ม้วนเดียวจบ ที่ประชุมสภาฯมติเอก ฉันท์ “วันนอร์” เป็นประธานสภาฯไร้คู่แข่ง เช่นเดียวกับ “พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” นั่งรองประธานฯ คนที่ 2 ไม่มีคนแข่ง ขณะที่ “ปดิพัทธ์”ได้เสียงหนุนชนะขาด “วิทยา” จาก รทสช. เผยมีเสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลเดิมเติมให้ ฝ่าย “วิทยา” หายไป 82 เสียง ทั้งหมดยึดพระราชดำรัส ให้คำมั่นจะทำหน้าที่เป็นกลาง โปร่งใส สุจริต นำเกียรติศักดิ์ศรีฝ่ายนิติบัญญัติกลับคืนมา “วันนอร์” ไขก๊อกหัวหน้าประชาชาติ ให้ “บังยี” รักษาการ ได้รับเสียงตอบรับจากทุกฝ่าย “อนุทิน-วิษณุ-เจ๊หน่อย” เชื่อมือคุมเกมสภาอยู่ “ชลน่าน” ชี้ไม่เกิน 2 สัปดาห์ได้โหวตนายกฯ ย้ำอีกไม่มีแผนสำรอง “พิธา” ประกาศน้อมนำพระราชดำรัสมาปฏิบัติ “วิทยา” สวมบทบ่างตอกลิ่มใส่ พท.-ก.ก. เย้ยรักษา 312 เสียงไว้ให้ถึงวันเลือกนายกฯ “ด้อมส้ม” วัยดึกปักหลักเชียร์ “นายกฯทิม” ศปปส.จี้ ส.ว.ห้ามโหวตเด็ดขาด
ในที่สุดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 นัดแรก มีมติเลือกนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร นายปดิพัทธ์ สันติภาดา เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 และนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 2 โดยทั้งหมดยืนยันจะทำหน้าที่เป็นกลาง นำศักดิ์ศรีฝ่ายนิติบัญญัติกลับคืนมา
...
“วันนอร์” จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 ก.ค. ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชาติ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎรกรณีถูกเสนอชื่อให้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรจากตัวแทน 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลว่า ได้รับการประสานจากพรรคเพื่อไทย เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 3 ก.ค. ให้รับตำแหน่งดังกล่าว หากในที่ประชุมสภาฯเลือกให้เป็นประธานสภาฯจะทำงานให้ดีที่สุด เพื่อบ้านเมืองและประชาธิปไตยตามที่ประชาชนคาดหวัง “เมื่อได้รับการติดต่อมาผมไม่ได้คิดนาน ใจจริงแล้วอยากให้พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ตกลงกันเพื่อให้การทำงานราบรื่นดีกว่าพรรคเล็ก เมื่อ 2 ฝ่ายตกลงว่าให้ผมทำงานเพื่อบ้านเมือง อยากให้ทำหน้าที่นี้ก็ต้องทำหน้าที่เพราะเป็นภาระของพวกเราทุกคน”
พร้อมลาออกหัวหน้าประชาชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำให้พรรคประชาชาติต้องเสียโควตารัฐมนตรีหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ตอบว่า ไม่ได้พูดถึงตำแหน่งบริหารหรือรัฐมนตรี ยังไม่ถึงเวลา หากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯตำแหน่งประธานสภาฯแล้ว คณะทำงานจัดตั้งรัฐบาลคงหารือในเรื่องสัดส่วนของฝ่ายต่างๆ เมื่อถามว่าตามรัฐธรรมนูญระบุประธานสภาฯต้องไม่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค นายวันมูหะมัดนอร์ตอบว่า ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ เพราะประธานสภาฯต้องวางตนเป็นกลาง ขอศึกษาดูก่อนว่าต้องลาออกเมื่อไร เบื้องต้นคาดว่าคงหลังจากมีการโปรดเกล้าฯแล้ว ทั้งนี้ ในพรรคต้องมีคนทำงาน ไม่ใช่จะเป็นหัวหน้าพรรคตลอดไป เปิดโอกาสให้คนที่เป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไปได้ทำงานต่อ
ก.ก.แก้ 112 ต้องทำตามขั้นตอน
เมื่อถามถึงประเด็นการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นประเด็นที่สังคมจับตานายวันมูหะมัดนอร์ตอบว่า ประเด็นแก้ไขมาตรา 112 ไม่อยู่ในข้อตกลงของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะสนับสนุน ถ้าพรรคก้าวไกลในฐานะพรรคการเมืองในสภาฯอยากเสนอ ก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ต้องว่าไปตามกฎหมายและบทบาท กฎหมายต่างๆทุกพรรคมีสิทธิเสนอรวมถึงประชาชนด้วย เพราะสภาฯยุคนี้ต้องโปร่งใสเพื่อประชาชน และตนยินดีให้ทุกฝ่ายรวมถึงสื่อมวลชนตรวจสอบการทำงานของสภาฯได้
“เจ๊หน่อย” ดีใจ 2 พรรคได้ข้อยุติ
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ในฐานะพรรคร่วมเราดีใจที่ได้ข้อยุติให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธานสภาฯ เมื่อถามว่าดูแนวโน้มการโหวตนายกรัฐมนตรี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะเป็นชื่อเดียวของทั้ง 8 พรรค ไม่น่าจะมีอะไรพลิกแล้วใช่หรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ตอบว่า สิ่งที่ 8 พรรคร่วมพูดคุยกันก็น่าจะเป็นแบบนั้น เมื่อถามถึงเส้นทางการเมืองของคุณหญิงสุดารัตน์จะยังเป็น ส.ส.ต่อหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ตอบว่า ตนก็มีเหตุผล การตัดสินใจจะเป็นสิ่งที่ดีต่อส่วนรวม อยากทำหน้าที่แก้ไขปัญหาให้ชาวบ้าน แม้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาจะไม่มีตำแหน่ง แต่ได้ทำงานให้ชาวบ้าน “ยังคงจุดยืนเดิม แต่ต้องอธิบายเพราะอาจเกิดความสับสนได้”
“อนุทิน” ชี้ “วันนอร์” เหมาะสมดี
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า นายวันมูหะมัดนอร์ถือว่ามีความเหมาะสม เพราะมีประสบการณ์ มีวุฒิภาวะ ส่วนจะมีการทบทวนเรื่องการโหวตตำแหน่งรองประธานสภาฯที่มาจากพรรคที่สนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 หรือไม่นั้น ต้องรอการประชุมกันภายในพรรคก่อน
ส.ส.คึกคักประชุมสภานัดแรก
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศจากรัฐสภา มีความคึกคักตั้งแต่เช้า มี ส.ส.ทยอยเดินทางเข้าสภาฯ ต่อเนื่อง ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนที่มาปักหลักทำข่าวอย่างคับคั่งมากกว่าทุกครั้ง โดยเฉพาะบรรดาแกนนำพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลคนสำคัญ ถูกรุมล้อมสัมภาษณ์จากสื่อมวลชนอย่างหนาแน่น อาทิ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย
“วันนอร์” ฉลุยนั่งประธานสภาฯ
ต่อมาเวลา 10.05 น. เริ่มเปิดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 1 ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) โดยนางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อ่านข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เชิญ ส.ส.ที่มีอาวุโสสูงสุดขึ้นมาทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรชั่วคราวคือ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อายุ 89 ปี จากนั้น พล.ต.ท.วิโรจน์ขอให้ ส.ส.ทุกคนลุกขึ้นยืนเพื่อปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 115 ก่อนเข้าสู่วาระการเลือกตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นผู้เสนอชื่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธานสภา ผู้แทนราษฎร มีผู้รับรอง 20 คน ครบตามข้อบังคับ และไม่มีการเสนอชื่อคนอื่นแข่งขัน ถือว่าที่ประชุมมีมติให้นายวันมูหะมัดนอร์เป็นประธานสภาฯ โดยไม่ต้องมีการลงคะแนนแข่ง ตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อ 6 วรรค 3
โชว์วิสัยทัศน์ยึดสุจริต-เป็นกลาง
นายวันนอร์กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ว่า ขอยืนยันว่า 1.จะทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลางทางการเมือง น้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 3 ก.ค. มาเป็นแนวทางปฏิบัติ 2.จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใส สุจริต ตามกฎหมาย ข้อบังคับทุกประการ 3.จะกำหนดแนวทางร่วมกันกับรองประธานฯ 2 คน ในการพิจารณาร่างกฎหมาย ญัตติ กระทู้ถามอย่างเป็นระบบ ให้ ส.ส.ปฏิบัติหน้าที่เต็มความสามารถ 4.ให้ความสำคัญกับคณะกรรมาธิการทุกคณะ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนประชาชนทุกกรณี 5.ร่วมกับ ส.ส. ดำเนินการนโยบายต่างประเทศกับฝ่ายนิติบัญญัติเพื่อประโยชน์แลกเปลี่ยนข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพฝ่ายนิติบัญญัติ 6.จะทำหน้าที่กำกับดูแลงานสถาบันพระปกเกล้าให้มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมงานฝ่ายนิติบัญญัติ 7.ส่งเสริมสถานีวิทยุ-โทรทัศน์เป็นสถานีของประชาชน จากนั้น พล.ต.ท.วิโรจน์ประกาศให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ได้รับเลือกเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ท่ามกลางเสียงปรบมือแสดงความยินดีจากสมาชิกในห้องประชุม
“ปดิพัทธ์-วิทยา”ชิงรอง ปธ.1
ต่อมาเข้าสู่วาระการเลือกตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เสนอให้มีรองประธานสภาฯ 2 คน ไม่มีสมาชิกคัดค้าน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอชื่อนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ขณะที่นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เสนอชื่อนายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ชิงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เช่นกัน ทำให้ต้องโหวตลงคะแนนลับเพื่อลงมติเลือกตามข้อบังคับการประชุม
แข่งโชว์นำสภาฯกลับสู่เกียรติภูมิ
นายปดิพัทธ์กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ว่า ตั้งใจให้กระบวนการนิติบัญญัติของสภาฯกลับมามีตัวตน มีศักดิ์ศรี ไม่อยู่ใต้อาณัติฝ่ายบริหาร ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็น smart paliament มีมาตรฐานสากล มีกระบวนการตรวจสอบร่างกฎหมายอย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ กฎหมายที่ผ่านวาระ 3 จะให้แปลเป็นภาษาอังกฤษ ยกระดับการเรียนรู้ร่วมกับประชาคมโลก เสริมสร้างบทบาทความเท่าเทียมของสมาชิกที่มีความหลากหลายทางเพศ ส่งเสริมความเท่าเทียมของสตรีในสภา มีกระบวนการรับฟังการตรากฎหมายจากประชาชนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ใช่แค่ทำตามระเบียบ มีการบริหารจัดการองค์กรที่มีสมรรถนะสูงให้บริการประชาชน และ ส.ส. ถ้าได้ รับเลือกจะวางตัวเป็นกลางที่สุด บริการสมาชิกทุกคนเท่าเทียม ปราศจากอคติ มีความสง่างาม มีประสิทธิภาพ
นายวิทยาแสดงวิสัยทัศน์ว่า จะยึดความเป็นกลาง รักษาสภาฯให้มีความศักดิ์สิทธิ์ในการออกกฎหมาย รักษาความเป็นกลาง รักษาเกียรติภูมิหน้าตาสภาให้เป็นที่เชื่อมั่นของประชาชน บางยุคประชาชนเบื่อหน่ายสภาที่ไร้วินัย ต้องช่วยกันนำสภากลับมาสู่การมีเกียรติภูมิ
ไม่มีแตกแถว “ปดิพัทธ์” ชนะขาด
จากนั้นเข้าสู่กระบวนการลงคะแนนด้วยวิธีลับ โดยเจ้าหน้าที่ขานชื่อสมาชิกเรียงตามลำดับเลขที่ครั้งละ 20 คน มาเข้าคูหาลงคะแนน ภายหลังการลงคะแนนและนับคะแนนที่ใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมงเสร็จสิ้นลง พล.ต.ท.วิโรจน์แจ้งผลการลงมติว่า นายปดิพัทธ์ได้ 312 คะแนน นายวิทยา 105 คะแนน งดออกเสียง 77 และบัตรเสีย 2 คะแนน รวมมีคนลงคะแนน 496 เสียง จากสมาชิกที่มาร่วมปฏิญาณตนในการปฏิบัติหน้าที่ 497 คน ถือว่านายปดิพัทธ์ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1
ฟากฝ่าย “วิทยา” หายไป 82 เสียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลคะแนนที่นายปดิพัทธ์ได้ 312 เสียง ถือว่ามีเกินจำนวน ส.ส.จาก 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ที่ปัจจุบันมีอยู่ 311 เสียง มา 1 เสียง ขณะที่เสียงของนายวิทยาที่ได้ 105 เสียงนั้น มีไม่เต็มจำนวนพรรคร่วมฝ่ายค้านปัจจุบันที่มีอยู่ 187 เสียง ขาดหายไป 82 เสียง ที่พากันเทไปที่งดออกเสียง
“พิเชษฐ์” ลอยลำไร้คนแย่งเก้าอี้
ต่อมาเข้าสู่วาระการเลือกรองประธานสภาฯ คนที่ 2 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ เป็นผู้เสนอชื่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ไม่มีการเสนอชื่อคนอื่น มาแข่งขัน ทำให้ พล.ต.ท.วิโรจน์ประกาศว่า นายพิเชษฐ์ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 2 นายพิเชษฐ์กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ว่า จะปฏิบัติตามพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมให้โอกาสสมาชิกนำความเดือดร้อนประชาชนมาหารือจากคนละ 2 นาที เป็น 3 นาที ทำหน้าที่เป็นกลาง กอบกู้เกียรติยศศักดิ์ศรีสภา ถ่วงดุลอำนาจฝ่ายบริหาร ฝ่ายตุลาการ ทั้งนี้มี ส.ส.มาลงชื่อเข้าประชุมทั้งหมด 497 คน จาก 498 คน ขาดไป 1 คน คือนายสะถิระ เผือกประพันธุ์ ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่ยังไม่มาปฏิญาณตนปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ขณะที่นายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่มาประชุมแต่ปรากฏว่าตอนโหวตลงมติรองประธานสภาฯ คนที่ 1 กลับไม่อยู่ร่วมลงมติ
เลขาสภาฯส่งชื่อให้นายกฯ 5 ก.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขั้นตอนหลังการโหวตเลือกประธานสภาฯ และรองประธานฯแล้ว ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร กำหนดว่าสำนักงานเลขาธิการสภาฯต้องแจ้งไปยังนายกฯโดยเร็ว เพื่อดำเนินการตามกระบวนการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งต่อไป เบื้องต้นคาดว่าจะส่งรายชื่อไปยังนายกฯได้ภายในวันที่ 5 ก.ค.นี้
“ชลน่าน” ชี้โหวตนายกฯต่างกัน
หลังการประชุม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ขอบคุณ ส.ส. ทั้ง 500 คน ที่มีมติเอกฉันท์เลือกประธานสภาฯเพียงคนเดียว ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ส่วนเรื่องรองประธานสภาฯคนที่ 1 ที่มีการเสนอชื่อแข่ง ถือเป็นสีสันเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ สะท้อนว่าแนวทางที่เราจะเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกล ชิงตำแหน่งนายกฯ อาจมองแตกต่างกันนิดหน่อย เพราะเราเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการโหวตเท่านั้น เพราะการโหวตนายกฯเป็นการโหวตร่วม 2 สภาฯ อาจแตกต่างกับการโหวตประธานสภาฯและรองประธานสภาฯ แต่มั่นใจว่า 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าจะได้ 376 เสียง นพ.ชลน่านตอบว่าอยู่ในขั้นตอนการแสวงหาคะแนนให้ได้มากที่สุดให้ถึง 376 เสียง การโหวตเลือกนายกฯคาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 2 สัปดาห์ ยืนยันว่าไม่มีแผนสำรอง
“วันนอร์” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ในหลักการแล้วเมื่อนายวันมูหะมัดนอร์ได้รับเลือกเป็นประธานสภาฯ ต้องลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อความเป็นกลางในการทำหน้าที่ ส่วนจะวางตัวใครเป็นหัวหน้าพรรคประชาชาติคนใหม่ ยังไม่มีการพูดคุยกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวันมูหะมัดนอร์ได้เซ็นใบลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาชาติตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.แล้ว และมอบอำนาจให้นายวรวีร์ มะกูดี รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นรักษาการหัวหน้าพรรค ส่วนการเลือกหัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ต้องมีการกำหนดวันประชุมใหญ่สามัญอีกครั้ง
“พิธา” น้อมนำพระราชดำรัสปฏิบัติ
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงว่า ผลการเลือกประธานฯและรองประธานสภาฯ น่าจะยืนยันการทำงานร่วมกันของ 8 พรรคร่วม ในการรวบรวมเสียงไม่ให้แตกแถว ตัวเลขที่ออกมาแสดงถึงเอกภาพ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน น่าจะเป็นทิศทางที่ดีเป็นแนวโน้มที่ดีเข้าสู่การจัดตั้งรัฐบาล ยืนยันทั้งประธานฯและรองประธานฯอีก 2 คน จะร่วมกันผลักดันกฎหมายสำคัญตามที่ได้แถลงไปแล้ว และมั่นใจจากผลการโหวตวันนี้จะนำไปสู่ความสำเร็จในวันโหวตเลือกนายกฯ เมื่อถามว่าจะน้อมนำพระราชดำรัสไปปรับใช้กับพรรค หรือกับสมาชิกพรรคหรือไม่ นายพิธาตอบว่า จะนำพระราชดำรัสโดยเฉพาะอย่างยิ่งคำว่าชาติและประชาชน ที่ทรงเน้นย้ำ มาใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน
“ปดิพัทธ์” ยันทำหน้าที่เป็นกลาง
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ว่าที่รองประธานสภาฯ คนที่ 1 กล่าวว่า ลาออกจากกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลเรียบร้อยแล้ว เพื่อทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ได้คุยกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เห็นตรงกันในหลายมิติเพื่อผลักดันการทำงานต่อไป หลังจากเเถลงข่าวเสร็จ นายพิธานำคณะ ส.ส.ของพรรคเดินออกไปพบปะประชาชนจำนวนหนึ่งที่มาปักหลักให้กำลังใจ ที่บริเวณประตูสภาฝั่งถนนทหาร ท่ามกลางสายฝนที่ตกปรอยๆ มีกองเชียร์เข้ามาสวมกอดนายพิธา และบางส่วนตะโกนเชียร์ “นายกฯสู้ๆ” พร้อมกับร้องเพลงแสงดาวแห่งศรัทธาเป็นกำลังใจให้กับคณะของพรรคก้าวไกล นายพิธาและคณะเดินทักทาย และถ่ายรูปกับกลุ่มแฟนคลับก่อนเดินทางกลับ
“วิทยา” ยืนตรงข้าม ก.ก.ทุกช็อต
ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวถึงการได้รับเสียงสนับสนุนเพียง 105 เสียง จากฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลเดิมที่มีอยู่ 188 เสียงว่า ไม่เป็นไรถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้อะไรจริงจังเป็นการแสดงท่าทีบอกให้รู้ว่าคิดอย่างนี้ เป็นทิศทางของพรรคเราที่พร้อมจะยืนตรงกันข้าม ไม่ใช่แค่เรื่องมาตรา 112 แต่ยังมีเรื่องแยกดินแดน เปลี่ยนวันชาติ หลายเรื่องเรารับไม่ได้ประชาชนก็รับไม่ได้ เรามีหน้าที่มาสะท้อนแทนประชาชนส่วนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับพรรคก้าวไกล สำหรับนายวันนอร์ก็คือเพื่อไทย เป็นคนของเพื่อไทยเพราะแยกมาจากที่นั่น คิดว่ายังมีความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อไทย ดีกว่าก้าวไกล “เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยได้ชัยชนะเริ่มก้าวที่หนึ่ง ดังนั้นก้าวที่ 2 และ 3 ก็พอดูออกแล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพื่อไทยไม่ได้ถอย แต่เขาเดินทีละก้าวกินข้าวทีละคำ เดี๋ยวก็หมดจาน”
สวมบทบ่างตอกลิ่ม พท.-ก.ก.
เมื่อถามว่าตัวเลข 312 เสียงที่พรรคก้าวไกลได้ ดูเหมือนฝั่งประชาธิปไตยไม่แตกแถว นายวิทยาตอบว่า ยังรักษากันดี ขอให้รักษาไปถึงวันโหวตนายกฯแล้วดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันนั้น จะคง 312 เสียงได้หรือไม่อยู่ที่การประคองความรู้สึก ตอนนี้ความรู้สึกเริ่มผ่อนคลายลงมาไม่ก้าวร้าว ทีแรกจะเอาหมดทุกอย่าง ก้าวเสียไกล เกี่ยงกันเรื่องชามสุดท้ายก็ไม่แยกชาม นายวันนอร์ก็ชามนึงแล้ว ต่อไปต้องรู้จักเผื่อแผ่คนอื่น จิตใจไม่คับแคบก็จะอยู่กันได้นาน แต่ถ้าจิตใจคับแคบจะเป็นบทเรียนไปเรื่อยๆ เป็นธรรมชาติของสรรพสัตว์ในโลกนี้
อ้างส่ง “วิทยา” ทำตามหน้าที่
ขณะที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า วันนี้ รทสช.ทำหน้าที่สำคัญคือเสนอชื่อนายวิทยาชิงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เพราะหากไม่มีใครเสนอชื่อแข่ง ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเพียงคนเดียวก็จะลอยลำทันที จะเท่ากับว่าเรายอมรับไปด้วย เราจึงต้องทำหน้าที่แม้เป็นพรรคเล็กมี ส.ส.เพียง 35 คน จึงต้องเสนอสู้ เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ผลชนะหรือแพ้ แต่อยู่ที่ใจและสำนึกการทำหน้าที่ปกป้องสิ่งที่เรารัก ใครจะร่วมสู้กับเราบ้างก็แล้วแต่ อย่างที่บอกแพ้ชนะไม่สำคัญ สำคัญที่สุดคือเราสู้ไม่ถอย
รทสช.ตั้ง “วิทยา” ประธานวิปฯ
นายพีระพันธุ์ยังกล่าวอีกว่า คณะกรรมการบริหารพรรคมีมติแต่งตั้งคณะทำงานประสานงานด้านการเมือง (วิปพรรค) ขึ้นมา เพื่อให้เกิดความราบรื่นในการทำงานของ ส.ส.ในสภาฯ เป็นไปอย่างเป็นเอกภาพและแนวทางของพรรค มีนายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรคเป็นประธาน มีนายชุมพล กาญจนะ เป็นประธานที่ปรึกษา วิปพรรคจะเริ่มทำงานภายใต้แนวทางและยุทธศาสตร์ของพรรค ส่วนตำแหน่งที่ปรึกษาวิปนั้นทุกคนเคยเป็น ส.ส.มาแล้วทั้งสิ้น เพียงแต่ครั้งนี้อาจไม่ได้เป็น ส.ส. ไม่ใช่ว่าไม่มีประสบการณ์ เช่น น.ส.รังสิมา รอดรัศมี อดีต ส.ส.สมุทรสงคราม เป็น ส.ส.มาแล้วหลายสมัยคร่ำหวอดเชี่ยวชาญเวที แต่ครั้งนี้ไม่ได้เป็น ส.ส. ได้มาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาก็จะได้นำประสบการณ์ช่วยทำงานให้กับพรรค
“อนุสรณ์”สวนอย่าเสี้ยมเสียเวลา
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวตอบโต้นายวิทยา แก้วภราดัย ที่ระบุว่าพรรคเพื่อไทยกินข้าวทีละคำจนหมดจานว่า วันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตย จากนี้จะเดินหน้าโหวตนายกฯ คนที่ 30 ต่อไป ตัวเลข 312 เสียงที่โหวตให้นายปดิพัทธ์จากพรรคก้าวไกล เป็นการยืนยันชัดว่าพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยไม่แตกแถว ถ้าเปรียบเป็นการทานข้าวก็เหมือนการล้อมวงกินข้าวด้วยกัน ถ้อยทีถ้อยอาศัย ทำงานเป็นฝ่ายค้านร่วมกันมาสี่ปีดีอย่างไรก็ดีอย่างนั้น ไม่มีเสียงแตกแยกวง ถ้านายวิทยาพอมีเวลาเหลือ ควรไปตรวจสอบว่าทำไมเสียงโหวตให้นายวิทยาถึงมาไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่มีประโยชน์ที่จะมาเสี้ยมหรือแซะ ที่บอกว่านายวันมูหะมัดนอร์เป็นคนของพรรคเพื่อไทยนั้น ควรไปศึกษาให้ดี ไม่มีความเชื่อมโยงใดกับพรรคเพื่อไทย นอกจากการทำงานร่วมกันในฐานะฝ่ายค้านเท่านั้น ประเทศและประชาชนเสียโอกาสไปมากแล้ว ทุกฝ่ายควรคิดการเมืองให้น้อย เดินหน้าทำงานให้มากขึ้น
“หนู” ชี้อย่าโยงถึงโหวตนายกฯ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า อย่านําการเลือกประธานฯและรองประธานสภาฯ กับการเลือกนายกฯไปผูกกันเลย การโหวตวันนี้เราให้ ส.ส.ของเราฟรีโหวต เมื่อถามว่าคิดว่าวันโหวตเลือกนายกฯ จะเรียบร้อยดีหรือจะดุเดือด นายอนุทินตอบว่า ไม่มีอะไรดุเดือด วันนี้เริ่มต้นได้ดี บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เมื่อถามว่าหลังจากได้ประธานสภาฯ คนใหม่แล้ว พรรค ภท.วางแผนทางการเมืองจากนี้อย่างไร นายอนุทินตอบทีเล่นทีจริงว่า “Have a good evening” (ขอให้มีความสุขในตอนเย็น) เมื่อถามว่าถูกมองจะเป็นว่าที่ผู้นำฝ่ายค้าน เตรียมพร้อมไว้อย่างไร นายอนุทินตอบว่า เอาไว้ให้ถึงเวลานั้นก่อน
“วิษณุ” เชื่อมือ “วันนอร์” คุมเกม
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่ไม่มีพรรคไหนเสนอชื่อแข่งประธานสภาฯ แสดงว่าไว้ใจนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา แค่นี้ก็เพียงพอที่จะบริหารสภาฯไปได้ด้วยความราบรื่น ส่วนตัวแล้วเชื่อมั่นว่านายวันมูหะมัดนอร์จะควบคุมให้สภาฯเรียบร้อยได้ เพราะเป็นรัฐมนตรีมาหลายสมัย เคยทำงานกับท่านสมัยที่เป็นรัฐมนตรี อีกทั้งยังเคยเป็นอดีตประธานสภาฯ ไม่เคยมีข้อมัวหมองหรือด่างพร้อยอะไร ส่วนความเป็นกลางท่านก็มีพอสมควร ส่วนเรื่องการเสนอแก้ไขกฎหมายหลายฉบับ ทั้งกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพ ร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ร่าง พ.ร.บ.กฎอัยการศึก ร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เมื่อเขาเป็นรัฐบาลสามารถทำได้ เสนอแก้รัฐธรรมนูญยังได้เลย แต่มันคงไม่ง่ายเพราะกฎหมายต้องผ่าน ส.ว.ด้วย ในวุฒิสภามีทหารและตำรวจเยอะ มีคนรู้เรื่องและดูแลความมั่นคงเยอะ แม้แต่ทางสภาฯ ยังไม่รู้จะผ่านหรือไม่
“ด้อมส้ม” วัยดึกเชียร์ก้าวไกล
ที่บริเวณหน้ารัฐสภาเมื่อเวลา 09.30 น. กลุ่มมวลชนสนับสนุนพรรคก้าวไกลราว 10 คน ส่วนใหญ่เป็นสตรีสูงอายุขาประจำชาวม็อบ ทยอยมาปักหลักชุมนุมที่สนามหญ้าหน้าประตูรัฐสภาฝั่งทางเข้ารัฐสภา ถนนทหาร อาทิ น.ส.วรัณยา แซ่ง้อ หรือสาวนุ้ย นางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือป้าเป้า นายวันชนะ จันทร์มณี หรือจ่าเปี๊ยก ฯลฯ บางส่วนสวมเสื้อสีส้ม ถือป้าย “เรารักก้าวไกล” “ให้กำลังใจก้าวไกล” ต่อมา พ.ต.อ.อุปดิศย์ ราชกิจเจริญ ผกก.บก. สส.บช.น.พร้อมกำลังตำรวจ แจ้งให้ผู้ชุมนุมทราบว่ามีประกาศเขตห้ามชุมนุมสาธารณะ 50 เมตรรอบรัฐสภา ตั้งแต่วันที่ 3-6 ก.ค. ขอให้ผู้ชุมนุมย้ายออกจากพื้นที่แล้วไปชุมนุมในสวนหย่อมฝั่งใกล้ๆกันที่จัดไว้ให้ชุมนุม แต่ผู้ชุมนุมอ้างว่า มาให้กำลังใจไม่ได้ชุมนุมไม่ยอมย้าย โต้เถียงกับตำรวจกันเล็กน้อย แต่สุดท้ายมวลชนทั้งหมดยอมออกจากพื้นที่โดยดี
ศปปส.จี้ ส.ว.แบนนายกฯส้ม
ต่อมาเวลา 11.00 น. ตัวแทนกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และกลุ่มรามคำแหงรักสถาบัน เข้ายื่นหนังสือต่อนายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา และนายสมชาย แสวงการ ประธาน กมธ.สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เรียกร้อง ส.ว.ไม่ให้ความเห็นชอบบุคคลที่มีพฤติกรรมล้มล้างสถาบันหลักของชาติมาดำรงตำแหน่งนายกฯ จากกรณีนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวเสวนาที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) จะเปลี่ยนให้วันที่ 24 มิ.ย.เป็นวันชาติ สร้างเงื่อนไขล้มล้างแตกแยกให้บ้านเมืองและคนในชาติ อ้างปฏิรูปสถาบัน และแก้ไขมาตรา 112
“สมชาย” ยื่นเงื่อนไขเลิกแตะ 112
นายสมชายกล่าวว่า ส.ว.พยายามสื่อสารกับพรรคก้าวไกล ให้ลดเพดานแก้มาตรา 112 ลง เพราะนำไปสู่ความขัดแย้ง ฝ่ายการเมืองไม่ควรไปละเมิด นำไปหาเสียงให้กระทบกลุ่มคนที่ไม่ได้เลือก หรือแม้กระทั่งกลุ่มคนที่เลือกก็ไม่ได้เห็นด้วย ฝากพรรคก้าวไกลให้ยกเลิกการแก้ไขมาตรา 112 ไปทำงานในเรื่องที่ประชาชนฝากความหวัง ทั้งเรื่องปากท้อง เศรษฐกิจ และยิ่งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลออกแถลงการณ์ร่วมยกระดับเรื่องการนิรโทษกรรมคดีการเมือง โดยเฉพาะคดีมาตรา 112 เหตุใดไม่ปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมว่าไป การเสนอนิรโทษกรรมคดีการเมืองก็ไม่ชัดเจนว่าจะรวมคดีทุจริต คดีเผาทำลายทรัพย์สินต่างๆหรือไม่ คิดว่าเป็นการปลุกปั่นต้องการผลักดันสังคมไปสู่ความรุนแรงบานปลายยิ่งขึ้น ขอให้ลดเพดานเรื่องมาตรา 112 ลง ถ้าลดได้ก็เดินหน้าประเทศได้ แต่ถ้าเพิ่มเงื่อนไขเข้าไปเรื่อยๆ จะนำไปสู่ความขัดแย้ง ทำให้ ส.ว.ไม่สบายใจมากขึ้นในการโหวตนายกฯ
กกต.ขยายเวลาสอบหุ้นไอทีวี
มีรายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. ลงนามอนุมัติขยายเวลาการไต่สวน ตามที่คณะกรรมการไต่สวนของ กกต. กรณีกล่าวหานายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกล ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 151 กรณีถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เนื่องจากการดำเนินการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ อนุมัติให้ขยายเวลาการสอบสวนเพิ่มเติมไปอีก 15 วัน ถือเป็นการขอขยายระยะเวลาการสอบสวนครั้งแรก หลังครบกำหนด 20 วัน ในวันที่ 4 ก.ค. นอกจากนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมกกต. เมื่อวันที่ 3 ก.ค. เห็นชอบกรณีอัยการสูงสุด (อสส.) มีหนังสือขอเอกสาร และขอทราบการดำเนินการของ กกต. เกี่ยวกับกรณีกล่าวหาพรรคก้าวไกลมีนโยบายหาเสียงแก้ไขและยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง
ปชป.ภาคอีสานหนุน “อภิสิทธิ์”
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า วันเดียวกัน (4 ก.ค.) ตัวแทนสาขาและตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งสิ้น 48 แห่ง นัดประชุมหารือร่วมกันและมีมติเห็นพ้องให้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนของสมาชิกพรรคภาคอีสาน เพื่อสนับสนุนเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง แถลงการณ์มีใจความว่า “ตามที่พรรคประชาธิปัตย์จะมีการประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ในวันที่ 9 ก.ค. พวกเราในฐานะสาขาและตัวแทนพรรคในภาคอีสานมีข้อสรุปที่สอดคล้องกันว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมืองที่มีบทบาทสําคัญต่อการปกครองประเทศในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่ประชาชนสามารถยึดเหนี่ยวได้ ดังนั้น การเลือกกรรมการบริหารพรรคโดยเฉพาะตำแหน่งหัวหน้าพรรค ที่ต้องทําหน้าที่นำพาองค์กรสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนทั้งประเทศมีความสำคัญและจำเป็นต้องได้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ และมีหลักคิดที่จะสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศชาติและประชาชนได้
ระดมพลเลือดสีฟ้ายึดมั่น 3 ข้อสู้
พวกเราจึงมีมติร่วมกันเพื่อนำเสนอต่อพรรคและเพื่อนสมาชิกทั่วประเทศดังนี้ 1.ขอสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคและอดีตนายกฯ ให้ทําหน้าที่หัวหน้าพรรคนําพาองค์กรที่ได้ชื่อว่าเป็นสถาบันทางการเมืองแห่งนี้ให้เกิดศรัทธาและความเชื่อมั่นที่ประชาชนสามารถยึดเหนี่ยว เพื่อรักษาระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขต่อไป 2.พวกเราเห็นว่าบุคลากรทุกองค์ประกอบของพรรคต่างมีคุณค่าตามสถานภาพและความรับผิดชอบ อยากเห็นความสามัคคีและความเป็นเอกภาพร่วมกันพัฒนาองค์กรแห่งนี้ให้เป็นที่พึ่งหวังของประชาชนได้ 3.ขอสนับสนุนทั้งอุดมการณ์และประสบการณ์ของบุคลากรรุ่นเก่าผสมผสานกับบุคลากรรุ่นใหม่ ที่จะเข้ามาสืบทอดเจตนารมณ์และอุดมการณ์ เพื่อความยั่งยืนของพรรคต่อไป ขอเชิญชวนพี่น้องชาวประชาธิปัตย์ทั่วประเทศร่วมสืบทอดเจตนารมณ์ร่วมกัน
“ตั๊น” ลั่นหยุดอ้างชื่อชิงอำนาจ
ช่วงเย็นวันเดียวกัน น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร รักษาการรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “หยุดเอาชื่อตั๊นไปร่วมกับแต่ละท่านที่อยากจะลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเลยค่ะ เรื่องตำแหน่งหัวหน้าพรรคไม่เคยอยู่ในความคิดเลย ทุกวันนี้มีความสุขกับการได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนอยู่ ไม่ว่าจะพื้นที่ไหน แม้วันนี้ยังไม่ได้เข้าไปทำงานในสภา แต่บางปัญหาไม่สามารถรอรัฐบาลชุดใหม่ได้ ถ้าตั๊นอยากจะเป็นหัวหน้าพรรค ตั๊นแมนพอที่จะออกตัวลงสมัครมานานแล้ว สมาชิกที่บอกเป็นคนรุ่นใหม่ทั้งหลาย แต่ละท่านที่อยากเสนอตัวเป็นหัวหน้าพรรคแทนที่จะมา นั่งปล่อยข่าว หรือวิ่งเข้าวิ่งออกบ้านผู้ใหญ่ ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แนะนำเอาเวลามาหาเสียงกับสมาชิกพรรคทั่วประเทศน่าจะดีกว่า (อย่างน้อยไปทำความรู้จักให้สมาชิกได้รู้จักว่า แต่ละท่านเป็นใคร เพราะตอนนี้แต่ละชื่อที่เสนอมาบอกเลยสมาชิกบางท่านยังไม่รู้จักเลยว่าคุณคือใคร)! อยากจะเป็นผู้นำ อย่าลืมลูกพรรคด้วยนะคะ! พรรคเป็นองค์กรใหญ่มีสาขาพรรค สมาชิกหลากหลายในทุกภูมิภาค ไม่ใช่แต่ใน กทม. ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมทั้งนั้น การจะเป็นผู้นำเดินคนเดียว แต่ไม่มีคนเดินตามเค้าไม่เรียกว่าผู้นำหรอกนะคะ”
“ลุงตู่” ปลื้มเด็กรักแผ่นดินแม่
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นายต่อ ศรลัมพ์ กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส พร้อมนายดำฤทธิ์ วิริยะกุล เลขานุการโครงการเยาวชน ไทยในสหรัฐอเมริกา เยือนแผ่นดินแม่ นายสุรศักดิ์ วงศ์ข้าหลวง ประธานฝ่ายสหรัฐฯ นำคณะเยาวชนจากโครงการเยาวชนไทยในสหรัฐอเมริกา เยือนแผ่นดินแม่ 2566 พร้อมผู้ปกครอง เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวให้โอวาทว่า เป็นโอกาสดีที่จะได้เรียนรู้สัมผัสความเป็นไทยในแผ่นดินบ้านเกิด เมืองนอนของบรรพบุรุษ รากเหง้าและแก่นแท้ความเป็นไทย เสถียรภาพของประเทศไทย แม้จะอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ขอให้เยาวชนทุกคนภูมิใจในความเป็นไทย ยึดมั่นในสถาบันหลักของชาติ และสร้างประโยชน์ให้กับแผ่นดินแม่ในโอกาสที่เอื้ออำนวย จากนั้นตัวแทนเยาวชนกล่าวขอบคุณ ถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน นายกฯแจกลายเซ็น พาเดินชมตึกไทยคู่ฟ้า โดยจูงมือนางแคตี้ โพธิ์ศรีทอง ครูสอนภาษาอังกฤษ ที่เคยสอนในโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม