"ชลน่าน" รับ ไม่พอใจ การทำงานของ "วันนอร์" แจง สัมพันธ์ 8 พรรคร่วม หลัง "เสรีพิศุทธ์" งดออกเสียง-ติ ก้าวไกล มอง 7 สว.โหวตหนุน พิธา กลับลำ เห็นชอบใช้ข้อบังคับ 41 ไม่เกี่ยวโหวตนายกฯ

วันที่ 20 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากเมื่อวานนี้ ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา มีมติเสียงข้างมาก ในการใช้ข้อบังคับที่ 41 คือ ไม่ให้เสนอชื่อ "นายพิธา" เป็นนายกรัฐมนตรีซ้ำอีกเป็นครั้งที่ 2 

ล่าสุด นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์บอกว่า ยอมรับว่าไม่พอใจกับการทำหน้าที่ของประธานรัฐสภา เมื่อวานนี้ ยืนยัน ไม่มีใครพอใจ รวมถึงตนเองกับการทำหน้าที่ของ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ในฐานะประธานรัฐสภา เพราะตนก็ได้พยายามหาช่องทางให้ประธานฯ ใช้ดุลพินิจ แต่ในเมื่อเสียงข้างมากออกมาแบบนี้ ในระบอบรัฐสภาต้องยึดถือ แต่อย่างไรก็ยังทำให้เกิดความคลางแคลง หรือไม่พอใจ คือ เสียงข้างมากไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม

ส่วนแนวทางต่อไปของ 8 พรรคร่วมรัฐบาล ก็ต้องรอพรรคก้าวไกลเป็นคนเริ่มต้นพูดคุย ซึ่งเลขาธิการของเพื่อไทยและก้าวไกลได้พูดคุยกันในเบื้องต้น ต้องรอดูนัดกันอีกครั้ง

สำหรับการนัดหมายประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งต่อไป วันที่ 27 ก.ค.นี้ นายแพทย์ชลน่าน ระบุว่า ยังต้องรอการพูดคุยกับพรรคก้าวไกล พร้อมยืนยัน เพื่อไทยยังไม่ปล่อยมือจากพรรคก้าวไกลในตอนนี้ และยังฟันธงไม่ได้ว่าครั้งต่อไป จะเสนอชื่อแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยเลยหรือไม่

นายแพทย์ชลน่าน ยังชี้ว่า วันที่ 11 พ.ค. 2567 สว.ชุดปัจจุบันกำลังจะหมดวาระ สมาชิกก็สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับในเรื่องการเสนอชื่อโหวตนายกฯ ได้

ส่วนเงื่อนไขให้ก้าวไกลยอมถอยเรื่องการแก้ไขมาตรา 112  นายแพทย์ชลน่าน ยอมรับ ตนสงสารพรรคก้าวไกลที่โดนประเด็นนี้ มองว่าไม่ใช่แค่เรื่อง 112 แล้ว อย่างไรก็ตาม ขอไม่ก้าวล่วงการตัดสินใจของพรรคก้าวไกล

...

ส่วนอีกหนึ่งกรณีที่เมื่อวานนี้ หลายคนก็จับตาความสัมพันธ์ใน 8 พรรคร่วม ว่ายังราบรื่นหรือไม่ เพราะ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ได้ "งดออกเสียง" ในการเห็นชอบการใช้ข้อบังคับที่ 41

เรื่องนี้ นายแพทย์ชลน่าน บอกว่า ตนทราบข่าวว่า พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ออกจากสภาไปก่อน โดยไม่ได้โหวต แต่มองว่าไม่ได้มีผลอะไร เพราะการโหวตญัตติกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นคนละประเด็น

ส่วนที่ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ มีการวิพากษ์วิจารณ์พรรคก้าวไกลอย่างดุเดือด นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ความคิดเห็นของแต่ละคนถือเป็นเสรีภาพ ยังถือเป็นความเห็นรวมไม่ได้ หากเป็นความเห็นรวม ต้องนั่งปรึกษาหารือกัน ถึงจะออกมาเป็นความเห็นของ 8 พรรค

สำหรับ สว. 13 คน เคยสนับสนุน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ปรากฏว่ามี สว. 7 คน ที่เห็นชอบให้ใช้ข้อบังคับที่ 41 ได้ จะแสดงนัยสำคัญอะไรหรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน ปฏิเสธก่อนว่า ตนไม่ทราบ เพราะ สว.แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เคยสนับสนุน ส่วนหนึ่งก็มาโหวตว่าไม่เป็นญัตติ มองว่าเป็นความเห็นเรื่องการวินิจฉัย ไม่เกี่ยวกับการเลือกนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า การตีความข้อบังคับ ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานการตีความข้อบังคับ

ส่วนที่มีคนออกมาวิจารณ์ว่า 8 พรรคร่วมรัฐบาลติดกระดุมเม็ดแรกผิดตั้งแต่เลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า แล้วแต่มุมมอง จะสรุปว่าผิดหรือไม่ ต้องดูข้อเท็จจริง และเหตุการณ์ที่ปรากฏขึ้น เพราะอีกฝ่ายหนึ่งอาจจะบอกว่าติดถูก อีกฝ่ายอาจจะบอกว่าติดผิด มองว่านี่คือสีสันของประชาธิปไตย.