ประเทศไทยมีสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว 91 ปี มีประธานสภาฯมาแล้ว 26 คน ไม่เคยเกิดสงครามแย่งชิงเก้าอี้ประธานสภาฯกันเอาเป็นเอาตายเหมือนพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย ฟัดกันเขี้ยวหักเขี้ยวเยิน
เพราะตำแหน่งประธานสภาฯจะเป็น “ใบเบิกทาง” ไปสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
พรรคก้าวไกลจึงต้องการให้คนของตัวเองเป็นประธานสภาฯ!!
แต่พรรคเพื่อไทยก็ยืนยันไม่ยอมถอยให้พรรคก้าวไกล
เพราะพรรคเพื่อไทยก็หวังจะกินสองต่อเข้าฮอสเหมือนกัน
วันนี้ (4 ก.ค.) จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรกเพื่อโหวตเลือกประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯอีก 2 คน ให้รู้แล้วรู้แร่ดกันซะที
เก้าอี้ประธานสภาฯจะเป็นของพรรคก้าวไกล? หรือเป็นของพรรคเพื่อไทย?
หวยล็อกออกวันนี้แน่นอน!!
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าผลการโหวตเลือกประธานสภาฯคนใหม่ จะทำให้การตั้งรัฐบาลขั้วประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไปอย่างราบรื่น??
หรือทำให้สัญญาเอ็มโอยูที่เซ็นกันไว้ต้องฉีกทิ้งไป??
อยู่ที่การตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยเป็นสำคัญ!!
เพราะหากตกลงกันไม่ได้
ไม่มีใครยอมใคร ก็ต้องฟรีโหวตในสภาฯ
ถ้าฟรีโหวตในสภาฯ พรรคก้าวไกล แพ้ร้อยเปอร์เซ็นต์!!
ถ้าแพ้เกมโหวตประธานสภาฯ เกมโหวตเลือก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีก็แพ้พันเปอร์เซ็นต์!!
“แม่ลูกจันทร์” มองว่า “จุดเปราะบาง” ของการโหวตชิงดำเก้าอี้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติคนใหม่มี 2 ประการ
ข้อที่ 1, ส.ส.แต่ละคนมีสิทธิเสนอชื่อผู้เหมาะสมเป็นประธานสภาฯ โดยมี เพื่อน ส.ส.รับรองไม่น้อยกว่า 20 คน
เปิดช่องให้ ส.ส.ขั้วรัฐบาลลุง 3 ป. เสนอชื่อ ส.ส.พรรคเพื่อไทยเป็นประธานสภาฯ ตัดเชือกกับ ส.ส.พรรคก้าวไกล
...
ข้อที่ 2, กติกากำหนดให้ ส.ส.ทั้งสภา “ลงคะแนนลับ” ว่าจะเห็นชอบให้ผู้ถูกเสนอชื่อคนใด ให้เป็นประธานสภาฯ
การลงคะแนนลับ ทำให้จับมือใครดมไม่ได้ว่าใครเลือกใคร??
แตกต่างจากการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่ใช้วิธีขานชื่ออย่างเปิดเผยกลางที่ประชุมสภาฯ
เห็นกันชัดๆว่า ส.ส.และ ส.ว.คนไหน? พรรคไหน? โหวตเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี??
การลงคะแนนลับ ทำให้พรรคก้าวไกลเสียเปรียบพรรคเพื่อไทยเต็มคาราเบล
“แม่ลูกจันทร์” กระชุ่นพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ต้องจริงใจต่อกัน
ต้องจับมือร่วมกันตั้งรัฐบาล 8 พรรคขั้วประชาธิปไตย ตามฉันทานุมัติประชาชน 27 ล้านคน
ต้องปฏิบัติตามเอ็มโอยูที่เซ็นกันไว้เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา
อย่าให้เกมเลือกตั้งประธานสภาฯทำลายความหวังประชาชนอย่างสิ้นเชิง
อย่าให้ผลการเลือกตั้งต้องสูญเปล่าเชียวนะโยม!!
“แม่ลูกจันทร์”