นในครั้งนี้แม้จะมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่เรายังต้องการการสนับสนุนจากทุกฝ่าย เนื่องจากปัญหาของประเทศชาติ และพี่น้องประชาชนที่กำลังเผชิญอยู่นี้ มีความเดือดร้อนรุนแรง การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น 

เรามีความประสงค์จะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง ความขัดแย้งในสังคม และวิกฤติรัฐธรรมนูญก่อตัวเป็นปัญหาของประเทศ และประชาชนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เราจึงต้องการเสียงสนับสนุนจากทุกพรรคการเมืองให้มาสนับสนุนนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศ และประชาชนเป็นหลัก อาทิ เมื่อฝ่ายค้านเสนอกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม รัฐบาลพร้อมจะให้การสนับสนุน นอกจากนี้จะเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้อย่างเต็มที่ 

พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกับพรรคภูมิใจไทย เห็นว่าทุกฝ่ายสามารถทำงานร่วมกันได้ จึงกำหนดแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนี้ 

1. ยึดวาระของประเทศ และประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ และประชาธิปไตย นำความปรองดอง สมานฉันท์กลับคืนสู่ประเทศ

2. จะเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการประชุมคณะรัฐมนตรีในวาระแรก จะมีมติให้ทำประชามติขอจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยกระบวนการจัดตั้ง สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)

3. ดำเนินงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล สามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ สิ่งใดที่เป็นประโยชน์จะร่วมกันผลักดันให้สำเร็จ สิ่งใดที่เป็นปัญหาจะต้องถูกตรวจสอบและเร่งแก้ไขให้ถูกต้อง

4. จัดตั้งรัฐบาลที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ 

5. การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้เปิดกว้างให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภามีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อผ่าทางตันระบบการเมืองของประเทศ และฝ่าวิกฤติรัฐธรรมนูญที่สร้างปัญหาอยู่ในปัจจุบัน 

 

หลังจากนี้เราจะเดินหน้าทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนในสังคม รวมทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา เพื่อแสวงหาความร่วมมือ และกำหนดเจตนารมณ์ในการบริหารประเทศ จึงร้องขอการสนับสนุนจากทุกพรรคการเมือง ทุกฝ่าย ทุกคน มาร่วมกันกอบกู้วิกฤติของประเทศในครั้งนี้.