“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” รับเสียง ส.ว. ไม่เป็นไปตามที่คาด เพราะมีแรงกดดันเยอะ เตรียมหายุทธศาสตร์ใหม่รวบรวมเสียง ย้ำไม่ยอมแพ้ จ่อสู้รอบ 2 ต่อ ขอบคุณ 13 ส.ว.ที่กล้าหาญ 

วันที่ 13 กรกฎาคม 2566 ที่อาคารรัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังประธานสภา ประกาศผล การโหวตนายกรัฐมนตรี รอบแรกที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล ได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบ 324 คะแนน โดยมี ส.ว. โหวตให้เพียง 13 เสียง ซึ่งไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา คือ 375 เสียงนั้น

นายพิธา ได้ยกไหว้ขอบคุณ พร้อมกับโบกมือทักทายสื่อมวลชน จากนั้นเดินทักทายขอบคุณสมาชิกคนอื่นๆ ก่อนออกจากห้อง ด้วยสีหน้ายิ้มอ่อนๆ

ต่อมา เมื่อเวลา 18.30 น. นายพิธา ได้ลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยผู้สื่อข่าวได้ถามว่า ส.ว.ที่โหวตให้เป็นไปตามคาดหรือไม่ เพราะผิดกับการที่ ก้าวไกล ออกมายืนยันว่าเสียง ส.ว.เพียงพอต่อการโหวตนายกฯ ว่า ผลมติที่เกิดขึ้นเราต้องยอมรับ แต่ไม่ยอมแพ้ ที่คะแนนยังไม่ถึง 376 เสียง และได้ออกมา 324 เสียง ซึ่งตามที่เราคาดการณ์กันไว้ ก็ยอมรับว่ามีการกดดัน ส.ว.เยอะ ทำให้ไม่มาประชุมกว่า 40 คน จึงไม่ตรงตามที่เราคาดการณ์ไว้ แต่เรายังไม่ยอมแพ้ จะใช้เวลาในการหายุทธศาสตร์ในการรวบรวมเสียง ในการโหวตครั้งต่อไป ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับประธานสภา

เมื่อถามว่ายังมั่นใจกับพรรคเพื่อไทย ที่จะจับมือกันต่อหรือไม่ นายพิธา ระบุว่า ผลโหวตบอกไว้อย่างนั้น ซึ่งเราก็ยังทำงานด้วยความเชื่อใจซึ่งกันและกันกับพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมในการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อถามว่าในรอบหน้าพรรคก้าวไกลจะต้องยอมถอยในการแก้ไข ม.112 หรือไม่ จะมีการปรับพูดคุยกับ ส.ว. อย่างไร นายพิธา กล่าวว่า ก็อย่างที่บอกว่าเราได้สัญญากับประชาชนไว้ว่าอย่างไรเราก็ทำอย่างนั้น แต่ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่มีโอกาสได้อธิบายในรัฐสภาสักทีหนึ่งว่าสิ่งที่เราพยายามนำเสนอก็ไปสู่เป้าหมายเดียวกันกับทาง ส.ว. และเพื่อน ส.ส. ที่เข้าใจไม่ตรงกันก็ได้มีโอกาสชี้แจงเยอะ รวมถึง นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ก็มีโอกาสได้ชี้แจงถือเป็นนิมิตหมายที่ดี โดยตอนนี้ก็ยัง มุ่งหน้าการลงคะแนนครั้งที่ 2 ก่อน

...

เมื่อถามว่าจะปรับลดเพดานลง เรื่องการแก้ ม.112 ตามที่ ส.ว. เรียกร้องหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ก็เป็นไปตามที่สัญญากับประชาชนไว้ เมื่อถามว่าครั้งนี้ได้เสียง ส.ว. แค่ 13 เสียง ครั้งหน้าจะทำอย่างไรให้ได้ตรงตามเป้า นายพิธา ย้ำว่าก็คงต้องมียุทธศาสตร์ในการรวบรวมเสียงครั้งใหม่ต่อไป และจะเริ่มลงรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะได้ข่าวว่าบางคนไปต่างประเทศ บางคนออกจากนอกห้องประชุม 

“ที่พูดได้คือยังไม่ยอมแพ้ และจะใช้เวลานี้หายุทธศาสตร์ในการรวบรวมเสียงใหม่ ก็เห็นว่ามันเป็นอุปสรรคที่เราเข้าใจ ชื่นชม ก็อยากให้กำลังใจ ส.ว. โดยเฉพาะอย่างยิ่งขอบคุณ ส.ว. ทั้ง 13 คนที่กล้าหาญ ได้ลงมติตามที่ให้สัญญากับประชาชนไว้ แต่ขณะเดียวกันต้องศึกษาเพิ่มเติมว่าเหตุและผลอะไร ทำให้หลายคนไม่มีโอกาสมาเป็นองค์ประชุมร่วมด้วยซ้ำไป หลายท่านก็ไม่ได้โหวตอย่างที่คิดไว้” 

เมื่อถามว่า การโหวตรอบที่ 2 ถ้ายังเป็นแบบวันนี้จะไปต่อหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เดี๋ยวต้องวางแผนครั้งที่ 2 ให้เรียบร้อยก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที เมื่อถามว่ามีการเตรียมใจว่าจะกลับไปเป็นฝ่ายค้านอีกหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า “วันนี้เตรียมใจ และก็เตรียมสมอง ในการโหวตครั้งที่ 2 ครับ” เมื่อถามว่าการจะได้อีกกว่า 60 เสียง มีเงื่อนไขในการปรับลดเรื่องเดียว พรรคก้าวไกลจะยอมหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า อันนั้นเป็นการอุปมาอุปไมย ไม่ได้เป็นเรื่องเกี่ยวกับเงื่อนไข อย่างที่เราคิดก็ได้ ก็ขอเวลาให้สภามีการทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ก่อน ยังมีเวลา

เมื่อถามว่าหากลดเพดาน ม.112 ลงมา จะทำให้เราผิดคำพูดไว้เมื่อตอนหาเสียงหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ก็อย่างที่บอกว่า วันนี้เป้าหมายของแต่ละคน มันเป็นเป้าหมายที่ตรงกัน เพียงแต่อาจจะแค่ประเมินต่างกันเท่านั้น เพราะฉะนั้นถ้าเกิดมีเวลาก็จะทำความเข้าใจเพิ่มเติมว่าสิ่งที่เราทำก็เป็นเป้าหมายเดียวกับท่าน

เมื่อถามว่ารอบ 2 มีระยะเวลาไม่นานที่จะชูยุทธศาสตร์ แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะชนะ นายพิธา กล่าวว่า “ก็แล้วแต่ที่จะมอง แต่ผมคิดว่ายังมีเวลา เราสัญญากับประชาชนไว้อย่างไร ก็ต้องรักษาคำพูด”