เปิดแผนลับ ลวง พราง ออกมาฮือฮากันตรึม เพื่อไทยสับขาหลอกหรือบอกความจริง ได้ยินแวบแรกต้องยอมรับแผนการน่าสนใจ
จากกระแสข่าว “ดีลลับฮ่องกง” 2 ผู้นำจิตวิญญาณค่ายแดง–ส้ม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า นำมาสู่การฉีก MOU 8 พรรคร่วม
เพื่อไทย-ก้าวไกล แยกตัวกันอยู่คนละฝ่ายบนภารกิจเดินหน้าประชาธิปไตย
พรรคก้าวไกลถอยไปเป็นฝ่ายค้าน เปิดทางให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลด้วยสมการพรรคร่วมใหม่ แต่ก้าวไกลจะยังคงยกมือโหวตให้แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย
เพราะถ้าแข็งขืนยืนยันจับมือกัน 8 พรรคร่วมต่อไป ก็หมดสิทธิได้เสียงเพิ่ม ไม่ผ่านด่านเลือกนายกฯ
ท่ามกลางเสียงด่า ทัวร์พากันไปลงที่พรรคเพื่อไทยแบบหัวกระไดไม่แห้ง เพราะสูตรนี้บรรดาติ่ง ด้อมส้มตัวตึง ยังไงก็รับไม่ได้ มีอย่างที่ไหนชนะเลือกตั้งมาอันดับ 1 แต่ได้เป็นผู้นำฝ่ายค้าน
ย้อนแย้ง ขัดใจ ขัดความรู้สึกกองทัพส้ม นี่น่ะหรือประชาธิปไตยไทย
ถ้ามองการเมืองอย่างเข้าใจ ไม่มองว่าใครเป็นใคร ยึดตามหลักการปราศจากรัก-เกลียด อาจจะเห็นด้วยกับหมากเกมนี้ เมื่อก้าวไกลไปต่อไม่ได้ โดนอำนาจเก่ารุมกินโต๊ะทั้งสภาบน สภาล่าง ปิดทุกทางไปสู่ทำเนียบฯ
แต่คนที่ยืนอยู่ข้างๆทำได้ อย่างน้อยก็ถือว่านำพาประชาธิปไตยไปต่อได้ทันที นั่นก็คือเพื่อนบ้านที่น่ารำคาญอย่างพรรคเพื่อไทย แม้จะขัดแย้งแย่งชิงกันเรื่อยมา แต่ถ้าเป็นหลักการใหญ่ที่สุด ทวงคืนธำรง รักษาประชาธิปไตย เพื่อไทยคือแนวร่วมที่แข็งแกร่งมั่นคงที่สุด ถึงไม่กล้าไว้ใจ แต่ยังไงก็ต้องวางใจ
เหนืออื่นใดคือภารกิจประชาธิปไตยยังเดินหน้าได้ หลังจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับเพื่อไทย
หากเดินผิดทิศทางอุดมการณ์พลิกเปลี่ยน ไม่ต้องทำอะไรมาก เพื่อไทยแพ้ภัยตัวเองแน่ และถนนประชาธิปไตยทุกสายจะตัดเข้าหาก้าวไกลทันที บทสรุปเส้นทางการเมืองไทยวันนี้มันก็มีอยู่แค่นั้น
...
และจุดหักเหสำคัญอยู่ที่ว่าจะแยกกันแบบไหน จากกันด้วยดี หรือจากกันไปไม่เผาผี
แน่นอนว่าเพื่อไทยหนีไม่พ้นข้อครหาร้ายแรง ถูกชี้หน้ากล่าวหามาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง และจนถึงวันนี้ไม่ว่าจะเลือกหนทางไหนก็ค่าเท่ากัน คิดได้แบบนั้นไม่ต้องบอกก็รู้จะตัดสินใจยังไง ไหนๆ ก็ไหนๆ
ถ้าจากกันไม่ดี แตกหักกันไป ประชาธิปไตยเต็มใบคงยังไกลเท่าเดิม เพราะนอกจากจะต้องสู้กับอำนาจนอกระบบแล้ว ในระบบก็ยังต้องต่อสู้กันเอง เสี่ยงต่อการถูกช่วงชิงอำนาจบริหารไปเบ็ดเสร็จไม่ต่างจากอดีต
ถ้าจับมือกันสู้แบบยืดหยุ่นตามสถานการณ์ที่ถูกบีบจากกลุ่มอำนาจเก่า ก็ยังคุมเกม จำกัดอำนาจเก่าได้
ทุกอย่างมีตัวชี้วัดของมันเองอยู่แล้ว ใครที่ได้อำนาจมาจากประชาชน แต่พอมีตำแหน่งหน้าที่แล้วไม่เห็นหัว บริหารผิดเพี้ยนไปจากสิ่งที่ประชาชนคาดหวังต้องการ จุดจบสุดท้ายก็ตายในสนามเลือกตั้ง

และในที่สุดก็ถึงทางแยกตามคาด บ่ายวันที่ 2 ส.ค. เพื่อไทยแถลงสะบั้น MOU นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค
ออกตัวว่าสนับสนุนก้าวไกลอย่างเต็มความสามารถตลอดมา แต่พรรคการเมืองขั้วตรงข้าม รวมทั้ง สว. ไม่ยอมรับแนวทางการแก้ไขมาตรา 112 และพรรคก้าวไกลยอมรับแต่ไม่ปรับเปลี่ยน
จึงเป็นที่มาของแถลงการณ์ เริ่มต้นใหม่ ผ่าทางตัน หาทางออกให้ประเทศ
หลังหารือกันระหว่าง 2 พรรค เพื่อไทยขอถอนตัวจากการร่วมมือกันและเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลพรรคร่วมใหม่ เสนอชื่อ “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯของพรรค ให้รัฐสภาโหวตเห็นชอบดำรงตำแหน่งนายกฯคนที่ 30
โดยในแถลงการณ์ยังเห็นร่องรอยความสัมพันธ์ การไว้ไมตรีชัดเจน เพื่อไทยยืนยันผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียม สุราก้าวหน้า ปฏิรูประบบราชการ ตำรวจ กองทัพ กระบวนการยุติธรรม การเกณฑ์ทหารเป็นระบบสมัครใจ
ทิ้งปมสำคัญไว้ เมื่อพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านถือเป็นเอกสิทธิ์ในการโหวตเลือกนายกฯวันที่ 4 ส.ค.
ขณะที่พรรคก้าวไกล โดยนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค แถลงทันทีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นคนเลือก ถ้าให้เลือกจะเลือกแนวทาง 8 พรรคจับมือยื้อกันไป แต่อุบไต๋ไม่บอกทิศทางโหวตจะเอาอย่างไร
พรรคเพื่อไทยวางแผนเกมนี้ไว้แล้ว ด้วยการดึงพรรคร่วมรัฐบาลทั้งเก่า-ใหม่ ประกอบด้วย ประชาชาติ เพื่อไทรวมพลัง เสรีรวมไทย พลังสังคมใหม่ จากพรรคร่วมเดิม รวมกับพรรคร่วมใหม่ ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนากล้า และประชาธิปัตย์ 22 เสียง รวมได้ 258 เสียง เกินกึ่งหนึ่งของสภาฯ มีความชอบธรรมเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก
ยืนรอเสียงโหวตจากพรรคอื่นๆ มาเติมเพื่อผ่านเกณฑ์เลือกนายกฯ 376 เสียง
ไฮไลต์คือช็อตวัดใจพรรคก้าวไกลจะโหวตอย่างไร ถ้ามาทั้งพรรค มาเยอะก็จบง่ายไม่ต้องลุ้น แต่ถ้าไม่ใช่ พรรคเพื่อไทยก็มีดีลลับล่วงหน้าไว้แล้ว ดูได้จากความกล้าอ่อยเหยื่อ ตั้งรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ รอเติมเสียงจังหวะสอง
ไม่มีใครอยากพลาดตกขบวนร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว ทุกพรรคจะโหวตให้แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทยด้วยเหตุผลง่ายๆ ไม่มีก้าวไกล ไม่มีมาตรา 112 สบายใจที่จะโหวตให้ แม้กระทั่ง สว.ที่สัญญาณเปลี่ยน
ดังนั้นไม่ว่ามองมุมไหนก็ผ่าน เพื่อไทยถึงได้มั่นใจ 100%.
ทีมข่าวการเมือง
คลิกอ่านคอลัมน์ "วิเคราะห์การเมือง" เพิ่มเติม