นักวิชาการวิเคราะห์ทิศทางการเมืองไทย หากเพื่อไทยเสนอชื่อ "วันนอร์" ชิงตำแหน่งประธานสภา จะยุติข้อขัดแย้งกับก้าวไกลได้หรือไม่ แล้วการเมืองไทยจะเดินหน้าไปต่อทิศทางไหน
วันที่ 3 กรกฎาคม 2566 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกับ รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล นายกสมาคมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ในประเด็นต่อเนื่องของการเมืองไทย กับศึกชิงตำแหน่งประธานสภาที่กำลังจะถึงนี้

เกี่ยวกับเรื่องนี้ รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล นายกสมาคมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เผยว่า ในวันนี้เพื่อไทยเสนอชื่อ อ.วันนอร์ แล้วทาง อ.วันนอร์ ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ส่วนพรรคก้าวไกล ก็ยังยืนยันคุณหมออ๋อง ซึ่งแน่นอนว่าคะแนนตอนนี้ 312 ก็แบ่งเป็น 2 ฝั่งแล้ว แต่จะบวกกันยังไง ก็ไม่เท่ากับอีกขั้วหนึ่ง หากวันนี้ตกลงกันไม่ได้ อีกฝั่งจะรอเป็นประธานสภาแน่นอน หากซีกนี้มีการเสนอเกินกว่า 1 คน ประธานสภาไปฝั่งนั้นแล้ว
...

ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เผยว่า ตนเชื่อว่าตอนนี้ต่างฝ่าย ต่างถอยกันไม่ได้ อย่างก้าวไกลชูคุณปดิพัทธ์ไปแล้ว ส่วนเพื่อไทยก็ชูความไม่ชัดเจน เรื่องแคนดิเดตมานาน แต่พอมาชู อ.วันนอร์ หลายๆ คนก็มองว่าสุภาพบุรุษทางการเมืองอยู่แล้ว ก็อาจจะเป็นเรื่องที่หลายคนยอมรับได้ แต่ก็จะต้องทนความไม่สบอารมณ์ของทางฝั่งแฟนคลับ โดยเฉพาะทางก้าวไกล แต่อย่าลืมว่า อ.วันนอร์ เคยเป็นประธานสภา แล้วเคยพูดถึงความเจ็บปวดในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นคงจะเป็นไปไม่ได้ที่ อ.วันนอร์จะทรยศประชาธิปไตย ตนจึงคิดว่าเหมาะสมแล้วในสถานการณ์แบบนี้

ด้าน รศ.ดร.ธนพร เผยต่อว่า สำหรับตนแล้ว ต้องถามว่าเราต้องการการเปลี่ยนแปลงของสถาบันทางการเมือง หรือเปล่า ตนพูดตามตรงว่า ไม่ค่อยหวังกับการเปลี่ยนแปลงจาก อ.วันนอร์ เพราะวันนี้จากผลการเลือกตั้ง คนไทยต้องการการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในเชิงสถาบันทางการเมือง และสถาบันที่เราต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก คือ สภาผู้แทนราษฎร คือ มันต้องใหม่ อันที่เคยทำให้ประชาชนรู้สึกว่าห่างเหินจากประชาชน ห่างไกลจากการเปลี่ยนแปลง จะต้องไม่เกิดขึ้น
แต่พอมาเป็น อ.วันนอร์ เราก็อาจจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงในเรื่องแบบนี้ ซึ่งตนก็หวังว่า ท่านจะได้สร้างการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างพี่น้องประชาชนเป็นคนตัดสิน แต่พรรคเพื่อไทย เป็นคนทำให้เกิดปัญหา เพราะปกติพรรคอันดับต้องได้สิทธินายกฯ และประธานสภา แต่เพื่อไทยทำให้ไม่เป็นปกติ แถมยังเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา

ผศ.ดร.วันวิชิต กล่าวถึงกรณีที่เพื่อไทยไม่ยอมรับประธานสภาจากก้าวไกลว่า หากพูดภาษาชาวบ้านคือ อัดเขาไว้เยอะ เล่นแง่ในเรื่องคุณสมบัติ เรื่องของพรรษา และคุณลักษณะของตัวบุคคล หากมองถึงในนัยซ่อนเร้น ทีมยุทธศาสตร์เพื่อไทย ก็คงมองไปในระยะยาวว่า หากโควตาประธานสภาตกไปเป็นของพรรคก้าวไกล อาจจะมีปัญหาเรื่องของกรอบเวลาในการโหวตนายกในสเตปต่อไป ในกรณีที่เสนอชื่อพิธา แต่ปัญหาที่ตามมาคือ จะมีเสียงโหวตสนับสนุนเพียงพอหรือไม่ เพราะพรรคเพื่อไทยคงคิดว่ามีโอกาสไปต่อได้ดีกว่าในการเสนอเป็นนายกฯ หาก ส.ว. โหวตให้น่าจะมีตัวเลขได้ดีกว่า ซึ่งตนมองว่าเพื่อไทยเล่นกับบทบาท ที่สามารถรอมชอมกับทุกฝ่ายได้ดีกว่า เพียงแต่แสดงความอยากออกมาในพื้นที่สาธารณะไม่ได้เท่านั้นเอง

ขณะที่ รศ.ดร.ธนพร กล่าวว่า ในมุมนี้คิดอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากจะถีบก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน เพราะเพื่อไทยทราบดีว่า ยังไง ส.ว. ก็ไม่เอาพรรคก้าวไกล ในมุมของตน ต่อให้ใครเป็นประธานสภา หากเสนอชื่อเป็นพิธาเป็นนายก ยังไง ส.ว. ก็ไม่เอา แต่หากบอกกว่าเปลี่ยนเป็นเป็นคุณเศรษฐา แต่มีก้าวไกลเข้าร่วมอยู่ ยังไง ส.ว.ก็ไม่เอา
ดังนั้นเกมนี้เป็นผลดีกับเพื่อไทย เมื่อทำให้ก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน แล้วการให้ อ.วันนอร์เป็นประธานสภา ก็อาจจะทำให้ครั้งต่อไป ส.ว โหวตให้เพื่อไทยเป็นนายกฯได้ แล้วประสานเอาฝ่ายอื่นมาเติมเสียงแทนก้าวไกล แต่จริงๆ แล้วเกมนี้มันถูกเซตแล้ว
เพราะยังไง ส.ว. ก็ไม่เอาก้าวไกล ตนจึงได้บอกว่าพรรคเพื่อไทยกำลังไปฟัง อ.วิษณุว่า หากโหวตนายกไม่ผ่านก็โหวตไปเรื่อยๆ แต่อย่าลืมว่าในปี 62 มีการโหวตแข่งกัน โดยเสนอ 2 ชื่อ แล้วประเพณีปฏิบัติของรัฐสภา มันไม่ทางเสนอเพียงชื่อเดียว อย่างครั้งที่แล้วก็คุณประยุทธ์ แข่งกับธนาธร แม้คุณธนาธรจะรู้ว่าแพ้ แต่ก็ต้องเสนอชื่อ แล้วในครั้งนี้อาจจะมีการเสนอชื่อของ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ชิงตำแหน่งนายกฯ ทาง ส.ว. 250 เสียงก็จะยกมือโหวตให้

ผศ.ดร.วันวิชิต กล่าวต่อว่า ตนช็อกและจุกเลย หากเป็นไปได้ตามที่ อ.ธนพร วิเคราะห์ แต่คิดว่า ส.ว. ก็คงไม่กล้าทำ เพราะมันคือค่าใช้จ่ายทางการเมือง ที่แสนแพงมาก การเลือกตั้งที่ผ่านมาก็เหมือนสูญเปล่า หากเขาเล่นเกมแบบนั้นจริงๆ แต่ตนคิดว่าสังคมต้องการความสง่างามในการเป็นนายกฯ ขอให้เป็นแบบไปตามระบบ แต่หากทำแบบที่ว่าจริง ก็เหมือนเขาพยายามประดิษฐ์ความอันตรายในความอึมครึมทางการเมือง
รศ.ดร.ธนพร กล่าวว่า เรื่องของการเสนอชื่อนายกฯ เขามาตามหลักเกณฑ์ทุกอย่าง แต่หากอีกซีกเพื่อไทย-ก้าวไกล จับมือกันเหนียวแน่น 188 เสียงของอีกฝ่ายข้างน้อยก็อยู่ได้ เพราะรักษาการนายกฯก็ยังอยู่ และไม่ได้มีการระบุว่าต้องจัดตั้งรัฐมนตรีเสร็จในกี่วัน และรัฐบาลเก่าจะหมดวาระก็ต่อเมื่อนายกฯคนใหม่เจรจาจัดตั้งเสร็จ ซึ่งก็จะคล้ายกับปี 62 เพราะกติกาทุกอย่างเหมือนกัน

ผศ.ดร.วันวิชิต เผยต่อ หากเป็นแบบที่ว่าจริง ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะต้องบอกว่ายุคสมัยของการตื่นตัว และการมีส่วนร่วมทางการเมืองประชาชนมีมากขึ้น แต่ประชาชนต้องยอมรับกับการผิดหวังจากถูกหักหลังจากนักการเมืองด้วย ซึ่งตนรู้สึกเศร้าที่จาก อ.ธนพร พูดมาทั้งหมด มันก็เคยเกิดขึ้นได้ เราอาจจะได้เห็นละครฉากใหม่เกิดขึ้นมาอีกก็ได้ และที่เราพูดหรือวิเคราะห์ทั้งหมด ก็เพื่อพูดดักคอฉากทัศน์ของการเมืองไทยว่า ฉันทามติของประชาชนต้องการแบบนี้ ควรจะต้องเคารพเสียงของประชาชน
รศ.ดร.ธนพร กล่าวว่า ตนยังยืนยันว่า ถ้าวันนี้ประธานสภาไม่ใช้คนของพรรคก้าวไกล พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านแน่นอน อย่างลืมว่าก้าวไกลมีนโยบายชัดเจนให้กับประชาชนได้ช่วยเขาในการเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าวันนี้ประธานสภาไม่ใช่ของเขา มันเหมือนการปฏิเสธพรรคก้าวไกล และปฏิเสธสังคมด้วย
ในขณะที่ ผศ.ดร.วันวิชิต กล่าวทิ้งท้ายว่า อะไรที่ก้าวไกลขอไม่แล้วไม่เป็นตามเป้า ก็อาจจะเป็นฝ่ายค้าน แต่ถ้าท่าทีของก้าวไกลอ่อนลง แล้วยอมรับ อ.วันนอร์ ก็อาจจะเป็นไปได้ในทิศทางที่ดี การเมืองเดินหน้าต่อได้ แต่ตนเสียดายการปฏิรูปของสภานิติบัญญัติ หากเอาของก้าวไกลมาปรับใช้ อย่างเช่น การรายงานผลของนักการเมือง ที่ขาดประชุม ตนคิดว่าประชาชนก็คิดว่าการประชุมของวุฒิสภา ก็มีการยกระดับให้มีประสิทธิภาพด้วย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับท่าทีของก้าวไกลด้วยว่าจะเป็นในรูปแบบไหน
อย่างไรก็ตาม สามารถติดตามรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" พร้อมกันได้ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป ได้ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.