วงประชุม 8 พรรคยังไร้ทิศทางโหวตประธานสภาฯ “พิธา” รอ พท.เคาะ ขอไม่เปิดประเด็นใหม่ทำเจรจาสะดุด “ชัยธวัช” มั่นใจสัญญาณยังดี “ชลน่าน” เชื่อจะได้ข้อสรุปที่ดี โยนมติพรรคชี้ขาด “วันนอร์” โชว์สปิริต ประชาชาติพร้อมเสียสละรอง ปธ.สภาฯเพื่อส่วนรวม ตั้งรัฐบาลประชาชนไม่ให้อีกฝ่ายเข้ามาแทรก เตือนสติถ้าเกิดข้อผิดพลาด ประชาชนอาจไม่ให้อภัยอีก “ด้อมส้ม” จี้เพื่อไทยอย่าเลียนแบบ รสช. เสียสัตย์เพื่อชาติ ศปปส.บุกป่วนหวิดปะทะกัน พปชร.คึกคักปฐมนิเทศ ส.ส.ใหม่ “ลุงป้อม” ลั่นจะดูแล พปชร.ไปตลอดชีวิต ขึงขังห้ามตั้งกลุ่มก๊วนหาประโยชน์ ปัดดีลพลิกขั้ว พท.เสียบนายกฯ “ธรรมนัส” ยันไม่มีงูเห่าเสาวภาแตก ปชป.ประชุม ส.ส.นัดแรกหงอย “เชาว์” ชน “เสี่ยต่อ” อย่ากินรวบ
ที่ประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ยังไร้ข้อสรุปประเด็นการแย่งชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย แต่แกนนำของทั้ง 2 พรรค ยังคงมั่นใจว่าปมปัญหาดังกล่าวจะได้ข้อยุติที่ดี ไม่มีผลกระทบกับการเดินหน้าร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลของฝ่ายเสรีประชาธิปไตย

...
แกนนำ 8 พรรคร่วมมากันพร้อม
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 ก.ค. ที่พรรคก้าวไกล มีการประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเพื่อหารือความคืบหน้าการทำงานของคณะทำงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาลและการตกลงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่มีปัญหาขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีแกนนำ 8 พรรคร่วมทยอยเดินทางเข้าร่วมประชุม อาทิ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ที่มาแทนคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคที่ติดนัดหมายพบแพทย์ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางมาถึงตั้งแต่ช่วงเช้าเพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มประชาชนที่เรียกร้องให้แก้ปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน นายพิธาพูดคุยรับฟังปัญหาพร้อมรับปากจะเข้าไปช่วยดูแลให้
ด้อมส้มจี้ พท.อย่าเสียสัตย์
เวลาไล่เลี่ยกัน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค เดินทางมาถึง มีนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล รอต้อนรับ ระหว่างที่ นพ.ชลน่านและคณะเดินเข้าพรรคก้าวไกล มีกองเชียร์ด้อมส้มกลุ่มหนึ่งมาดักรอตะโกนใส่ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “เพื่อไทยได้ยินไหม พิธาต้องได้เป็นนายกฯ พรรคก้าวไกลต้องได้เป็นประธานสภาฯ ต้องฟังเสียงมติประชาชน ให้พรรคก้าวไกลเป็นผู้ชนะ อย่าเสียสัตย์เพื่อชาติเหมือนคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.)” แต่ นพ.ชลน่านไม่ตอบโต้ใดๆก่อนเดินเข้าห้องประชุมไป
เชื่อ ส.ว.จะมีความเป็นผู้ใหญ่
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมว่า 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะหารือทุกประเด็น ทั้งการทำงานร่วมกัน นโยบาย 8 พรรค รวมถึงประเด็นตำแหน่งประธานสภาฯที่เชื่อว่าจะหารือกันลงตัว ไม่ต้องลากยาวไปถึงวันที่ 4 ก.ค. ที่จะมีการโหวตประธานสภาฯ ส่วนการส่งสัญญาณของ ส.ว.ที่ไม่สนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ 8 พรรคร่วมรัฐบาลต้องทำให้ดีที่สุด เรื่อง ส.ว.เป็นขั้นตอนต่อไป ปล่อยให้เป็นสิทธิเสรีภาพ ส.ว.แต่ยังเชื่อมั่นว่า ส.ว.เป็นผู้ใหญ่จะไม่ทำอะไรให้การเลือกตั้งมีผลพลิกล็อก หวังว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยไม่ให้ประชาชนผิดหวัง
“ชัยธวัช” มั่นใจสัญญาณยังดี
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า กระแสพรรคเพื่อไทยจะไม่เจรจาตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ไม่เป็นความจริง วาระสำคัญวันนี้คือรับทราบความคืบหน้าคณะทำงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาลและความคืบหน้าเรื่องตำแหน่งประธานสภา พรรคเพื่อไทยยังพยายามเต็มที่ให้เรื่องนี้ได้ข้อยุติดีที่สุด ให้การตั้งรัฐบาล 8 พรรคเป็นไปด้วยดี ข่าวปล่อยที่ออกมาไม่ได้มาจากพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ยังมั่นใจการประชุมครั้งนี้จะมีสัญญาณที่ดีออกมา เพราะการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเป็นทางออกดีที่สุด เป็นจุดเริ่มต้นการฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย
ศปปส.ป่วนหวิดปะทะด้อมส้ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงที่ 8 พรรคร่วมประชุมใกล้เสร็จ และเตรียมการแถลงผลการประชุมอยู่นั้น นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) นำคณะบุกมายื่นหนังสือสอบถามนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขอทราบจุดยืนของพรรคต่อแนวคิดการเปลี่ยนแปลงวันชาติ ตามที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลพูด จากวันที่ 5 ธ.ค. เป็นวันที่ 24 มิ.ย. ขอให้ชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร นายอานนท์กล่าวว่า ศปปส.จะดำเนินการทุกวิธีสกัดกั้นการบ่อนทำลายสถาบันหลักของชาติ ระหว่างนั้นได้เกิดวิวาทะกับกองเชียร์ด้อมส้มที่มาปักหลักอยู่ที่พรรคก้าวไกล ตะโกนไล่กลุ่ม ศปปส.ให้ออกไป แต่แกนนำ ศปปส. ระบุว่าเป็นการแสดงออกตามประชาธิปไตย ไม่ได้สร้างความแตกแยก โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.หัวหมากคอยควบคุมสถานการณ์ไม่ให้ทั้ง 2 ฝ่ายเกิดการกระทบกระทั่งกัน
ก้าวไกลไม่คิดเปลี่ยนวันชาติ
ต่อมานายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ และนายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลงมารับหนังสือจากกลุ่ม ศปปส. นายณัฐพงษ์กล่าวยืนยันว่ารัฐบาลพรรคก้าวไกลและพรรคร่วมรัฐบาล เป็นรัฐบาลของประชาชนทุกคน ที่ผ่านมามีข้อมูลข่าวสารที่เกิดความเข้าใจผิด พรรคก้าวไกลไม่มีนโยบายนี้ มีจุดยืนประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีนโยบายคุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชน นายรังสิมันต์เพียงแค่เสนอข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์ ไม่ได้เสนอเป็นนโยบายพรรค เป็นการแสดงความเห็นส่วนตัวขอให้สบายใจ

“พิธา” ขอไม่เปิดประเด็นใหม่
จากนั้นเวลา 12.00 น. แกนนำ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลร่วมแถลงข่าว นายพิธาแถลงข้อสรุปเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยว่า ที่ประชุม 8 พรรคมีการพูดคุยกันบ้างเล็กน้อย ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี มีความคืบหน้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ต้องให้เกียรติพรรคที่ยังต้องไปพูดคุยกันอยู่ เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลรับได้หรือไม่หากต้องรอข้อสรุปจากพรรคเพื่อไทยไปเรื่อยๆ นายพิธาตอบว่า ไม่ได้รอเรื่อยๆ เราให้เกียรติพรรคเพื่อไทย ยังพอมีเวลาอยู่ ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไปตามขั้นตอน อย่าเพิ่งเปิดประเด็นใหม่ จะกระทบการเจรจา ควรโฟกัสประเด็นที่มีอยู่การ คาดการณ์ประเด็นใหม่อาจกระทบการจัดตั้งรัฐบาลและสร้างความสับสนให้ประชาชน รวมถึงความมั่นใจในสังคม เช่น ตลาดหุ้นด้วย หากทำให้ประชาชนสับสนต้องขออภัย เรามีความปรารถนาดีตั้งใจจริงจัดตั้งรัฐบาลแก้ไขปัญหาให้ประชาชน เมื่อถามย้ำว่า หากข้อสรุปที่ได้ไม่ตรงกันจะทำอย่างไร นายพิธาตอบว่า ไม่อยากให้เปิดประเด็นใหม่ ทุกอย่างมีกระบวนการอยู่
“ชลน่าน” โยนมติพรรคชี้ขาด
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คณะเจรจา 2 ฝ่าย แจ้งความคืบหน้าการหารืออย่างไม่เป็นทางการให้ที่ประชุมรับทราบ แต่เนื่องจากพรรคเพื่อไทยมีกระบวนการทำงานหลากหลายของคนที่มาทำงานร่วมกัน และมีความเห็นต่างมาก อีกทั้งการทำงานภายในพรรคต้องอาศัยข้อบังคับพรรคที่เป็นกระบวนการภายใน และจำเป็นต้องฟังความเห็นสมาชิกพรรค จึงแจ้งต่อที่ประชุม 8 พรรคว่า ต้องนำเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของพรรค ในวันที่ 3 ก.ค. จากนั้นจะแถลงข่าวข้อสรุปที่ชัดเจนในเวลา 12.00 น. เชื่อว่าจะได้ข้อสรุปที่ดีเป็นประโยชน์ต่อการจัดตั้งรัฐบาล โดยยึดเจตจำนงการจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย เรายังยึดมั่นแนวทางนี้อยู่ จะร่วมมือจัดตั้งรัฐบาล เป็นทางร่วมที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน เพราะหากข้อสรุปไม่เป็นไปตามที่ประชาชนคาดหวัง อาจกระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาล
มั่นใจข้อสรุปมีสัญญาณที่ดี
เมื่อถามว่าจะมีการเสนอชื่อประธานสภาฯคนอื่น โดยให้พรรคการเมืองขั้วตรงข้ามเป็นผู้เสนอชื่อแทนพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นพ.ชลน่านตอบว่า ตอบยาก แต่มั่นใจว่าทุกอย่างจะได้ข้อสรุปที่ดีก่อนวันที่ 4 ก.ค. ทั้งนี้ กระบวนการขอความเห็นร่วมของพรรคเพื่อไทยเป็นไปตามข้อบังคับ แม้จะมีความเห็นต่าง แต่ต้องมีข้อสรุปร่วมกันออกมา มั่นใจว่าความเห็นร่วมกันจะเป็นไปตามแนวทางที่เคยทำบันทึกความเข้าใจกันไว้ ส่วนจะมีการฟรีโหวตเกิดขึ้นหรือไม่ ถือเป็นมุมมองที่มีความหลากหลาย แต่ความเป็นพรรคถือว่ามีความสำคัญที่สุด
ประชาชาติเสียสละเพื่อส่วนรวม
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวถึงกรณีพรรคประชาชาติอยากได้ตำแหน่งรองประธานสภาฯคนที่สอง ในฐานะพรรคอันดับ 3 ว่า พรรคประชาชาติต้องการตั้งรัฐบาลเพื่อประชาชน ถ้าสามารถจัดตั้งรัฐบาลเพื่อประชาชนได้ ก็ยินดีเสียสละในเรื่องต่างๆได้ ขณะนี้ 8 พรรคมอบให้ พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยใช้เวลาที่เหลืออยู่กว่า 40 ชั่วโมงให้เป็นเวลาแห่งชัยชนะของประชาชน ไม่เช่นนั้นฝ่ายที่ไม่เป็นประชาธิปไตยพร้อมจะแทรกเข้ามา หากเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นมาประชาชนอาจไม่ให้อภัยพวกเราอีก ฉะนั้นเวลาที่เหลืออยู่น้อยในขณะนี้เราต้องทำให้ได้ เวลาไม่ใช่เงื่อนไข แต่หัวใจความเสียสละเพื่อประชาชนสำคัญยิ่งกว่า

พปชร.คึกคักปฐมนิเทศ ส.ส.
เวลา 13.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีการจัดปฐมนิเทศ ส.ส.ใหม่ พร้อมกับประชุมเชิงปฏิบัติการและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเสริมสร้างศักยภาพของพรรคและสมาชิก มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ พรรค พปชร. เป็นประธาน มีกรรมการบริหารพรรคและแกนนำพรรคเข้าร่วมพร้อมเพรียง อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เลขาธิการพรรค นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายวิรัช รัตนเศรษฐ นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ ทั้งนี้ มีการเลี้ยงโต๊ะจีน 20 โต๊ะ เลี้ยงแสดงความยินดีกับ ส.ส.ใหม่ ขณะที่ พล.อ.ประวิตรมีสีหน้ายิ้มแย้ม สวมใส่เสื้อเชิ้ตลาย กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
ลั่นจะดูแล พปชร.ตลอดชีวิต
พล.อ.ประวิตรกล่าวมอบแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ส.ว่า ขอแสดงความยินดีกับ ส.ส.ใหม่ แม้พรรค พปชร.ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนมาเป็นอันดับ 4 ผ่านการแข่งขันที่รุนแรงมาก แต่ก็เอาชนะกันมาได้ เชื่อว่าทุกพรรคต้องนำผลการเลือกตั้งไปปรับปรุง เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการเลือกตั้งครั้งต่อไป และขอบคุณทุกฝ่ายที่ทำงานร่วมกันอย่างเหน็ดเหนื่อย รวมไปถึงผู้สมัคร ส.ส.ทุกคน ทุกเขต ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ทำงาน และมีส่วนร่วมสนับสนุนการรณรงค์หาเสียง พรรคของเราต้องเดินไปข้างหน้าตามอุดมการณ์ ตามเจตจำนงที่อาสาเข้ามาดูแลแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน “ผมขอยืนยันว่าจะดูแลพรรคพลังประชารัฐไปตลอดชีวิตของผมเท่าที่ผมมี เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าผมจะลาออกหรือไปที่ไหน อย่างไรก็จะอยู่กับพรรคพลังประชารัฐตลอดไป”
ห้ามตั้งกลุ่มก๊วนหาประโยชน์
พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า หลังงานรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาวันที่ 3 ก.ค. จะมีการเลือกประธานสภาฯ รองประธานสภาฯ ในวันที่ 4 ก.ค. จากนั้นจะ มีการเลือกนายกฯ ไม่ว่าผลการจัดตั้งรัฐบาลจะออกมาในรูปใดก็ตาม พรรค พปชร.ยังเป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อรับใช้ประชาชนต่อไปไม่หยุดยั้ง การทำหน้าที่ ส.ส.ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และมติข้อบังคับพรรคอย่างเคร่งครัด ต้องมีจริยธรรม เป็นเอกภาพ ไม่มีการแบ่งกลุ่มแบ่งก๊วนเพื่อเรียกร้องผลประโยชน์ใดๆ ยึดประเทศชาติเป็นที่ตั้งไม่ใช่ผลประโยชน์ของพรรค ต้องรักษาผลประโยชน์ของพรรคไม่ใช่ประโยชน์ส่วนตัว
ไม่มีดีลเพื่อไทยเสียบนายกฯ
พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการโหวตเลือกประธานสภาฯว่า ยังไม่มีการพูดคุยกัน ต้องคุยกันในวันที่ 4 ก.ค. เมื่อถามถึงกระแสข่าวการจับขั้วใหม่ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรค พปชร. โดย พล.อ.ประวิตรจะไปนั่งเก้าอี้นายกฯ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่มี ไม่มีพูดคุยกับพรรค การเมืองใด หรือกับกลุ่มไหนในเรื่องดังกล่าว เมื่อถามย้ำว่าทำไมถึงมีข่าวออกมาตลอด พล.อ.ประวิตรตอบว่า ข่าวก็คือข่าว ต้องไปถามคนปล่อยข่าว “ผมบอกแล้วไงว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นของผม” เมื่อถามว่าในขั้วการเมืองเดิมยังพูดคุยกันยังคงจับมือกันเหมือนเดิมใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ใครได้เสียงข้างมากในทางการเมืองก็ดำเนินการตามขั้นตอนกันไป เมื่อถามย้ำว่า แต่เสียงข้างน้อยยังคงจับมือกันเหมือนเดิมใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบตัดบทว่า ไม่รู้ เมื่อถามย้ำว่าได้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และแคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติบ้างหรือยัง พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่ เมื่อถามว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยแข่งหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบสั้นๆว่า ไม่รู้

“ธรรมนัส” ยัน พปชร.มีมารยาท
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ พรรค พปชร. กล่าวถึงทิศทางการโหวตประธานสภาฯว่า พล.อ.ประวิตรให้หลักการว่า ส.ส.ของพรรคทั้ง 40 คนจะโหวตไปในทิศทางเดียวกัน หมายความว่าเราจะดูหน้างานในวันที่ 4 ก.ค. ก่อนเริ่มประชุมว่าพรรคไหนเสนอชื่อใครบ้าง ดูว่าใครเหมาะสมเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ จะคุยกันและมีฉันทามติโหวตไปทิศทางเดียวกัน เมื่อถามว่ามีกระแสพรรค พปชร.จะเสนอชื่อประธานสภาฯแข่ง ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ยืนยันเรามีหลักการและมารยาททางการเมืองจะไม่เสนอใครแข่งเด็ดขาด เมื่อถามว่า หากพรรคร่วมรัฐบาลเดิมเสนอชื่อชิงประธานสภาฯจะโหวตให้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า เป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละพรรค
ข่าวจับข้ามขั้วให้ดูซีรีส์เกาหลี
ผู้สื่อข่าวถามว่ากระแสข่าวเปลี่ยนขั้วยังมีอยู่มีการคุยกันหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า จากที่คุยกันในคณะกรรมการบริหารพรรค หลักการยังเหมือนเดิม เราขอยืนอยู่ในที่ตั้งนิ่งๆ ดูสถานการณ์การเลือกประธานสภาฯในวันที่ 4 ก.ค. หลังจากนั้นยังมีเวลาที่จะนั่งคุยกัน เมื่อถามว่าการจับมือระหว่างเพื่อไทยกับพลังประชารัฐเป็นไปได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ณ เวลานี้ยังไม่มีการพูดคุยหรือมีดีลลับอย่างที่เป็นข่าว เมื่อถามว่าที่มีกระแสแบบนี้เป็นการเล่นเกมใต้ดินหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า นึกเสียว่าเราดูซีรีส์เกาหลีอย่าไปคิดมาก เมื่อถามว่าหากพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อประธานสภาฯ พรรคพลังประชารัฐจะยกมือให้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ต้องดูว่าเขาเสนอใคร เมื่อถามว่า นายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ มีความเหมาะสมใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า เราอย่าไปเน้นกับตัวบุคคลจนกว่าจะเห็นว่าพรรคไหนเสนอใครบ้าง เมื่อถามว่ามีคนมองว่าจะมีงูเห่าเหมือนสถานเสาวภาแตก ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า “ยืนยันไม่มีหรอก อย่าลืมว่าต้นฉบับลิงกินกล้วยคือผม”

“ธนกร” วอนม็อบชุมนุมสงบ
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกระแสข่าวกลุ่มผู้ชุมนุมนัดรวมตัวหน้ารัฐสภาในวันที่ 4 ก.ค. ติดตามการ ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อลงมติเลือกประธานสภาฯว่า การชุมนุมเป็นสิทธิของประชาชนตามหลักประชาธิปไตยในรัฐธรรมนูญ แต่ต้องชุมนุมด้วยความสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ และหากผลการประชุมออกมาตรงข้ามกับข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม ก็ไม่ควรมีการปิดล้อมสภา เพราะจะทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสมต่อประเทศ เนื่องจากเราผ่านการเลือกตั้งมอบอำนาจให้ ส.ส.เป็นผู้แทนทำหน้าที่ในสภาฯแล้ว ควรให้ ส.ส.ขับเคลื่อนการทำงานผ่านระบบสภาดีกว่า
รทสช.ย้ำไม่เลือกคนแก้ ม.112
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี โฆษกพรรค รทสช. กล่าวว่า พรรคมีจุดยืนที่ชัดเจนว่าการเลือกประธานสภาฯ จะให้การสนับสนุนบุคคลที่ถูกเสนอชื่อมาจากพรรคที่ไม่มีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 และต้องเป็นผู้มีประสบการณ์ มีความรู้ ความสามารถ รู้ข้อบังคับและประเพณีปฏิบัติของสภาฯเป็นอย่างดี เพราะจะเป็นส่วนสำคัญทำให้การประชุมสภาฯราบรื่นและถูกต้อง รวมถึงต้องเป็นบุคคลที่มีความประนีประนอม เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของสมาชิก ไม่มีบุคลิกแข็งกร้าว วางตัวเป็นกลาง ไม่เอาวาระของพรรคใดพรรคหนึ่งมาเลือกปฏิบัติโดยขาดความเป็นกลาง พรรค รทสช.รอดูท่าทีก่อนว่าวันนั้นผู้ที่ถูกเสนอชื่อมีบุคคลใดเหมาะสมหรือไม่ การดำเนินการทุกอย่างของพรรคต้องขึ้นอยู่กับมติพรรคด้วย
สภาพร้อมรัฐพิธีเปิดสมัยประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา หมายกำหนดการรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาครั้งแรก วันที่ 3 ก.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินมายังรัฐสภา ในเวลา 17.00 น. ประกอบรัฐพิธีเปิดสมัยประชุม ณ โถงพิธี ชั้น 11 อาคารรัฐสภา โดยมีสมาชิกรัฐสภา ส.ส. ส.ว. คณะบุคคลสำคัญ อาทิ คณะทูตานุทูตจากประเทศต่างๆ นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรอิสระ เข้าร่วมรัฐพิธีครั้งนี้ จากนั้นวันที่ 4 ก.ค. นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นัดประชุมสภาผู้แทน ราษฎรนัดแรก เพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาฯอีก 2 ตำแหน่ง โดยประสานไปยังทุกพรรคการเมืองแล้ว ทั้งนี้ วิธีการโหวตเลือกประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ เป็นการออกเสียงลงคะแนนโดยลับ
ปชป.ประชุม ส.ส.นัดแรกหงอย
ช่วงบ่ายที่พรรคประชาธิปัตย์มีการประชุม ส.ส.นัดแรก ที่ห้องประชุมชั้น 3 อาคาร 100 ปี ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน มี ส.ส.เขตเข้าประชุมครบทุกคน รวมถึงนายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ท่ามกลางบรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบเหงา ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม ได้ให้ ส.ส.แต่ละคนลุกขึ้นแนะนำตัวเอง จากนั้นนายจุรินทร์แจ้งกำหนดการต่อ ส.ส.ว่า วันที่ 3 ก.ค. พรรคจัดเตรียมอาหารกลางวันสำหรับ ส.ส.ทั้งหมดให้รับประทานอาหารร่วมกันตามด้วยการถ่ายรูปหมู่ที่พรรคในเวลา 13.00 น. ก่อนจะเดินทางออกจากพรรคไปยังรัฐสภาพร้อมกัน เพื่อร่วมรัฐพิธีเปิดการประชุมรัฐสภาที่จะมีขึ้นในเวลา 17.00 น.

“ชวน” ย้ำอย่าเล่นพนันในสภา
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า นายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาฯ และอดีตหัวหน้าพรรค ได้เล่าประสบการณ์การทำงานทั้งเรื่องข้อบังคับ ระเบียบ วิธีปฏิบัติต่างๆ พร้อมย้ำ ส.ส. ว่าอย่าให้เกิดกรณีกดบัตรแทนกัน โดยเฉพาะอย่าให้มีการเล่นการพนันโดยเด็ดขาด ให้ ส.ส.ทุกคนตั้งใจทำงานให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชน ประเทศชาติ และบ้านเมือง ส่วนนายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค ย้ำถึงบทบาท ส.ส. ในหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติว่า แม้ครั้งนี้พรรคได้ ส.ส.น้อย ขอให้ทำงานอย่างหนักผลักดันกฎหมายสำคัญหลายเรื่อง โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมของ ส.ส.
“ประมวล” ขึ้นชั้นประธาน ส.ส.
นายราเมศกล่าวต่อว่า ที่ประชุมมีการเสนอชื่อประธาน ส.ส. และรองประธาน ส.ส. รวมถึงเลขาฯ ที่ประชุม ส.ส. โดยที่ประชุมเห็นชอบให้นายประมวล พงศ์ถาวราเดช ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธาน ส.ส. รองประธาน ส.ส.มี 3 คน คือ 1.นายวุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส.อุบลราชธานี 2.น.ส.สุณัฐชา โล่ห์สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง และ 3.นายทรงศักดิ์ มุสิกอง ส.ส.นครศรีธรรมราช ส่วนนายร่มธรรม ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง เป็นเลขานุการ
ปัดล็อกชื่อ หน.พรรคคนใหม่แล้ว
เมื่อถามว่ามีความคืบหน้าชัดเจนว่าจะเลือกประธานสภาฯในวันที่ 4 ก.ค.นี้หรือไม่ นายราเมศตอบว่า ที่ประชุมไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ เพราะทั้งพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลยังไม่มีความชัดเจนชื่อตัวบุคคล เมื่อถามย้ำว่าในที่ประชุมมีการหารือถึงชื่อบุคคลที่จะแข่งขันขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่หรือไม่ นายราเมศตอบว่า ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ ยืนยันว่าไม่มีการล็อกตัวบุคคลไว้ตามที่มีกระแสข่าว ทุกอย่างเป็นไปตามข้อบังคับพรรค เพราะถือเป็นสิทธิของสมาชิกพรรค รวมถึงผู้เสนอตัวต้องแสดงวิสัยทัศน์ในที่ประชุมใหญ่ เพื่อให้สมาชิกที่เป็นองค์ประชุมพิจารณาเลือกใครเป็นหัวหน้าพรรค
“เชาว์” ชน “เสี่ยต่อ” อย่ากินรวบ
นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “1 เสียง 1 โหวต ทางออกฟื้น ปชป. จะเห็นได้ว่าการชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคราวนี้แตกต่างจากอดีตที่เคยมีมา แทบจะไม่มีใครเสนอตัวชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเลย ยกเว้นนายอลงกรณ์ พลบุตร สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะคนในพรรครู้ดีแก่ใจว่า ตำแหน่งหัวหน้าพรรค รวมถึงผู้บริหารทั้งหมดในตอนนี้ อยู่ในอาณัติของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการพรรคฯ ที่กุมเสียง ส.ส.ในมือราว 20 คน จากทั้งหมด 25 คน สั่งให้ใครเป็นหัวหน้าพรรคคนนั้นก็ได้เป็น เนื่องจากข้อบังคับพรรคให้น้ำหนัก ส.ส.เป็นสัดส่วนถึง 70% ขององค์ประชุมใหญ่ ข้อบังคับพรรคไม่ได้ผิดอะไร ตอนแก้ข้อบังคับเมื่อปี 2561 ก่อนหน้านี้เรามี ส.ส.เกินหลักร้อยมาตลอด ไม่เคยมีใครคาดคิดว่าจะตกต่ำเหลือแค่ 25 คนในยามนี้ จากพรรคขนาดใหญ่กลายเป็นพรรคขนาดกลาง และกำลังเป็นพรรคขนาดเล็ก ถือเป็นสถานการณ์ไม่ปกติช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้จึงไม่สมควรให้ ส.ส. 25 คน กุมชะตากรรมพรรคเพียงลำพัง”
ชงงดเว้นข้อบังคับให้ 1 สิทธิ 1 เสียง
นายเชาว์ระบุอีกว่า การเลือกตั้งกรรมการบริหาร พรรควันที่ 9 ก.ค.นี้ ขอเสนอให้ที่ประชุมใหญ่ลงมติ ให้ยกเว้นข้อบังคับข้อ 87 (1) (2) ที่ให้ถือเกณฑ์คำนวณคะแนนเสียงในการเลือกตั้งสัดส่วน ส.ส. 70% และสมาชิกอื่นที่เป็นองค์ประชุม 30% ให้ใช้เสียงข้างมากของผู้ลงคะแนนเสียง เพื่อให้ทุกคะแนนเสียงขององค์ประชุมที่ประชุมใหญ่ มีหนึ่งเสียงหนึ่งโหวตเท่ากันเพื่อกำหนดชะตาครั้งสำคัญของพรรค ถ้ารักพรรคจริง ต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมตัดสิน ไม่ใช่ใช้ข้อได้เปรียบจากข้อบังคับมาจ้องกินรวบพรรค อย่างที่เป็นอยู่ “คนชอบพูดว่าผมเป็นคนของนายกฯ อภิสิทธิ์ ผมไม่ปฏิเสธว่าเคารพรักท่าน แต่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคสำหรับผมจะชื่ออะไรก็ได้ สำคัญที่คนคนนั้นต้องมีบารมี มีเจตจำนงทำพรรคให้เป็นพรรค ไม่ใช่คิดแต่ใช้พรรคเป็นบันไดแสวงหาอำนาจ เรามี บทเรียนมามากพอแล้วกับการละทิ้งคำสัญญาที่ให้ไว้ กับประชาชนในการเลือกตั้งปี 2562 ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่เปราะบาง ประชาธิปัตย์ต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นหลักให้กับบ้านเมือง ส่วนจะไปถึงจุดนั้นได้หรือไม่ ชี้วัดกันวันที่ 9 ก.ค.นี้”
โพลชี้ ปธ.สภาไม่ต้องมี ส.ส.มากสุด
วันเดียวกัน นิด้าโพลเปิดผลสำรวจความคิดเห็น เรื่อง “ประธานสภาผู้แทนราษฎร 2566” จากประชาชน ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ รวม 1,310 หน่วยตัวอย่าง พบว่าลักษณะของผู้ที่จะเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่วนใหญ่ร้อยละ 76.72 สามารถทำงานให้กับทุกพรรค การเมืองด้วยความเป็นกลางได้ รองลงมาร้อยละ 28.63 มีประสบการณ์ทำงานในฐานะ ส.ส.หลายสมัย ตามด้วย ต้องจบกฎหมาย ต้องเป็นที่ยอมรับของ ส.ส. ต้องมาจาก พรรคที่จะเป็นรัฐบาลเท่านั้น แต่ไม่จำเป็นต้องมาจาก พรรคเดียวกันกับนายกฯ หรือไม่จำเป็นต้องมาจากพรรคอันดับหนึ่งในสภาก็ได้ เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการตัดสินใจของ ส.ส.ในการเลือกประธานสภาฯ พบว่าร้อยละ 52.44 ระบุว่า ส.ส.ควร มีการตกลงกันภายในพรรคของตนเองก่อนลงคะแนนเลือก รองลงมาร้อยละ 47.10 ระบุว่า ควรปล่อยให้ ส.ส.ใช้อิสระในการลงคะแนน