"อนุสรณ์" สส.พรรคเพื่อไทย ขอให้เชื่อมั่นพรรค เชื่อ จะตัดสินใจให้ดีที่สุด โดยยึดประโยชน์ของชาติ และประชาชนเป็นสำคัญ ยัน ประชาชนเข้าใจ-ชัด จุดยืน "เศรษฐา" ไม่ยกเลิก ไม่แก้ ม.112 หนุน ไทยไปต่อ ไม่ควรรอ 10 เดือน 

วันที่ 1 ส.ค. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ระบุ พรรคก้าวไกล ไม่โง่ ตามเกมสกปรก ลักหลับ บีบ 151 เสียงโหวต ว่า น่าเสียดายที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ไม่สามารถรวบรวมเสียงได้เกิน 376 เสียง ถ้าสามารถทำได้ตั้งแต่ครั้งแรก ป่านนี้ประเทศไทยคงได้คณะรัฐมนตรีมาบริหารประเทศแล้ว ใครจะพูดอะไรก็เป็นสิทธิ แต่ต้องไม่ลืมว่า 141 เสียงของพรรคเพื่อไทย โหวตให้ นายพิธา 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม ไม่มีแตกแถวแม้แต่เสียงเดียวทุกครั้ง แม้ถึงวันนี้พรรคเพื่อไทยมีที่นั่งห่างจากพรรคก้าวไกล เพียง 8 ที่นั่ง และมีแนวโน้มที่ระยะห่างจะใกล้เข้ามาอีก แต่พรรคเพื่อไทยก็สนับสนุนพรรคก้าวไกลด้วยดีมาตลอด แม้แต่กรณีโหวตรองประธานสภา จากพรรคก้าวไกลก็ 141 เสียง เต็มพิกัด ความกลัวทำให้เสื่อม อย่ามัวแต่ฟาดงวงฟาดงา ถ้าพอมีเวลาลองไปถอดบทเรียนจากผลนิด้าโพลที่ชี้ประชาชนมองพรรคก้าวไกลผิดพลาด เพราะไม่ยอมยกเลิกบางนโยบาย ไม่ใช่ไปโทษทุกคน แล้วตัวเองไม่ยอมปรับตัว สิ่งใดทำผิดก็ปรับแก้ทำใหม่ ช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคสมาชิกพรรคเพื่อไทย ก็ไม่เคยมีใครพูดว่า หลังเลือกตั้งจะโหวต นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี แม้แต่คนเดียว แต่เมื่อผลเลือกตั้งออกมาเป็นแบบนี้ แม้กองเชียร์แฟนคลับพรรคเพื่อไทยจำนวนมาก จะไม่สบายใจ แต่ 141 เสียงของพรรคเพื่อไทย ก็โหวตให้ นายพิธา เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ทุกครั้ง พรรคก้าวไกลเคยเสนอ สส.ซีกพรรครัฐบาลเดิม ต้องเคารพฉันทามติจากประชาชน โหวตเลือก พิธา เป็นนายกฯ เพื่อปิดสวิตช์ สว.แล้วกลับไปเป็นฝ่ายค้าน ทำไมพอจะโหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยบ้าง ถึงสร้างเงื่อนไขขึ้นมา ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้ทำอะไรตามที่ถูกกล่าวหาเลย เพียงแต่จะนำข้อหารือจากพรรคการเมืองต่างๆ เข้าสู่ที่ประชุม 8 พรรคให้ได้ร่วมกันตัดสินใจ ไม่ควรมีใครใช้วิธีขอเสียงสนับสนุนไป ด่าไป เราจะขอเสียงจากเขา โดยไม่คุยกับใครเขาเลยได้อย่างไร

...

 "ภายใต้สถานการณ์ที่มีข้อจำกัด ขอให้เชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยจะตัดสินใจให้ดีที่สุด โดยยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ" นายอนุสรณ์ กล่าว
 
นายอนุสรณ์ ยังกล่าวถึงกรณี นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา ระบุ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ควรย้ำจุดยืนให้ชัด แก้-ไม่แก้ ม.112 ว่า น่าเสียดายที่ประชาชนไปเลือกตั้งมาจะครบ 3 เดือน ยังไม่ได้นายกรัฐมนตรี มาทำงานแก้ไขปัญหาวิกฤติให้ประเทศ การโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป ขอให้ทุกฝ่ายยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ ให้ประเทศไทยได้ไปต่อ ไม่ควรมีใครสร้างเงื่อนไขที่จะทำให้ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาส นายเศรษฐา ยืนยันอย่างชัดเจนว่า การโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป ต้องคิดให้ดี ต้องเจรจาให้เหมาะสม และส่วนตัวยอมรับการแก้มาตรา 112 ถือเป็นปัญหาและอุปสรรคสำคัญ พรรคที่จะเสนอนายกฯ ครั้งต่อไป ต้องไม่มีเรื่องการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112  ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้รับการสนับสนุนจาก สว. และจากหลายๆ พรรค ประชาชนเห็นจุดยืนของ นายเศรษฐา และพรรคเพื่อไทย ที่จะไม่ยกเลิก ไม่แก้ไข ม.112 ชัดเจน

 "ผลสำรวจ 100 ซีอีโอ ระบุชัด ประเทศไทยต้องไปต่อ ไม่ควรรอ 10 เดือน โอกาสครั้งสำคัญที่ สส. สว.จะนำพาประเทศออกจากวิกฤติ มาถึงแล้ว" นายอนุสรณ์ กล่าว.