แกนนำเพื่อไทย โวยโดน ก้าวไกล หลอกปมเสียง ส.ว. อัดหากไม่พอทำไมไม่รีบแจ้ง ปูดโหวตรอบ 2 อาจชงแคนดิเดตเป็นชื่อ “เศรษฐา” เจ้าตัวรีบปฏิเสธ ทันควัน ไม่รู้เรื่อง ขอให้รอฟังแถลงการณ์จาก 8 พรรคร่วมดีกว่า
วันที่ 15 ก.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย ว่า หลังผลโหวตเลือกนายกฯ ครั้งแรก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกลไม่ได้เสียงเพียงพอ ทำให้แกนนำพรรคเพื่อไทยภาคอีสาน บางคนมองว่า 7 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลโดนพรรคก้าวไกลหลอกในประเด็นเสียง ส.ว. เพราะแกนนำพรรคก้าวไกล ได้ประกาศกับสื่อมวลชนมาโดยตลอดว่ามีเสียง ส.ว. เพียงพอในการสนับสนุนนายพิธา ในการโหวตเลือกนายกฯ และมีมากกว่า 100 เสียง แต่เมื่อผลออกมาเสียงไม่เพียงพอเช่นนี้เท่ากับว่าเป็นการหลอกพรรคร่วมทั้ง 7 พรรคที่เซ็นเอ็มโอยูด้วยกัน หากรู้ว่าเสียงไม่พอก็ควรที่จะแจ้งพรรคร่วมอื่นๆ จะได้ช่วยกันหาเสียง ส.ว. เพิ่มเติม แต่การบอกว่ามีพอ แล้วผลออกมาเช่นนี้ถึงเท่ากับว่าเป็นการหลอกกัน ดังนั้นถือว่าเอ็มโอยูที่เซ็นร่วมกันว่าจะสนับสนุนนายพิธา ได้สิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่รู้ผลการลงมติของรัฐสภา พรรคเพื่อไทยจึงมีความชอบธรรมหากจะดำเนินการต่อไปอย่างไรหลังจากนี้ โดยวันที่ 17 ก.ค. ทางพรรคเพื่อไทยได้นัดแกนนำพรรคประชุมร่วมกันว่าทิศทางการเดินของพรรคเพื่อไทยในการโหวตนายกฯ รอบ 2 จะเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หากการโหวตนายกฯ รอบที่ 2 พรรคเพื่อไทยเป็นผู้เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ทางแกนนำพรรคเพื่อไทยมีความเห็นว่า แคนดิเดตที่จะส่งเข้าชิงตำแหน่งคือ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย แต่นายเศรษฐาเคยประกาศว่าหากเป็นนายกฯ จะไม่มีลุง ถ้ารูปแบบการจัดตั้งรัฐบาลมีกลุ่มอำนาจเก่าเข้าร่วม ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายเศรษฐาว่าจะยินยอมให้เสนอชื่อหรือไม่
...
ขณะที่นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าวดังกล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องกรณีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยเตรียมดันเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในรัฐสภา ตนไม่ได้อยู่ในวงการเจรจาระหว่างพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลที่มีการหารือกันเมื่อวานนี้ (14 ก.ค.) กระแสข่าวที่ออกไปนั้นไม่ได้มาจากตนเอง และหากจะมีการเสนอชื่อตนจะต้องมีการพูดคุยกันก่อน และยืนยันไม่มีการคุยกันเรื่องนี้ ซึ่งตนเองไม่รู้เรื่อง
พร้อมกันนี้นายเศรษฐา ได้ทวีตข้อความย้ำประเด็นดังกล่าวโดยระบุว่า “ไม่ทราบเรื่องครับ ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมยังไม่มีข้อสรุปกรุณาฟังแถลงการณ์จาก 8 พรรคร่วมดีกว่าครับ ขอบคุณครับ”