“ปิติพงศ์” ยัน “เป็นธรรม” พร้อมให้โอกาส “ก้าวไกล” แก้ตัว ดัน “พิธา” นั่งนายกฯ อีกครั้ง ไม่ติดหาก ก้าวไกล ชวดอีก เปิดทาง “เพื่อไทย” ชิง มั่นใจ 8 พรรคไม่แตกแถว ย้ำ 2 พรรคใหญ่ต้องคุยกัน 


วันที่ 16 ก.ค. 66 นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม กล่าวถึงการโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 2 วันที่ 19 ก.ค. ว่า วันที่ 17 ก.ค. ทั้ง 8 พรรคร่วมรัฐบาลจะพูดคุยจะเสนอใครอย่างไร หรือจะเป็นใคร ซึ่งพรรคร่วมฯ ให้เกียรติทั้งพรรคก้าวไกลและเพื่อไทยอยู่แล้ว ในการที่จะเสนอบุคคลเป็นนายกฯ และจากข่าวคิดว่าพรรคก้าวไกล โดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ น่าจะขอโอกาสอีกครั้ง

เมื่อถามว่า มองว่าหากการโหวตครั้งที่ 2 นายพิธา ยังไม่ผ่านอีก ควรเปิดโอกาสให้พรรคเพื่อไทยเลยหรือไม่ นายปิติพงศ์ กล่าวว่า ตนยอมรับแนวทางนี้ แต่ทั้ง 2 พรรคต้องคุยกัน ตนในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลก็ยินดีสนับสนุน ขอให้เป็นฝั่งประชาธิปไตยเท่านั้น พรรคเล็กอย่างตนสนใจเรื่องนี้เป็นหลัก ทั้งนี้พรรคเป็นธรรมและแต่ละพรรคต้องประชุมว่าโหวตครั้งที่ 2 ยังยืนยันที่จะสนับสนุนผู้ที่ถูกเสนอชื่อจากพรรคก้าวไกลอยู่หรือไม่ ต้องรอความชัดเจนทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลก่อนเป็นหลัก โดยตนยังยืนยันหลักการพรรคอันดับ 1 สมควรต้องมีโอกาส เพราะเขายังยืนยันขอแก้ตัว

เมื่อถามว่า ประชุมวันที่ 18 ก.ค. จะมีเป็นมติเลยหรือไม่ หากโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 2 นายพิธา ไม่ผ่านอีกจะเปิดทางให้พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อ นายปิติพงศ์ กล่าวว่า ตนว่าเป็นเรื่องที่พรรคก้าวไกลจะต้องรู้ตัวเอง และอาจจะขอเองสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เราทำตามมติของทั้ง 2 พรรคอยู่แล้ว ต้องนั่งคุยกัน แล้วก็ต้องกลับมาคำถามที่ว่าพรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อใคร เพราะมีถึง 3 คน ซึ่งตนยังไม่ทราบว่าจะเสนอใคร และพรรคเพื่อไทยก็ต้องกลับไปถามมติกรรมการบริหารพรรคหรือ ส.ส.จะเสนอใครที่จะนำมาบอกพรรคก้าวไกลและพรรคร่วมรัฐบาล

...

นายปิติพงศ์ กล่าวว่า วันนี้สิ่งที่เป็นห่วงไม่ได้ห่วงว่าพรรคเพื่อไทยจะเสนอใคร แต่เป็นห่วงการโหวตครั้งที่ผ่านมาเป็นการเสนอเพียงคนเดียวโดยไม่มีคู่แข่ง การโหวตครั้งต่อไปอาจจะมีคู่แข่ง โดยพรรคการเมืองอื่นเสนอชื่อขึ้นมา ขณะเดียวกันถ้าพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเสนอพร้อมกัน เราก็จะโหวตลำบาก ก็ต้องพูดคุยกัน เมื่อถามว่าหวั่นหรือไม่ สมการจับขั้วทางการเมืองจะเปลี่ยนแปลง เพราะเริ่มมีกระแสข่าวพรรคพรรคเพื่อไทยจะจับมือพรรคพลังประชารัฐ นายปิติพงศ์ กล่าวว่า ตนยังเชื่อมั่นที่พรรคเพื่อไทยพูดกับพรรคร่วมฯ และพูดต่อประชาชนว่าพรรคเพื่อไทยยังยืนยันยึดมั่นใน 8 พรรคร่วมฯ อยู่ ไม่มีแตกแถว และ ส.ส.พรรคเพื่อไทยทุกคนยังยืนยันที่จะยึดมั่นข้อตกลงเอ็มโอยู คงยังไม่ถึงกลายเป็นไปอีกฝั่งหนึ่ง แต่ถ้าเปลี่ยนพรรคเพื่อไทยมาเป็นแกนนำจริง อาจมีบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปก็ต้องปล่อยให้พรรคเพื่อไทยพิจารณาว่าจะยึดข้อตกลงที่มีร่วมกันอยู่ไหม หรือจะเปลี่ยนแปลงไป แล้วแต่พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล.