สว.วันชัย สอนศิริ เชื่อ เพื่อไทย ตั้งรัฐบาลได้แน่ แนะ อย่ามัวกังวล "ขั้วไหน" ชี้ ผลงานจะลบข้อครหาได้ เชื่อ สว.พร้อมหนุน หากไม่มี "พรรคก้าวไกล-แก้ ม.112" ปัด แนะ ปล่อยมือก้าวไกล เหตุตัดสินใจเองได้ ยัน ไร้ปัญหา ปม "เศรษฐา" แก้ ม.112
วันที่ 2 ส.ค. นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย โดยบอกว่า หากพรรคเพื่อไทยสามารถจัดการปัญหาต่างๆ ให้ลงตัวได้ ก็เชื่อว่าในวันที่ 4 สิงหาคม ก็จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และต้องยอมรับว่า ประชาชนรอรัฐบาลใหม่มาสานต่อแล้ว หากปล่อยเวลาให้นานออกไป อาจจะส่งผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชน รวมถึงความเชื่อมั่นของรัฐบาล และกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมมากมาย ย้ำว่า พรรคการเมืองต่างๆ จะต้องตระหนักถึงเรื่องนี้ด้วย
ยังมองว่า พรรคเพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้แน่นอน หากไม่วิตกกังวลเรื่องของขั้ว หรือจะยืนอยู่จุดตรงกลาง พรรคเพื่อไทยก็สามารถที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ มองว่า หากพรรคเพื่อไทยกล้าดำเนินการ เอาประชาชน เอาศูนย์กลางปัญหามาเป็นตัวตั้ง ก็จะสามารถแก้ปัญหาได้
นายวันชัย ยังฝากบอกไปถึงพรรคเพื่อไทย ว่า รีบจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด เพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชน และเพื่อเป็นความหวังของประชาชนที่รออยู่ และอย่าไปวิตกกังวล เรื่องของขั้วอำนาจต่างๆ จนเกินไป เพราะเมื่อเป็นรัฐบาลแล้วหากแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ จนเป็นที่นิยมชมชอบ อย่างไรประชาชนก็เลือกพรรคคุณ เหมือนที่พรรคเพื่อไทยเคยทำมาแล้วในอดีต
แต่หากเป็นรัฐบาลแล้วไม่มีผลงาน เกิดความขัดแย้ง และไม่เป็นที่ชื่นชอบของประชาชน พรรคเพื่อไทยก็จะแพ้ทุกพรรคการเมืองและแพ้ภัยตัวเอง เพราะฉะนั้นมองว่า เมื่อเป็นรัฐบาลแล้ว ผลงานจะเป็นที่แก้ปัญหาและลบข้อครหาไปได้
...
นายวันชัย ยังกล่าวถึงการร่วมรัฐบาล แม้เป็นพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้ง แต่ยังมีพรรคก้าวไกลอยู่ด้วย ตนไม่แน่ใจว่า เสียงจาก สว. จะมากขึ้นพอที่จะถึง 375 เสียงหรือไม่ แต่หากไม่มีพรรคก้าวไกล และเรื่องของการแก้ไขมาตรา 112 ตนมองว่า หากพรรคเพื่อไทยจัดการปัญหาตรงนี้ได้ สว. ก็คงไม่มีปัญหา เพราะ สว. ก็รู้ดีว่า หากปล่อยเวลาให้ล่วงออกไปอีก ก็จะมีผลกระทบต่อ สว. ด้วยเช่นกัน
เมื่อถามว่า เป็นการแนะนำพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ให้ปล่อยมือพรรคก้าวไกลและไปจับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือพรรคพลังประชารัฐแทน นายวันชัย บอกว่า คงไม่ต้องไปแนะนำ เพราะพรรคเพื่อไทยก็สามารถที่จะพิจารณาและตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง เราในฐานะที่เป็นผู้มีสิทธิโหวต ไม่มีสิทธิไปบอกว่าไม่เอาคนนั้น ไม่เอาคนนี้ เป็นเรื่องที่พรรคแกนนำจะต้องนำไปประกอบการพิจารณาเอง
ส่วนกรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน เคยแสดงความเห็นเรื่องแก้ไขมาตรา 112 นายวันชัย บอกว่า เท่าที่ทราบ ตนเห็นว่ามีการแถลงออกมาแล้วว่า ทางพรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายที่จะยกเลิก หรือแก้ไขมาตรา 112 ตนเชื่อว่าหากมีการกล่าวหาหรือโจมตีก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่หากทางพรรคเพื่อไทยและ นายเศรษฐา แถลงออกมาแล้ว ปัญหาเหล่านี้ก็ไม่น่าจะเป็นข้อขัดข้องใดๆ ของ สว.
เมื่อถามว่า มี สว. ส่วนหนึ่ง ก็ตั้งแง่จากประเด็นเรื่องนี้ว่า อาจตัดสินใจไม่สนับสนุน นายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี นายวันชัย บอกว่า ก็เป็นความเห็นส่วนตัวของแต่ละคน แต่ตนมองในภาพรวมประเทศชาติและประชาชน เชื่อว่า สว. ส่วนใหญ่ ไม่นำเรื่องส่วนตัวมาเป็นตัวตั้ง หากไม่มีเรื่องของมาตรา 112 เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ส่วนกรณีที่ นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา ถูกกลุ่มมวลชนบุกไปหา กังวลในส่วนของตนเองหรือไม่ นายวันชัย บอกว่า สว. ก็โดนกันทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตนก็โดนหนัก เพียงแค่แสดงความเห็นในบางประเด็นว่า หากเป็นรัฐบาลไม่ได้ให้ไปเป็นฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้นการออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับก้าวไกล ก็จะโดนเหมือนกันหมด และสังคมเดี๋ยวนี้ก็อาจจะใช้โซเชียลเป็นเครื่องมือ แต่ถามว่า หากยึดมั่นให้การต่อสู้เพื่อจะไม่ให้มีนโยบายในลักษณะนี้ ก็จะต้องแลก
เมื่อถามย้ำว่า ขณะนี้มีกลุ่มมวลชนที่อยู่ภายนอก จะเป็นข้อกดดันให้เกิดการรวมตัวและส่งผลกระทบต่อการโหวตนายกฯ มองว่าจะแก้ไขอย่างไร นายวันชัย บอกว่า เท่าที่ตนทราบ ลำพังเปลี่ยนแกนนำจากพรรคก้าวไกลมาเป็นพรรคเพื่อไทย เชื่อว่ามี สว. เพิ่มมากขึ้นจาก 13 คน เพราะ สว. รู้ว่ากระแสของสังคมนั้นเป็นอย่างไร แต่จะเพิ่มมากขึ้นเกิน 375 หรือไม่ ตนไม่แน่ใจ แต่เท่าที่ฟังจากกลุ่มเพื่อน สว. รู้อยู่ว่าหากโหวตไปเป็นอย่างไร.