“พิธา” ยิ้มรับ บอก เป็นนิมิตหมายดี ก้าวไกลชนะโหวต โยนถาม “วิษณุ” ปมรัฐบาลเสียงข้างน้อย ด้าน “ปดิพัทธ์” ลาออก กก.บห.ก้าวไกล พร้อมลุยงานรองประธานสภา คนที่ 1 ปรับภาพลักษณ์สภาให้ก้าวหน้า โปร่งใส ประชาชนเข้าถึงได้
เมื่อเวลา 14.05 น. วันที่ 4 กรกฎาคม 2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 หลังชนะโหวตจากการแข่งขันกับ นายวิทยา แก้วภราดัย จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ในที่ประชุมสภาฯ ช่วงบ่ายที่ผ่านมา โดย นายพิธา กล่าวว่า เป็นการยืนยันถึงความเป็นเอกภาพของทั้ง 8 พรรคในการโหวต ซึ่งในส่วนของรองประธานสภาฯ คนที่ 1 มีการโหวตแข่ง ที่ชนะ 312 เสียง น่าจะแป็นทิศทางที่ดีว่าสิ่งที่ได้แถลงข่าวต่อประชาชนใน 2-3 ครั้งที่ผ่านมาสามารถผลักดันสิ่งต่างๆ ของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล เป็นแนวโน้มที่ดีมากในการเข้าสู่การจัดตั้งรัฐบาลต่อไป
ขณะเดียวกัน นายพิธา ยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่า ในการพูดคุยกันของแกนนำพรรคก้าวไกล ประธานสภาฯ รวมถึงรองประธานสภาฯ ว่า กฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องแรงงาน พี่น้องชาติพันธุ์ สุราก้าวหน้า สมรสเท่าเทียม จะไม่เป็นอุปสรรคในการที่มีทั้ง 3 คนนี้เป็นบุคลากรของฝ่ายนิติบัญญัติ รวมไปถึงการผลักดันกฎหมายการนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง และการปฏิรูปกองทัพ

...
“ปดิพัทธ์” ลาออก กก.บห.ก้าวไกล พร้อมลุยงานรองประธานสภาฯ
ทางด้าน นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ขอบคุณในความสนใจการเลือกประธานสภาฯ วันนี้ทุกอย่างดำเนินด้วยความเรียบร้อย คะแนนเสียงที่ตนได้รับ ต่อให้จะมีการเสนออีกชื่อมา ก็เป็นบรรยากาศการแข่งขัน แสดงวิสัยทัศน์ และการโหวต จนได้รับความไว้วางใจเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 อีกทั้งคณะทำงานมีข้อตกลงว่า ประธานสภาฯ และทีมประธานสภาฯ จะดำเนินการในวาระอย่างไรให้สภาไทยก้าวหน้า โปร่งใส และเป็นของประชาชนมากขึ้น ซึ่งตนเองมีโอกาสคุยกับ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ซึ่งเห็นตรงกันในหลายมิติ จะผสมผสานระหว่างประสบการณ์ ความรู้ ความตั้งใจ และเทคโนโลยีใหม่ๆ คิดว่าจะเป็นส่วนผสมที่ดีมาก จะทำให้สภาฯ ก้าวหน้าได้ และสื่อมวลชนเป็นส่วนสำคัญมาก ขอน้อมรับทุกข้อเสนอที่จะทำให้การทำงานของสื่อดีขึ้น ซึ่งสภาฯ ยังมีพื้นที่ให้พัฒนาอีกมากมาย ให้ประชาชนได้เข้ามาใช้และเป็นส่วนหนึ่ง
“สำหรับผมก็เป็นบทบาทใหม่ที่ท้าทายมาก แล้วก็ตั้งใจ เมื่อได้รับความไว้วางใจจากสภาฯ แล้ว ผมได้ลาออกจากกรรมการบริหารพรรคเรียบร้อยแล้ว แล้วก็จะเริ่มต้นทำงานอย่างเป็นกลางตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
มอง โหวตชนะวันนี้ เป็นนิมิตหมายที่ดี
จากนั้น นายพิธา ตอบคำถามถึงกรณีการโหวต 312 เสียงให้กับ นายปดิพัทธ์ ว่า มีสมาชิก 1 คน ไม่ได้มา ส่วนนายวิโรจน์ เปาอินทร์ เป็นประธาน ส่วนพรรคก้าวไกลมี ส.ส. 1 คน ยุติบทบาท แม้จะเป็นการลงมติครั้งแรก คิดว่าสามารถที่จะพูดได้ในความเป็นเอกภาพ 8 พรรค ยังเต็ม 100 ส่วนคำถามว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีในการโหวตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายพิธา ตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “เป็นนิมิตหมายที่ดีครับ”
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า จะน้อมนำพระราชดำรัสไปปรับใช้อย่างไรในฐานะว่าที่นายกรัฐมนตรี และผลจากการโหวตเลือกประธานสภาฯ มั่นใจในวันโหตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ว่า “ตอบข้อที่ 2 ก่อน ก็มั่นใจ ส่วนข้อที่ 1 ก็จะนำพระราชดำรัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำว่าชาติและประชาชนที่ท่านเน้น มาใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน”

จัดสรรหน้าที่หลังโปรดเกล้าฯ ก่อนรีบฟอร์มทีมทำงาน
ขณะที่วาระแรกที่ทีมประธานสภาฯ จะทำให้เห็นเป็นรูปธรรมจะเป็นอย่างไร นายปดิพัทธ์ ตอบว่า ยังไม่สามารถพูดตอนนี้ได้ เพราะต้องได้รับการจัดสรรหน้าที่ที่ชัดเจนจากประธานสภาฯ ก่อน ซึ่งจะมีการหารือหลังการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง และจะรีบฟอร์มทีมในการทำงานโดยเร็ว แต่ที่ทำได้ด่วนคือเรื่องการปรับปรุง รวมถึงการหารือกระบวนการพิจารณากฎหมายต่างๆ สัดส่วนเวลาการประชุม
นายปดิพัทธ์ ยังระบุต่อไปด้วยว่า เราสนใจเรื่องเป้าหมายในการจัดตั้งรัฐบาล และการฟอร์มสภานิติบัญญัติที่ดีให้ได้ ผลที่ออกมาไม่ได้หมายความว่าใครยอมใคร เพราะผ่านการเจรจาอย่างดีที่สุด เราไม่ได้คิดว่าใครจะดำรงตำแหน่งอะไร เอาเป้าหมายและนโยบายเป็นตัวตั้ง จะมีเอกภาพเฉกเช่นเดียวกับการฟอร์มรัฐบาล
ส่วนคำถามเรื่องกฎหมายสมรสเท่าเทียม นายปดิพัทธ์ ขอชี้แจงในฐานะ ส.ส.ก่อนว่า การจากหารือกับพรรคก้าวไกลก่อนจะงดออกเสียงในคราวที่แล้ว จะเป็นการวางหลักการของศาสนิกชนไว้เพียงในวาระที่ 1 เท่านั้น ส่วนตัวในฐานะ ส.ส.จะโหวตเห็นชอบในวาระ 2 และ 3 แน่นอน แต่ในฐานะรองประธานสภาฯ เมื่อมีการบรรจุญัตติ วินิจฉัยหรืออคติของประธาน จะต้องไม่เป็นอุปสรรคในการบรรจุทุกญัตติ เพราะฉะนั้นถ้าผ่านขั้นตอนที่ถูกต้อง มีเนื้อหาที่ไม่ได้ขัดรัฐธรรมนูญ สามารถจะบรรจุได้ทุกอย่าง เพราะไม่ใช่คนตัดสินว่ากฎหมายไหนควรเข้าหรือไม่ แต่เมื่อทำตามขั้นตอนถูกต้องจะใช้เวทีของสภาฯ เป็นตัววินิจฉัย

“พิธา” มั่นใจแจงได้ทุกเรื่อง พยายามตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด
สำหรับประเด็นข้อตกลงของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเรื่องการนิรโทษกรรม นายพิธา กล่าวว่า เป็นพระราชบัญญัติที่พรรคก้าวไกลเตรียมรายละเอียดไว้ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องของนิติบัญญัติที่ต้องมีการอภิปรายในสภาฯ ตั้งกรรมาธิการ การโหวต และ ส.ว. ซึ่งสิ่งที่พรรคก้าวไกลเสนอมีร่าง พ.ร.บ.ชัดเจนอยู่แล้ว เป็นการเห็นชอบของทั้ง 2 พรรค คือ พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย และได้มีนำร่างคำแถลงให้อีกทั้ง 6 พรรคร่วมได้เห็นแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงกรณีที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงรัฐบาลเสียงข้างน้อยว่า ให้เป็นเสียงข้างน้อยไปก่อน แล้วสักพักจะเป็นเสียงข้างมากไปเองนั้น นายพิธา ตอบกลับว่า “ต้องถามท่านรองวิษณุเอง ผมก็ไม่แน่ใจว่าท่านหมายความว่าอะไร” ส่วนเรื่องที่ดินและหุ้นที่ถูกร้องมีความกังวลหรือไม่ว่าจะส่งผลให้ ส.ว.เปลี่ยนใจไม่โหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี “เรื่องที่ดินปราณบุรี ได้แจ้ง ป.ป.ช. ทั้ง 2 ครั้ง หากเข้ารับตำแหน่งก็ต้องแจ้งครั้งที่ 3 ทุกอย่างมั่นใจ แต่ผมก็ยังไม่เห็นคำร้องว่าติดใจเรื่องอะไร แต่สามารถที่จะอธิบายได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว แล้วก็มั่นใจว่าในการชี้แจง ป.ป.ช.ครั้งแรก ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ที่จะเกิดขึ้น ในการรับตำแหน่ง ก็จะตอบคำถามของหลายๆ ฝ่ายได้”
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวถามในช่วงท้ายว่า ในวันที่จะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ลึกๆ ในใจมีความไม่สบายใจหรือไม่ นายพิธา ตอบสั้นๆ ว่า “ลึกๆ ในใจก็จะตั้งใจทำงาน แล้วก็จะพยายามตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหาให้ประชาชน” ส่วนความสัมพันธ์ของพรรคร่วมจะเกิดความวุ่นวายในระหว่างทางหรือไม่ นายพิธา กล่าวทิ้งท้ายว่า “มันไม่อยู่ในใจผมอ่ะครับ แต่ที่ผมตอบเมื่อกี๊คืออยู่ในใจผม”.