โฆษกรัฐบาลเผย อัตราเงินเฟ้อของไทย เมื่อเทียบกับเงินเฟ้อของเขตเศรษฐกิจต่างๆ พบว่าสูงขึ้น 0.53% (YoY) อยู่ต่ำเป็นอันดับที่ 6 จาก 134 เขตเศรษฐกิจที่มีการประกาศตัวเลข แต่ยังอยู่ในภาวะสอดคล้องกับสถานการณ์
วันที่ 8 กรกฎาคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฎิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการจัดอันดับอัตราเงินเฟ้อ เดือนพฤษภาคม 2566 ว่า อัตราเงินเฟ้อของไทย เมื่อเทียบกับเงินเฟ้อของเขตเศรษฐกิจต่างๆ (เดือนพฤษภาคม 2566 เทียบกับพฤษภาคม 2565) พบว่าเงินเฟ้อของประเทศไทยสูงขึ้น 0.53% (YoY) อยู่ต่ำเป็นอันดับที่ 6 จาก 134 เขตเศรษฐกิจที่มีการประกาศตัวเลข โดยเรียงจากเงินเฟ้อต่ำสุดไปเงินเฟ้อสูงสุด (ข้อมูล ณ วันที่ 26 มิถุนายน 2566 อ้างอิง เว็บไซต์ tradingeconomics)
ทั้งนี้ หากพิจารณาแล้ว เงินเฟ้อไทยถือว่าอ่อนตัวในระดับเหมาะสม และยังอยู่ในภาวะที่สอดคล้องกับสถานการณ์ ทั้งราคาเชื้อเพลิง ราคาอาหารสด-เนื้อสัตว์ และฐานเงินเฟ้อในปีก่อนหน้าค่อนข้างสูงมากผลจากราคาน้ำมันปีก่อน เคลื่อนไหวเกิน 95 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ขณะนี้เคลื่อนไหว 74-75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จึงมีผลต่อสินค้าและบริการสูงกว่าปีนี้ และมีผลต่อเงินเฟ้อสูง
โฆษกรัฐบาล กล่าวในช่วงท้ายว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการอย่างต่อเนื่อง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาสถานการณ์และดำเนินนโยบายประเทศอย่างสอดคล้องกับสภาวการณ์ โดยประเมินความท้าทายจากกระแสโลกควบคู่กันไป เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศไทย”