เปิดปากกับภาคภูมิ นักวิชาการวิเคราะห์ทิศทาง การจัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรค จะสำเร็จหรือไม่ หากยืนยันเสนอชื่อ "พิธา" โหวตเลือกนายกฯ รอบ 2
วันที่ 18 กรกฎาคม 2566 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกับคุณจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน และ รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย ในประเด็นร้อนแรง การประชุมรัฐสภา วันที่ 19 ก.ค. เพื่อเสนอชื่อ "พิธา" โหวตเลือกนายกฯ รอบ 2
คุณจตุพร พรหมพันธุ์ เผยว่า พรุ่งนี้ยังไงก็จะไม่ได้ เพราะการประชุม 3 ฝ่าย ที่ อ.วันนอร์นัดหมาย ก็ยังไม่เป็นที่ยุติ ก็ต้องไปประชุมกันต่อ ซึ่งถ้าประชุมกันแล้วว่าจะเป็นญัตติ ก็จะเสนอซ้ำไม่ได้ ยกเว้นแต่ประธานสภา จะใช้อำนาจด้วยเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แต่ประเด็นที่สำคัญคือตนเชื่อว่า อ.วันนอร์จะไม่ใช้อำนาจ ซึ่งหากมีสมาชิกรัฐสภาลุกขึ้นเสนอมติว่า จะให้มีการเสนอรอบ 2 หรือไม่ เพื่อให้มีการพิจาณา ก็ต้องอย่าลืมว่าเสียงข้างมากในสภาคือ ซีก 188 กับเสียง ส.ว. อีก 250
...
ดังนั้นมันก็ต้องถกเรื่องนี้กันต่อ เพราะความเห็น 8 พรรค บอกว่าเสนอซ้ำกันได้ แต่ซีก 188 ก็อาจจะบอกว่าเสนอซ้ำไม่ได้ จนสุดท้าย ก็ต้องมีการเสนอเปิดโหวตในที่ประชุมให้สมาชิกลงมติ ซึ่งเสียง 188 บวก 250 ก็จะกลายเป็นเสียงข้างมาก ยังไงคุณพิธาก็แพ้
ตนเองก็หวังอยากให้คุณพิธาตัดสินใจเด็ดขาดว่า แม้จะเดินไปถึงโหวตรอบ 2 คุณพิธาก็ไม่ถึงเสียง 376 และจะไม่ไปถึงรอบ 3 เพราะเห็นแล้วว่าวุฒิสภาตัดสินใจแล้ว บางส่วนไม่เห็นชอบ บางส่วนงดออกเสียง และบางส่วนก็ไม่เข้าห้องประชุมเลย
อีกทั้งทางศาลรัฐธรรมนูญ ก็นัดหมายพิจาณาเรื่องของคุณพิธาพรุ่งนี้อีก ในเวลาเดียวกัน ตอน 09.30 น. ซึ่งตนหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ควรที่จะสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ เพราะคราวตน ศาลก็ไม่สั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล แต่ในสถานการณ์นี้ มันเปราะบางมาก ไม่ควรสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ อย่างน้อยเพื่อให้บรรยากาศมันผ่อนคลาย
และตนอยากให้คุณพิธายอมรับความจริงของการพิจารณาว่าไปต่อไม่ได้ กล้าลุกขึ้นมาว่า หากมีการเสนอชื่อตัวเองอีกครั้ง ให้ประกาศถอน แล้วเสนอให้คุณเศรษฐาเป็นเลย ยอมรับความเป็นจริงเลยว่ายังไงตนเองก็ไม่ได้ เพื่อให้เพื่อไทยไปเป็นเลย โดยที่ไม่ต้องมีการข้ามขั้วเกิดขึ้น เพราะหากมีการข้ามขั้วเกิดขึ้น จะมีโอกาสเป็นเหมือนกรณีสุดซอย ประชาชนจะลงถนน
ดังนั้น ตนจึงเห็นว่า เป็นหน้าที่ของพรรคก้าวไกลที่ทำได้ เพราะไม่ได้ทั้งตำแหน่งประธานสภา และตำแหน่งนายกฯ เหลืออย่างเดียวคือหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน แต่ถ้าตราบใดที่ 312 ยืนผูกติดกันแน่น จะไม่มีพรรคฝ่ายค้าน แต่จะมีแค่ฝ่ายรัฐบาล ที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์
ซึ่งตนคาดหวังว่ามันจะต้องเป็นอย่างงั้น คือต้องไม่ข้ามขั้ว เพื่อไม่ให้มีการลงถนน เพราะฉะนั้นพรรคก้าวไกลหยุดเหตุการณ์นี้ได้คือ ลุกขึ้นยืนอย่างสง่างาม ว่าขอสละสิทธิ์แล้วเสนอคุณเศรษฐา เรื่องการเสนอญัตติซ้ำก็จะหมดไป ทฤษฎีข้าวต้มมัด 312 ก็จะผูกติดกันไป ฝ่ายค้าย 188 ก็จะไม่มีทางไปเป็นรัฐบาล แต่หาก ส.ว. บอกว่าจะไม่โหวตให้เพื่อไทย เพราะมีก้าวไกล จนท้ายก็จะกลายเป็สภาวะติดล็อก ไม่มีฝ่ายค้าน ไม่มีรัฐบาล ทางเดียวที่ต้องทำคือ ทุกฝ่ายต้องมาพูดคุยกัน เพื่อแก้ปัญหาเรื่องต่างๆ ที่ประเทศจะต้องเจอ
ด้าน รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก เผยว่า การโหวตเลือกนายกฯ ที่เป็นคุณพิธาซ้ำ ตนว่ามันคาดเดาได้อยู่แล้วว่า การตัดสินใจก็คงไม่ได้คำตอบหรอก เพราะสุดท้ายก็ต้องมาหารือร่วมกันที่ประชุมสภา แล้วตกลงว่าเป็นญัตติหรือไม่ เพราะมันดันไปพ้องกับเรื่องของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องคนรับรอง ร่วมถึงต้องพิจารณาเรื่องต่างๆ ที่มีความชัดของญัตติชัดเจน ซึ่งมันต่างกับเรื่องของการเสนอประธานสภา เพราะอันนั้นมันชัดเจนอยู่แล้ว
แต่นายกรัฐมนตรีมันเป็นญัตติที่ต้องพิจารณากัน เพราะมันเป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็ต้องไปเถียงกันในวันพรุ่งนี้ มันจะเป็นญัตติหรือไม่ หากไม่เป็นญัตติก็เสนอชื่อคุณพิธาซ้ำได้ แต่หากที่ประชุม สรุปไปแล้วว่าเป็นญัตติ มันก็ต้องมีเหตุการณ์ที่สร้างความเปลี่ยนแปลง
ซึ่งหากเพื่อไทยจะช่วยจริง ก็เสนอ อ.ชัยเกษม เป็นแคนดิเดตนายกฯ แข่ง แต่พอเลือกโหวต ก็ต้องโหวตคุณพิธาเหมือนเดิม เพื่อให้มีเหตุการณ์มันเปลี่ยนแปลง ไม่ให้มันกลายเป็นญัตติซ้ำ แต่ในมุมมองของตน หากให้ฟันธง คิดว่ามันไม่ใช่ญัตติ แต่ก็ต้องมาคุยกันว่า จะต้องเสนอกันกี่รอบ ไม่ใช่เสนอกันเล่นแบบนี้ เพราะตอนนี้มันละทิ้งสิ่งที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติทั้งหมด มันพังเพราะมี ส.ว. ที่เข้ามายุ่งเกี่ยว ทำให้บ้านเมืองวิปริตแปรปรวน จึงติดล็อกกันแบบนี้ แต่อย่างไรก็ต้องแก้ปัญหากันต่อไป
อย่างไรก็ตาม สามารถติดตามรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" พร้อมกันได้ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป ได้ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.