บก.ลายจุดชวนคนว่างงาน “พิธา” ใส่รองเท้าผ้าใบร่วมแฟลชม็อบ 23 ก.ค. แสดงพลังยืนยันอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนไม่ใช่ของ สว. นศ.ศิลปากรไม่ทนเปิดฉากรวมตัวไล่ สว.-กกต.-ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่เห็นหัวประชาชน “นิสิตเกษตรฯ” นัดชุมนุมหน้าหอประชุมใหญ่ “ด้อมส้มพัทลุง” ออกโรงต้านเผด็จการไว้อาลัยสภาทาส ลูกทุ่งหมอลำ “ไหมไทย” ครวญความยุติธรรมอยู่ที่ไหน วิงวอน สส.-สว.เห็นแก่ปากท้องประชาชน “แม่ยกชัยนาท” ร้องไห้ข้ามคืนขอเรียก “นายกฯพิธา” ตลอดกาล ขณะที่ ศปปส.ขยับยื่นศาลถอนประกันแกนนำม็อบ

หลังนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.จากคดีถือหุ้นสื่อไอทีวี และรัฐสภาตีตกญัตติเสนอชื่อโหวตเป็นนายกฯรอบ 2 ล่าสุดแนวร่วมกลุ่มสนับสนุนพรรคก้าวไกลออกมาเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง

“บก.ลายจุด” ชวน “พิธา ” นำม็อบ

วันที่ 20 ก.ค. มีรายงานว่า นายสมบัติ บุญงามอนงค์ บก.ลายจุด อดีตแกนนำม็อบเสื้อแดง และกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง โพสต์ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์ นัดจัดชุมนุมในวันอาทิตย์ที่ 23 ก.ค. ที่สี่แยกอโศก ใจความว่า “ดี Day อาทิตย์ 23 ก.ค.ยามเย็น 5 โมงแยกอโศก ประชาชนโบกสะบัด ขอนัดพบคนใส่รองเท้าผ้าใบ #พร้อม เราพบกัน” นอกจากนี้ยังโพสต์เชิญชวนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า “เมื่อสภาไม่มีที่ให้ยืน #พร้อม มายืนกับประชาชนนอกสภามั๊ยครับ Pita Lim jaroenrat-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เรียนเชิญ” นายสมบัติให้สัมภาษณ์ว่า ได้ส่งแฮชแท็กไปถึงนายพิธาเคยบอกว่า ถ้าประชาชนยังสู้อยู่จะไม่ถอย ขณะนี้ตนนัดหมายประชาชนแล้ว และนายพิธาไม่ได้เป็น สส.เพราะถูกให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เมื่อว่างแล้วสะดวกใส่รองเท้าผ้าใบมาเจอกันที่แยกอโศกได้เลย

...

ยืนยันอำนาจปวงชนไม่ใช่ สว.

นายสมบัติกล่าวว่า การนัดหมายชุมนุมเพื่อให้ประชาชนออกมายืนยันอำนาจอธิปไตยของปวงชนไม่ใช่ของ สว.โดยทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เป็นแฟลชม็อบเรียบง่าย ที่บริเวณถนนสุขุมวิท ฝั่งมุ่งหน้าถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ได้หารือกับตำรวจ สน.ทองหล่อ แจ้งให้ทราบแล้วว่าหากคนมามากอาจต้องขอปิดพื้นที่จราจร ใครอยากกินหมูกระทะ กุ้งเผา จัดปราศรัย วาดรูป เต้นร้องเพลง ในแบบตลาดนัดประชาธิปไตย ทำได้โดยสงบ ส่วนที่ให้เตรียมรองเท้าผ้าใบมานั้น มาจากแนวคิดของการเต้นแบบชนเผ่าพื้นเมือง ดังนั้น ใครมีแนวคิดออกแบบการเต้นสำหรับคนนับพันคนได้ให้รีบเสนอด่วน

นิสิต มก.นัดชุมนุม 21 ก.ค.

เฟซบุ๊กเพจพรรคอาทิตย์ใหม่ของนิสิตใน ม.เกษตรศาสตร์ (มก.) บางเขน เผยแพร่ข้อความเชิญชวนจัดการชุมนุม ร่วมขจัด สว.ใจทรามในวันที่ 21 ก.ค.ว่า “เมื่อเสียงของประชาชนถูกย่ำยี พวกเราต้องออกมาลุกขึ้นสู้! พบกัน 17.00 น. ที่หน้าหอประชุมใหญ่ ให้สมกับที่กล่าวว่า ประชาชน คือ เจ้าของประเทศ เกษตรศาสตร์ คือ ภาษีของประชาชน” #ม็อบ21กรกฎา #เกษตรศาสตร์ คือภาษีของประชาชน #kuไม่ใช่ขนมหวานราดกะทิ ผู้ประสานงานจัดกิจกรรมเผยว่า เบื้องต้นนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย จะมาร่วมกิจกรรมด้วย

สภาประชาชนปฏิรูปแห่ม็อบ

อีกด้าน เมื่อเวลา 16.00 น.วันเดียวกันที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สี่แยกปทุมวัน นายสิงห์สยาม มุกดา หรือปลัดสิงห์ แกนนำกลุ่มสภาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย อดีตปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สุโสะ อ.ปะเหลียน จ.ตรัง พร้อมแนวร่วมราว 5 คน นำรถกระบะติดเครื่องขยายเสียงมาปักหลักชุมนุมปราศรัยโจมตีการแทรกแซงจัดตั้งรัฐบาล ที่มาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน นายสิงห์สยามกล่าวว่า เตรียมมาปักหลักค้างแรมหน้าหอศิลป์จัดชุมนุมในช่วงเย็นของทุกวัน จนถึงวันที่ 30 ก.ค.เพราะเห็นว่า เกิดความไม่ปกติทางการเมือง ต้องการชักชวนประชาชนออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่ขณะนี้มีแนวโน้มว่า ต้องไปเป็นฝ่ายค้าน โดยจะเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจผ่านไปมาได้มาจับไมค์ปราศรัยพูดคุยถึงความรู้สึกด้วย

ฝนกระหน่ำเลื่อนแผนค้างคืน

นายสิงห์สยามกล่าวด้วยว่าที่แยกตัวออกมาไม่ร่วมชุมนุมกับมวลชนสนับสนุนพรรค ก.ก. ที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เพราะเคยขอไปขึ้นเวทีปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยวันที่ 19 ก.ค.แล้วแต่ผู้จัดชุมนุมไม่อนุญาตให้เหตุผลว่าต้องการให้เป็นเวทีของเยาวชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชุมนุมของกลุ่มสภาประชาชนปฏิรูป ไม่ได้รับความสนใจจากมวลชนด้อมส้ม ผู้ที่มาร่วมมีอยู่ราว 10 คน ส่วนใหญ่เป็นสื่อมวลชน ทั้งนี้ มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องจนไม่สามารถอาศัยได้ กระทั่งเวลาประมาณ 17.30 น.แกนนำประกาศยุติยกเลิกแผนปักหลักค้างคืน 10 วัน เตรียมไปเข้าร่วมกับการชุมนุมของพรรคอาทิตย์ใหม่ ที่ ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน ในวันที่ 22 ก.ค.แทน

นศ.ศิลปากรไม่ทนไล่ 3 องค์กร

เมื่อเวลา 17.00 น. ที่ประตูด้านหน้า ม.ศิลปากร (มศก.) วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ อ.เมืองนครปฐม นักศึกษา มศก.ออกมารวมตัวกันจัดกิจกรรมชุมนุมขับไล่ กกต. สว. ศาลรัฐธรรมนูญ เขียนกระดาษชูป้ายใจความโจมตี เตรียมกระดาษแล้วมายืนกับเรา และพร้อมใจกันโพสต์ข้อความติดแฮชแท็ก ศิลปากรไม่ทน ศิลปากรไม่เอาเผด็จการ เชิญชวนประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินตัดสิทธินายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. มีประชาชนจำนวนมากทั้งเยาวชน นักศึกษากว่า 50 คน เข้าร่วมกิจกรรมท่ามกลางฝนที่กำลังตกโปรยปรายลงมา แต่ละคนชูป้ายด้วยความสงบนิ่ง อาทิ ข้อความ สว.โปรดเห็นหัวประชาชน งดออกเสียงที่มีเสียงระบบประชาธิปไตยอันมีการเลือกตั้งเป็นแค่มุก Rip Thailand อำนาจเป็นของประชาชน Respect Out VOTE หรือ Power Belong to People เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีแผ่นป้ายผ้าใบติดริมรั้วของมหาวิทยาลัยว่า ในระบบประชาธิปไตยทุกคนมี 1 สิทธิ 1 เสียงเท่ากัน แต่ประชาธิปไตยเป็นเสียงของ สว.มีค่ามากกว่าประชาชน

“ด้อมพัทลุง” ลุกต้านเผด็จการ

ขณะที่ความเคลื่อนไหวในจังหวัดต่างๆ เมื่อเวลา 14.00 น. ที่พระบรมรูปรัชกาลที่ 5 หน้าศาลากลางจังหวัดพัทลุง เครือข่ายพลเมืองพัทลุง สมาพันธ์ประชาธิปไตยพัทลุงร่วม 10 คน จัดกิจกรรมการแสดงออกสัญลักษณ์ต่อต้านอำนาจเผด็จการ และยกเลิกสภาทาส นำโดยนายกาจ ดิษฐาอภิชัย และนายสำเริง จิตสวาสดิ์ เป็นแกนนำ อ่านแถลงการณ์ไม่ยอมรับอำนาจ สว.เลือกนายกฯ ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเร็วที่สุด อ่านคำไว้อาลัยรัฐสภาไทย องค์กรอิสระ ที่รับใช้อำนาจเผด็จการ นายสำเริง อ่านแถลงการณ์ว่า ผลเลือกตั้งออกมาเป็นเอกฉันท์ประชาชน 26 ล้านเสียง ต้องการการเมืองที่ดี เศรษฐกิจดี อนาคตที่ดีให้กับลูกหลาน แต่กลไกเผด็จการที่ออกแบบในรัฐธรรมนูญปี 2560 มีสถานีเป็นเครื่องมือของฝ่ายเผด็จการสกัดกั้นอำนาจประชาธิปไตยของฝ่ายประชาชน เห็นชัดที่สุดการลงมติเลือกนายกฯคนที่ 30 เมื่อวันที่ 13 และ 19 ก.ค. สว.จำนวนมากที่แสดงตน เป็นฝ่ายต่อต้านอำนาจประชาชน พวกเราไม่ยอมรับอำนาจ สว.และขอประณามกระบวนการฉ้อฉลอำนาจอธิปไตย

ร่ายคำไว้อาลัยรัฐสภาทาส

นายกาจอ่านคำไว้อาลัยรัฐสภาไทยและองค์กรอิสระตอนหนึ่งว่า รัฐสภาไทยตั้งแต่อภิวัฒน์สยาม 2475 เป็นต้นมา เป็นสถานที่ของผู้ได้รับฉันทานุมัติจากประชาชนให้ใช้อำนาจรัฐแทน แต่ถูกดัดแปลงกลืนกลายให้ไปรับใช้กลุ่มคนที่ยึดกุมอำนาจรัฐจนกลายเป็นสภาทาส ทำให้ระเบียบประชุมสภามีความเหนือกว่าบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ การกระทำเมื่อวันที่ 19 ก.ค.66 เป็นการทำลายหลักการของระบอบประชาธิปไตยไทย ขัดขวางเจตจำนงของประชาชน ทำลายความหวัง ความฝัน และคุณค่าศักดิ์ศรีของคนไทย ละเมิดสิทธิทางการเมือง จนทำรัฐสภาไทย และองค์กรอิสระต้องตายไปจากประชาชน การนัดรวมตัวกันที่หน้าพระบรมรูป ร.5 นั้น เนื่องจากว่าพระองค์ได้เลิกทาสไปแล้ว แต่ขณะนี้ทาสยังมีอยู่โดยเฉพาะสภาทาส

“ไหมไทย” ลั่นยุติธรรมอยู่ไหน

ที่ จ.ยโสธร นายมนต์ชัย รักษาชาติ หรือไหมไทย หัวใจศิลป์ นักร้องลูกทุ่งหมอลำ ให้สัมภาษณ์ว่า ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. รู้สึกเศร้า ความยุติธรรมมันอยู่ที่ไหน ตนเป็นประชาชนคนหนึ่งที่บอกว่า ประเทศนี้คือประชาธิปไตย แต่ละปีที่ต้องเสียภาษี น่าจะมีสิทธิพูดบ้างแต่พูดมากไปมันก็ผิดเราคงคิดได้แค่นี้ ที่ประชาชนคนหนึ่งทำได้ เพียงแต่บอกว่าอยากจะมีสิทธิบ้างในคำว่าประชาธิปไตย แล้วจะแก้ไขอย่างไรที่จะให้ ประชาชนอย่างน้อยเห็นชัดเจนว่า 14 ล้านเสียง และที่มากกว่านั้นที่เขาอยากจะใช้สิทธินี้ ประชาชนถ้าพูดมากผิดอีกเหมือนเดิม เราอัดอั้นตันใจว่า ประชาธิปไตยในส่วนที่เขาจะได้รับจะทำอย่างไรแก้ไขอย่างไร ความยุติธรรมมันอยู่ที่ไหน เราเป็นประชาชนตัวเล็กๆสิทธิที่จะพูดก็ได้แค่นี้ หลังจากนั้นคือเดินตามผู้หลักผู้ใหญ่เหมือนเดิม จะพาขึ้นสวรรค์หรือลงนรกพาลำบาก พาพัฒนาเจริญขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ทั้งนั้น ส่วนที่ประชาชนเลือกไปแล้วมันไม่ประสบความสำเร็จแล้วแต่สวรรค์จะเมตตาก็คิดได้ประมาณนี้

วอน สส.–สว.เห็นแก่ปากท้อง ปชช.

เมื่อถามว่า นายพิธาไม่ได้เป็นนายกฯรู้สึกอย่างไร ไหมไทยตอบว่า รู้สึกเสียใจ มันครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นแบบนี้เหมือนเดิม ไม่ได้บริหารจัดการในสิ่งที่ประชาชนเลือก แล้วจะเลือกตั้งกันไปทำไม เคยมั่นใจใน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เชียร์ท่านเลือกท่านว่าถ้ามาเป็นแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น สุดท้ายรอมาจนบัดนี้ เมื่อทำไม่ได้ อยากให้โอกาสคนใหม่มาแก้ไขให้ปากท้องประชาชนดีขึ้น สำหรับ สส.และ สว.มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ท่านทำตามหน้าที่ของแต่ละท่าน อยากให้พิจารณาเรื่องปากท้องพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญด้วย ขอเป็นกำลังใจให้นายพิธาสู้ต่อไป

“แม่ยก” ขุ่นอย่าเลือกตั้งเลยดีกว่า

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ชัยนาท ว่า บรรดาด้อมส้ม แม่ยก และผู้ที่ชื่นชอบ “พิธา” และพรรคก้าวไกลต่างเสียใจจับเข่าตั้งวงคุยกัน มีแต่คนสงสารนายพิธาที่กัดฟันสู้มาถึงจุดสูงสุดแต่กลับก้าวขึ้นไปต่อไม่ได้ เช่นเดียวกันกับนางสำนวล สีน้อย อายุ 60 ปี แม่ยกรุ่นใหญ่ ที่เคยร่ำไห้มาแล้วตอนโหวตรอบแรก พอมาเจอรอบ 2 ถึงกับน้ำตาไหลข้ามคืน เปิดทีวีดูข่าว น้ำตาไหลอัตโนมัติ นางสำนวล สีน้อย เผยว่า พอรู้ว่ามีคำสั่งศาลให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ น้ำตาไหลพรากดูไปร้องไห้ไป แต่จะเชียร์ต่อไปและขอเรียก “นายกฯพิธา” ตลอดไป เพราะรักพิธาเท่ากับลูกเลย ชาติหน้าฉันใด มีลูกจะตั้งให้ชื่อว่า “พิธา” ขอเชียร์ไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ ฝากบอกพิธา ให้สู้ๆสักวันต้องเป็นของเรา ส่วนหัวหมูที่บนไว้ไม่มีประโยชน์ ขอส่งกำลังใจให้แทน ต่อไปอย่าให้ประชาชนเลือกตั้งเลยดีกว่า ถ้าเลือกคนที่ใช่พรรคที่ชอบแล้วไม่ได้มาทำหน้าที่แทนประชาชน

เสื้อแดงไม่หวังเนื้อจากปากหมา

ส่วนที่ลานอเนกประสงค์ข่วงประตูท่าแพ อ.เมืองเชียงใหม่ ช่วงค่ำของวันที่ 19 ก.ค.มีกลุ่มประชาชนออกมารวมตัวกัน เขียนป้ายผ้า ข้อความว่า “นายกของหมู่เฮาคือ=พิธา”, สว.ต้องหยุดขังปปท, RIP สว.และข้อความกระดาษอื่นๆ วางดอกไม้จันทน์ และเทียน ให้กับผู้ที่มาเข้าร่วมทำกิจกรรม และให้นำไปใส่ในบ้านกระดาษที่ทำขึ้น ก่อนที่จะจุดไฟเผาแสดงเชิงสัญลักษณ์ไม่พอใจ ที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งนายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.และรัฐสภาไม่ให้โหวตนายกฯรอบ 2 ขณะที่นายหาญศักดิ์ เบญจศรีพิทักษ์ ผู้ประสานงานกลุ่มคนเสื้อแดง 17 จังหวัดภาคเหนือกล่าวว่า กระบวนการบั่นทอนประชาธิปไตยมีอยู่จริง ตอนนี้ผ่านมา 2 เดือนไม่มีรัฐบาลใหม่สักที ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปการลงถนนเรียกร้องก็ยังจำเป็น แต่จะได้แต่ความรุนแรงไม่ได้ผลอะไร การขอประชาธิปไตยจากเผด็จการไม่ต่างอะไรกับขอเนื้อจากปากหมา แต่อยากเรียกร้องจากพรรคการเมืองว่า เห็นหัวประชาชนกันไหม จะให้ประเทศชาติติดหล่มไปถึงเมื่อไหร่ เช่นเดียวกับที่จ.ลำปาง บริเวณห้าแยกหอนาฬิกาหรือลานข่วงนคร เขตเทศบาลนครลำปาง อ.เมืองลำปาง นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน พร้อมกับกลุ่มด้อมส้ม รวมตัวทำกิจกรรมต่อต้านอำนาจเผด็จการ จุดเทียนและเปิดไฟแฟลชโทรศัพท์มือถือ

ศปปส. ขอศาลถอนประกัน “เก็ท”

อีกด้านเวลา 11.00 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาฯ นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.)นำหลักฐานเข้ายื่นคำร้องอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เพื่อให้พิจารณาการเพิกถอนการประกันตัวของนายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง หรือเก็ท กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ จำเลยในคดีความผิดต่อสถาบัน ป.อาญา มาตรา 112 ตามหมายเลขคดีดำที่ 1447/2565 นายอานนท์กล่าวว่า หลายวันที่ผ่านมา นายโสภณโพสต์ข้อความบนโซเชียลลักษณะยุยงปลุกปั่นให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดในเรื่องของสถานการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะในเรื่องการโหวตเลือกนายกฯ เมื่อไม่เป็นตามที่คาดหวังก็ประกาศเป็นแกนนำม็อบผ่านทางเฟซบุ๊ก ระดมมวลชนเพื่อไปคุกคาม สว.ที่ไม่โหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯ ได้รวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานนำมามอบให้อธิบดีศาล เพื่อพิจารณาวินิจฉัยว่านายโสภณผิดเงื่อนไขในการประกันตัวหรือไม่ เนื่องจากในเงื่อนไขการประกันระบุไว้ชัดเจนว่า ห้ามจำเลยกระทําการใดๆที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงศาล ห้ามโพสต์ข้อความที่เป็นการปลุกปั่นให้มวลชนเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุมในสื่อโซเชียล หรือเข้าร่วมชุมนุมที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวาย