ไม่ว่าพรรคการเมืองไหนล้วนอยากเป็นรัฐบาลทั้งสิ้นต่างพยายามดิ้นรนขวนขวายหาช่องทางที่จะไปตรงนั้นให้ได้
แม้แต่ประชาธิปัตย์ที่ยังหาหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคไม่ได้ ก็ไม่วายตกเป็นข่าวว่ามี สส.แอบดอดไปเปิดดีลกับ “ทักษิณ” ถึงฮ่องกง
“พลังประชารัฐ” ก็เปิดประตูกว้าง เปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ให้ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เป็นเลขาธิการพรรค
ยกน้องชาย “บิ๊กป้อม” เป็นที่ปรึกษาพรรค
เจตนาก็คงคิดไม่ต่างกันเพื่อสะดวกในการร่วมรัฐบาลกับ “เพื่อไทย” เพราะทั้ง 2 คนนี้มีสัมพันธ์ที่ดีกับ “คนแดนไกล” มานานแล้ว
อีกพรรค “ก้าวไกล” อันดับ 1 แต่มีความจำเป็นต้องหลีกทางให้ “เพื่อไทย” รับลูกไปจัดตั้งรัฐบาลแทนก็มีความเคลื่อนไหวในมุมนี้ด้วยเช่นกัน
“ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ผู้นำจิตวิญญาณที่กำลังถูกตามหาตัวจากด้อมส้ม เพื่อทวงถามว่าเดินทางไปเจรจากับ “ทักษิณ” หรือไม่
ถ้าไปเจรจากันเรื่องอะไร?
ไปไม่ไปไม่รู้แต่ “ธนาธร” ถ้าบริสุทธิ์ใจก็ควรจะออกมาแสดงตัวตนเพื่อตอบคำถามเหล่านี้ เพราะประกาศตัวไม่ใช่หรือ
“ทุกอย่างเปิดเผยโปร่งใส”
นี่เป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองระหว่างที่ยังมั่วๆจนตั้งรัฐบาลยังไม่ได้ อันเป็นภาพสะท้อนให้เห็นว่านักการเมืองนั้น
ต้องการเป็น “รัฐบาล” มากกว่า “ฝ่ายค้าน”
แม้แต่ “ก้าวไกล” ที่ย้ำอยู่เสมอว่าเป็นอะไรก็ได้ถ้าได้ทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน แต่เมื่อไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นแกนตั้งรัฐบาลได้
ขนาดโยนผ้าขาวให้ “เพื่อไทย” รับไม้ต่อไปแล้ว ก็ยังเกาะขาติดแน่นจนทำให้ขยับอะไรกันไม่ออก อ้างว่าเมื่อประชาชนเลือกมาแล้วให้เป็นรัฐบาล
...
ก็ต้องเป็นไปตามคำบัญชานั้น!
ทั้งๆที่แทบจะทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองอีกซีกหนึ่งหรือ สว.ส่วนใหญ่ต่างเห็นตรงกันว่ารับไม่ได้ที่จะให้ “ก้าวไกล” เป็นรัฐบาล
พิสูจน์จากการแพ้โหวตครั้งที่ 1 และโหวตซ้ำไม่ได้ครั้งที่ 2
ทำให้ “เพื่อไทย” ที่รับไม้ต่อ ถ้าว่ากันตามสิทธิที่พึงมีสามารถจัดรัฐบาลด้วยการดึงพรรคการเมืองมาสนับสนุนได้
แต่ก็ถูกขวางด้วยข้อหา “ทรยศ”...
ต่างๆเหล่านี้ล้วนทำให้เห็นภาพการเมืองได้อย่างชัดเจนว่าล้วนต้องการเป็นรัฐบาลอยู่ในอำนาจรัฐมากกว่าเป็นฝ่ายค้าน
ไอ้ที่บอกว่าเป็นฝ่ายค้านแล้วอีก 4 ปี พบกันใหม่แบบแลนด์สไลด์มานั้น ก็เป็นเพียงคำปลอบประโลมใจมากกว่า
เพราะอีก 4 ปีนั้นไม่มีใครทำนายได้ว่าสถานการณ์ต่างๆจะเป็นอย่างไร อะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่สามารถคาดเดาได้
แต่ ณ วันนี้การได้เป็นรัฐบาลคือความแน่นอนกว่าอย่างชัดเจน
การเป็นรัฐบาลนั้นคือการได้ “อำนาจรัฐ” ที่สามารถทำนโยบายให้เป็นจริงได้ สามารถสร้างคะแนนนิยมได้เต็มที่
เมื่อต้องการได้ทุกอย่าง บทจบมันจึงเป็นอย่างนี้แหละ!
“สายล่อฟ้า”