“พิธา” รอคำตอบสุดท้ายจากเพื่อไทย ยังเชื่อปมประธาน สภาฯจะได้ข้อยุติที่ดี ยันเอกภาพใน 8 พรรคร่วมยังมีอยู่ โนคอมเมนต์ “ตู่” ลดบทบาท นำทีมจับเข่าถก สทท. ถูกชวนเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ท่องเที่ยวมองไกลถึงวันได้เจรจาบรรดาผู้นำในเวทีโลก “เศรษฐา” แอบแซะเป็นสิทธิ ก.ก.เปิดตัว “ปดิพัทธ์” แต่เพื่อไทยไม่ทำ มุ่งเป้าหมายตั้งรัฐบาลฝ่ายเสรีให้ได้ ไล่ พปชร.ฝันสูงชู “ลุงป้อม” นับตัวเลขดูก่อน พท.ตั้งวงคุยยอมจนสุดทางแล้ว “วันชัย” แขวะ “พิธา” นายกฯทิพย์ “สมชาย” ยั่วมากัน 100 ม็อบ ก็กดดัน ส.ว.ไม่ได้ ตั้งกำแพงความมั่นคงขวางคลอง “ลุงป้อม” สั่ง ส.ส.พปชร.รอดูหน้างานวันโหวต ปธ.สภาฯ “จตุพร” ฉีกถุงแยกคู่เพื่อไทย-ก้าวไกล ฟันธง “สุชาติ” ปธ.สภาฯ “ประวิตร” นายกฯ ทำนายจุดจบเหมือน 22 พ.ค.57 “ขิง” ยืนยัน“พีระพันธุ์” คิดดีแล้ว ปชป.ปัดไม่มีดีลลับสลับขั้ว “เสี่ยต่อ” ย้ำปฏิวัติใหญ่ ปชป.

การเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคร่วม ยังคงเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนาม โดยเฉพาะการแย่งชิงตำแหน่งประธานสภาฯกันเองระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ทำให้กลบร่องรอยของความหวาดระแวงกันไม่มิด แม้บรรดาแกนนำของ 2 พรรคจะออกมายืนยันหลายรอบว่าจะจับมือเดินหน้าไปด้วยกันก็ตาม

“พิธา” รอคำตอบทางการจากเพื่อไทย

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 ก.ค.ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กทม. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าหารือกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ถึงการประชุมหารือเกี่ยวกับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยว่า น่าจะได้ข้อยุติที่ดี แต่ต้องรอพรรคเพื่อไทยตัดสินใจอย่างเป็นทางการ เมื่อถามว่าวันที่ 3 ก.ค.พรรคเพื่อไทยจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค จะไม่เป็นการลากเกมออกไปใช่หรือไม่ นายพิธาตอบว่า คงตอบแทนพรรคเพื่อไทยไม่ได้ และคิดว่าไม่ใช่เป็นการลากเกม ณ จุดนี้พรรคก้าวไกลเสนอแคนดิเดตประธานสภาฯ ยืนยันในหลักการไปแล้ว ต้องรอคำตอบจากพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพราะในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา จากข่าวที่ออกมาหลากหลาย อาจทำให้พี่น้องประชาชนสับสน จึงต้องรอยืนยันคำตอบพรรคเพื่อไทยที่เป็นทางการ

...

ยังเชื่อมีเอกภาพแม้โหวตลับ

เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ว่าวันที่ 4 ก.ค. ที่การโหวตเลือกประธานสภาฯจะเป็นการโหวตด้วยวิธีลับ อาจทำให้สถานการณ์พลิกผันได้ นายพิธาตอบว่า ยังไม่ถึงวันนั้นรอให้ถึงวันนั้นก่อน ยังเชื่อว่า ความเป็นเอกภาพของ 8 พรรคร่วมยังมีอยู่ และคงมีกระบวนการพูดคุยระหว่างพรรค กระบวนการพูดคุยกันภายในพรรคด้วย ต้องให้เวลาและยังรอคำตอบอยู่ เมื่อถามว่าหากสุดท้ายแล้วไม่เป็นอย่างที่คุยกันไว้จะเกิดอะไรขึ้น นายพิธาตอบว่า ยังไม่ได้คิดถึงตรงนั้น ยังพยายามใช้สมาธิและใช้เวลาที่จะทำให้เกิดผลสำเร็จ

โนคอมเมนต์ “ตู่” ลดบทบาท

เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ประกาศลดบทบาททางการเมืองถือเป็นการแสดงนัยอะไรหรือไม่ นายพิธาตอบว่า เห็นแค่พาดหัวข่าว ยังไม่ได้ฟังที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ ยังไม่ได้อ่านรายละเอียด ไม่อยากคอมเมนต์ (แสดงความเห็น) แต่จากที่เคยพูดคุยกันมาตลอดว่าเรามีคณะทำงานเปลี่ยนผ่านการท่องเที่ยวก็เป็นเรื่องหนึ่ง ขณะนี้การท่องเที่ยวหายไปเกือบ 30-40% แม้การท่องเที่ยวจีนฟื้นแต่เขาเน้นท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างเดียวไม่ได้ออกมา วันนี้มาคุยกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ ถึงเรื่องการแก้ปัญหาการท่องเที่ยว ถ้าพี่น้องข้าราชการหรือพี่น้องเอกชนสับสนอยู่ ไม่รู้ว่าจะทำงานต่ออย่างไร ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะลงทุนต่อหรือไม่ พวกเราทั้ง 8 พรรคและตน ยินดีแลกเปลี่ยนหารือกัน

ดึง “พิธา” แบรนด์แอมบาสเดอร์

ต่อมาเวลา 12.00 น. นายพิธาพร้อมด้วยนายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมแถลงถึงผลการหารือแนวทางในการแก้ปัญหาด้านการท่องเที่ยว นายชำนาญกล่าวว่า การท่องเที่ยวควรเป็นวาระแห่งชาติ อยากให้ว่าที่นายกฯนั่งเป็นประธานดูแลเรื่องการท่องเที่ยวเอง ที่สำคัญคือการบริหารจัดการเรื่องสนามบินทั่วประเทศ ควรจัดการอย่างไร้คอขวด แล้วท้ายที่สุดอยากจะขอ และขอมาโดยตลอด คืออยากให้ท่านมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ หรือทูตการท่องเที่ยวของประเทศไทย

“ทิม” มองไกลเจรจาผู้นำเวทีโลก

นายพิธาแถลงว่า มีการหารือกันเรื่องการท่องเที่ยวก่อนและหลังโควิด มีการเปรียบเทียบตัวเลขระหว่างปี 2562 กับปี 2566 นายชำนาญอยากให้นายกฯลงมาดูแลเรื่องการท่องเที่ยวโดยตรง แม้นโยบายการท่องเที่ยวดีแค่ไหน แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม โรคระบาด สังคมสูงวัย หรือเรื่องส่วยอยู่ ก็ทำให้การท่องเที่ยวไม่อาจปฏิบัติได้จริง และทางสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯเชิญให้ตนเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ยินดีตอบรับถ้าเป็นคนที่ทั้งบริหารและสื่อสารด้วย หากเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาลและมีการบริหารเมื่อไร คงมีการเดินทางไปพบปะกับผู้นำในต่างประเทศ และสหประชาชาติในเดือน ก.ย.นี้ คงเอาเรื่องของการท่องเที่ยวและเชิญชวนนักท่องเที่ยวของเขาที่เราต้องการให้เขาเข้ามาประเทศไทย เป็นวาระสำคัญในการกำหนดการประชุมกับผู้นำต่างประเทศ

เล็งปรับแก้ครบวงจรทั้งระบบ

ผู้สื่อข่าวถามว่าตั้งเป้าตัวเลขร่วมกันหรือไม่ว่าหลังจากทำงานร่วมกันแล้วจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน นายพิธาตอบว่า ตัวเลขเป็นสิ่งที่สำคัญ ตอนนี้ถ้าถามว่าการท่องเที่ยวในไทยก่อนและหลังโควิดหายไปมากน้อยแค่ไหน ตัวเลขของสหประชาชาติระบุว่าหายไปกว่า 46% ขณะที่ทั่วโลกหายไป 20% แต่ถ้าเปรียบเทียบว่าเราเอานักท่องเที่ยวจากประเทศจีนออกแล้ว เปรียบเทียบกันใหม่ไทยก็ไม่ได้แย่ ดังนั้น เราจะเร่งแก้ไขให้ตัวเลขกลับมาให้ดีที่สุด แต่มีการพูดคุยกันว่าถ้าจะเอาให้เกิดความยั่งยืนจะเป็นแค่เรื่องของจำนวนตัวเลขแค่นั้นหรือเปล่า หรือจะเอาคุณภาพด้วย จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามานั้นไม่สำคัญเท่าการกระจายออก ตัวเลขที่สำคัญไปกระจุกอยู่แค่ 5 จังหวัด เราจึงเห็นตรงกันว่านโยบายเมืองรองที่ผ่านมาอาจไม่เพียงพอคงต้องมีการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับโฮมสเตย์ เรื่องของการคมนาคมระหว่างจังหวัด และการวางแผนการเดินทางให้ถูกใจนักท่องเที่ยว

“พิธา” แห่ขอบคุณชาวขอนแก่น

จากนั้นช่วงบ่าย ที่หอประชุมหงส์ยนตร์ ท่า อากาศยานนานาชาติ จ.ขอนแก่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นำคณะเข้าพบประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น และประธานผู้ประกอบการรุ่นใหม่หอการค้าจังหวัดขอนแก่น (YEC) เพื่อแสดงวิสัยทัศน์การพัฒนาเศรษฐกิจในจังหวัดขอนแก่น และภาคอีสาน ระหว่างเเลกเปลี่ยนกันนายชาญณรงค์ บุริสตระกูล ประธานหอการค้า จ.ขอนแก่น กล่าวแสดงความยินดีกับนายพิธาที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ฝากประเด็นลดความเหลื่อมล้ำ สร้างสังคมที่เข้มแข็ง ยืนยันว่าภาคีที่เกี่ยวข้องพร้อมสนับสนุนการทำงานของพรรคก้าวไกลเต็มที่ หลังหารือเสร็จสิ้น นายพิธานำคณะขึ้นรถแห่ปราศรัยขอบคุณประชาชนชาวขอนแก่น เริ่มต้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขอนแก่น และเปิดปราศรัยในช่วงเย็น ที่สวนสาธารณะขอนแก่น 200 ปี ริมบึงแก่นนคร มีประชาชนให้การต้อนรับอบอุ่นมาฟังปราศรัยจำนวนมาก

เป็นสิทธิ ก.ก.เปิดตัว “ปดิพัทธ์”

ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายก รัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ประธานที่ปรึกษาครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกล เปิดตัวนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล เป็นแคนดิเดตประธานสภาฯ ต่อหน้าพี่น้องชาวพิษณุโลกว่า ถ้าตกลงได้ว่าเป็นของพรรคก้าวไกลก็เป็นสิทธิที่นายพิธา และพรรคก้าวไกลจะเสนอใครก็ได้ เข้าใจว่านายพิธาเดินทางไปจังหวัดพิษณุโลกพอดี เมื่อถามว่าเหมาะสมหรือไม่ที่เปิดตัวขณะที่การพูดคุยของ 2 พรรคยังไม่ชัดเจน นายเศรษฐาตอบว่า ถือเป็นสิทธิของพรรคก้าวไกลให้สาธารณชนรับรู้ว่าจะให้นายปดิพัทธ์เป็นประธานสภาฯ แต่สำหรับพรรคเพื่อไทยไม่มีสิทธิคิดเปิดตัวแคนดิเดตประธานสภาฯในลักษณะเดียวกัน คิดว่าการตกลงกันภายในเงียบๆน่าจะดีกว่า

มุ่งเป้าหมายตั้งรัฐบาลฝ่ายเสรี

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยเปิดตัวแคนดิเดตประธานสภาฯกลับโดนทัวร์ลง ในระหว่างที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา นายเศรษฐาตอบว่า ไม่รู้ว่าทัวร์ลงคืออะไร แล้วแต่จะคิด เราควรเน้นที่จุดมุ่งหมายมากกว่า เพราะเดี๋ยวตำแหน่งประธานสภาฯก็จะชัดเจนแล้ว และเดินหน้าต่อไปในการโหวตเลือกนายกฯ เมื่อถามย้ำว่าทั้งสองพรรคควรหยุดให้สัมภาษณ์เพื่อลดความขัดแย้งหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า เราอยู่ในสังคมประชาธิปไตยมีสิทธิเสรีภาพในการพูด แต่เชื่อว่าหลายคนทราบว่าเวลาไหนควรพูด เวลาไหนไม่ควรพูด เมื่อถามว่าในวันโหวตเลือกนายกฯ หากนายพิธาไม่สามารถชนะโหวตในรอบแรกได้ จะมีทางออกอย่างไร นายเศรษฐาตอบว่า คงมีสิทธิเสนอได้อีก แต่ไม่แน่ใจนัก ไม่ทราบว่ากระบวนการทางรัฐสภาจะเสร็จสิ้นภายในเดือน ก.ค.หรือไม่ อยากให้เป็นไปทีละขั้น และเป็นกำลังใจให้ทุกฝ่าย เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลจากฝ่ายประชาธิปไตยได้โดยเร็ว เนื่องจากมีเรื่องงบประมาณปี 2567 ที่ต้องคำนึงถึงด้วย

ไล่ พปชร.ชู “ลุงป้อม” ให้นับเลขดู

นายเศรษฐายังกล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า จะลดบทบาทการเมืองลง เนื่องจากเป็นรัฐบาลรักษาการ นายเศรษฐาตอบว่า ถือว่าเหมาะสม ประชาชนก็อยากเห็นแบบนั้น ขอให้เปลี่ยนผ่านไปด้วยดี ไม่มีผิดใจกันหรือมีประเด็นอะไรเกิดขึ้น หาก พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจลดบทบาทการเมืองลงจริง จะช่วยลดความเผ็ดร้อนและความรุนแรงลงได้ เมื่อถามถึงกระแสข่าวจากพลังประชารัฐบอกว่านายกฯคนที่ 30 คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ เหมาะสมหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า เป็นสิทธิของเขา แต่ละพรรคก็มีแคนดิเดตนายกฯ แต่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยอยู่ฝั่งประชาธิปไตย ดังนั้นจะเรียกพรรค พปชร.ว่าอะไรก็เรียกไป การออกมาพูดแบบนี้ต้องมาดูที่คะแนนเสียงด้วย เป็นเรื่องของการเมืองตอนนี้ขอโฟกัสที่เรื่องการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อถามย้ำว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ พล.อ.ประวิตรจะเป็นนายกฯ นายเศรษฐาตอบว่า ลองนับเลขดู เพราะเลขไม่ได้เป็นหลักล้าน ใช้แค่มือนับก็ได้แล้ว เมื่อถามย้ำว่ามีกระแสข่าวสูตรจัดตั้งรัฐบาลที่พรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรค พปชร. นายเศรษฐาตอบว่า เลอะเทอะถามกี่ครั้งก็จะตอบว่าเลอะเทอะ

พท.ตั้งวงคุยยอมจนสุดทางแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า ปมปัญหาการแย่งชิงตำแหน่งประธานสภาฯระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยที่ยังไม่มีความชัดเจนเป็นทางการออกมา ทำให้บรรดา ส.ส.เพื่อไทยหารือกันว่า ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยยอมพรรคก้าวไกลทุกอย่าง เรื่องนายกฯที่ส่วนใหญ่พรรคอันดับสองจะตั้งรัฐบาล แข่ง พรรคเพื่อไทยก็ไม่คิดแข่ง แต่พยายามทำให้ก้าวไกลได้ตำแหน่งดังกล่าว แต่เรื่องประธานสภาฯที่จะเลือกกันแล้ว จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน แต่ถึงอย่างไร ส.ส.เพื่อไทยยังรอคำตอบจากคณะเจรจาต่อไป ถ้าไม่มีคำตอบที่ดีพอ ส.ส.ส่วนใหญ่ อาจเลือกโหวตคนของพรรคเพื่อไทย เพราะถือว่ายอมให้ฝ่ายบริหารกับพรรคก้าวไกลไปแล้ว แต่พรรคก้าวไกล เหมือนมีเงื่อนไขใหม่ๆมาตลอด ไม่เข้าใจว่าเจตนาคืออะไร และการประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทยวันที่ 3 ก.ค. คงมีการหยิบยกเรื่องนี้มาคุยกัน ถ้าให้เลือกคนของเพื่อไทยเป็นประธานสภาฯเสียงไปในทิศทางเดียวกันแน่นอน

เพื่อไทยตัดบทเลิกคุยก้าวไกล

มีรายงานเพิ่มเติมว่า ในการประชุมหัวหน้า 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล วันที่ 2 ก.ค. ที่พรรคก้าวไกล ไม่มีวาระพูดคุยเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ ระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยอีกแล้ว แม้แกนนำพรรคก้าวไกลจะพยายามประสานขอหารือเรื่องนี้ก่อนถึงวันโหวตวันที่ 4 ก.ค. เพราะที่ผ่านมาทางก้าวไกลจะเป็นฝ่ายยกเลิกนัดตลอด อยากจะเจรจาเฉพาะเวลาที่พรรคก้าวไกลต้องการเท่านั้น ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจะประชุมและตัดสินใจเป็นการภายในกันเอง โดยคณะเจรจาของพรรครวบรวมผลการหารือที่ยังค้างกับก้าวไกล มารายงานต่อที่ประชุมคณะ กรรมการบริหารพรรคเพื่อพิจารณาและตัดสินใจเอง ไม่ขึ้นกับความคิดเห็นของก้าวไกล แต่แนวโน้มของกรรมการบริหารพรรคน่าจะยังคงยึดหลักการเดิม คือให้ตำแหน่งประธานสภาฯกับก้าวไกล ส่วนเพื่อไทยได้รองประธานสภาฯ 2 ตำแหน่ง วันที่ 3 ก.ค. จะเปิดให้ ส.ส.แสดงความคิดเห็นรอบสุดท้าย เชื่อว่า ส.ส.จะเคารพมติของกรรมการบริหารพรรค และไม่มีการฟรีโหวตในเรื่องนี้

แขวะชื่อ “พิธา” นายกฯทิพย์

วันเดียวกัน นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “จากพิธา...สู่นิพพิทา พิธาแปลว่าผู้มีความเจริญรุ่งเรือง นิพพิทาแปลว่าไม่มีพิธา หรือผู้เบื่อหน่ายในกองทุกข์ ก่อนเลือกตั้งและหลังเลือกตั้ง ตลอดจนการจัดตั้งรัฐบาล 312 เสียง มีว่าที่นายกฯพิธาที่ปรากฏมานั้นเป็นมายาคติเป็นภาพลวงตา ไม่ใช่โลกของความเป็นจริง เป็นโลกทิพย์ รัฐบาลทิพย์ นายกฯทิพย์ และเป็นเรื่องเล่าแค่เช้านี้ นับแต่ 4 ก.ค.เป็นต้นไป ในสภาฯจะเป็นโลกของความเป็นจริงของพิธาและก้าวไกล นอกสภาฯมีแต่พิธาๆๆ แต่ในสภาฯจะเป็นนิพพิธาๆๆ ผมยังยืนยันในหลักการเดิม แต่รู้และเห็นเป็นประจักษ์แล้วว่าก้าวไกล ก้าวไปไม่ถึง พิธาก็เป็นนิพพิธา ไม่มีใครช่วยอะไรได้”

“สมชาย” ขู่ ก.ก.ระวังมิคสัญญี

ด้านนายสมชาย แสวงการ ส.ว. กล่าวถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล ไม่มีโอกาสผ่านด่าน ส.ว.ว่า ถ้าพรรคก้าวไกลลดเพดานเกี่ยวกับมิติด้านความมั่นคง และประกาศเป็นสัตยาบันต่อสังคมให้ชัดเจน อยู่ในความประนีประนอมต่อสังคม ส.ว.ก็ไม่ติดใจ แต่ที่ประกาศแก้มาตรา 112 แก้รัฐธรรมนูญ หมวด 1 หมวด 2 จะกระทบต่อปัญหาของประเทศในอนาคต กลายเป็นจุดชนวนความขัดแย้ง สุ่มเสี่ยงจะเกิดวิกฤติในประเทศ หรือเป็นมิคสัญญี อย่าไปเคลมว่ามี 14 ล้านเสียงสนับสนุน ที่ส่วนใหญ่สนับสนุนเลือกพรรคก้าวไกลก็ไม่เกี่ยวข้องกับประเทศล่อแหลม เพราะเขาไม่ต้องการเกณฑ์ทหารบ้าง อยากได้ค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทบ้าง อยากได้รัฐสวัสดิการบ้าง โดยไม่รู้ว่ารัฐสวัสดิการแต่ละคนต้องเสียภาษีรายได้สูงมาก และยังมีประชาชนที่ไม่เลือกอีกเป็นจำนวนมากกว่า ดังนั้น พรรคก้าวไกลจะได้คะแนนจาก ส.ว.หรือไม่ อยู่ที่การลดเพดานนโยบายมั่นคง เชื่อว่าพอไปได้ แต่การล็อบบี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เจรจาแล้วหวังได้รับการสนับสนุน ไม่ใช่

ยั่วมากัน 100 ม็อบก็กดดันไม่ได้

เมื่อถามมีม็อบมากดดันในวันที่ประชุมรัฐสภาโหวตเลือกนายกฯเป็นตัวแปรให้ ส.ว.เปลี่ยนใจสนับสนุนนายพิธาได้หรือไม่ นายสมชายตอบว่า ไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะมันมีปฏิกิริยา 2 ข้างในยามเกิดม็อบ แทนที่ ส.ว.มีอิสระที่เขาอาจชื่นชม ชื่นชอบนายพิธา อาจมีปฏิกิริยาสะท้อนกลับไปอีกแบบ เวลาไปกดดัน ข่มขู่ คนอาจสู้ไม่ยอมโหวตให้ก็ได้ ขณะที่ ส.ว.คนที่ไม่โหวตให้ ต่อให้ 10 ม็อบ 100 ม็อบ เขาผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก เขาไม่กลัวม็อบหรอก มันไม่มีผล อย่ามาดีกว่าไม่มีประโยชน์ จะไปอ้างว่าเป็นแฟนคลับไม่เกี่ยวกับพรรคก้าวไกล เวลาเดิน 2 ขาหลอก ขาหนึ่งเดินในสภา ขาสองเดินผ่านม็อบ ทำแบบนี้บ่อยๆทำไมจะไม่รู้ อยู่ในการเมืองมาก็เห็นทุกสีที่ใช้การเมืองทั้งในสภาและนอกสภา ทำมาตลอด ดูปุ๊บก็รู้ว่าใครเป็นใคร ใครเป็นเจ้าของม็อบ

ตั้งกำแพงความมั่นคงขวางคลอง

เมื่อถามย้ำว่า ถึงวันนี้นายพิธามีโอกาสน้อยที่จะผ่านด่าน ส.ว. นายสมชายตอบว่า โอกาสน้อยมาก นายพิธายังมีเวลาแก้ไขให้สัตยาบัน ไม่เดินหน้านโยบายที่กระทบต่อมิติมั่นคง ในส่วนของ ส.ว.ดูเพียงคุณสมบัติ 4 บวก 1 คือ ซื่อสัตย์สุจริต มีวิสัยทัศน์ สร้างแรงบันดาล รอบรู้ และดูปัจจัยแวดล้อมด้านความมั่นคง นำประเทศไปได้ อันนี้โหวตให้เลย ใครจะขึ้นมาเป็นนายกฯเราไม่ติดใจ ส่วนกรณีการถือหุ้นไอทีวี หรืออาจเกิดนิติกรรมอำพรางที่โอนหุ้นออกไป อาจเข้าข่ายรู้อยู่แล้วหุ้นนั้นถือครองไม่ได้ คุณสมบัติ ส.ส. เป็นหน้าที่และอำนาจของ กกต. และศาลรัฐธรรมนูญ ที่นายพิธาต้องไปต่อสู้เอาเอง

“ธรรมนัส” ยัน พปชร.ไม่ลงชิง

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา แกนนำพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงแนวทางการโหวตเลือกประธานสภาฯว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค พปชร. กำชับให้ ส.ส.ดูหน้างานในวันโหวตเลือกประธานสภาฯวันที่ 4 ก.ค. ยืนยันว่าพรรค พปชร.จะไม่เสนอชื่อใครลงชิง มีแต่ข่าวลือ แต่เราจะดูว่าพรรคที่เสนอชื่อมีบุคคลใดเหมาะสม แล้วฟังสัญญาณจากหัวหน้าพรรค ส.ส.ทั้ง 40 คนจะโหวตไปในทิศทางเดียวกัน ตามนโยบายที่หัวหน้าพรรคให้ไว้เป็นฉันทามติ ในการปฐมนิเทศ ส.ส.พรรควันที่ 2 ก.ค. จะมีการพูดคุยเรื่องโหวตประธานสภาฯด้วย เมื่อถามว่าบอกได้เลยหรือไม่ว่าจะไม่โหวตให้คนของพรรคก้าวไกล ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ขอดูสถานการณ์วันที่ 4 ก.ค. ก่อน เมื่อถามว่ามีกระแสข่าว พล.อ.ประวิตรมีโอกาสเป็นนายกฯ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ยังไม่ได้พูดคุยถึงจุดนั้น คุยเพียงว่าวันที่ 4 ก.ค. เลือกประธานสภาฯอย่างไร แต่การโหวตเลือกนายกฯจะเป็นนโยบายของพรรคเลยว่าจะเลือกใคร

“จตุพร” ชี้ พท.ยึดประธานสภาฯ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยยอมยกตำแหน่งประธานสภาฯให้พรรคก้าวไกล แลกกับการให้พรรคก้าวไกลอยู่ช่วยสนับสนุนพรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ ในกรณีที่ชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ผ่านความเห็นชอบว่า ฟังดูแล้วเป็นเรื่องเท็จมาตั้งแต่ต้น พรรคเพื่อไทยพูดกลับไปกลับมาเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ 3 ครั้งแล้ว รอบนี้ใช้เป็นแหล่งข่าวพูดจากเดิมที่ใช้ตัวบุคคลยืนยันข่าว ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะมีสูตรใดออกมา ตำแหน่งประธานสภาฯยังตกเป็นของนายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ถ้าพรรคเพื่อไทยบริสุทธิ์ใจไม่รับตำแหน่งจริง ต้องนำนายสุชาติมาแถลงประกาศไม่รับตำแหน่งดังกล่าว ลายแทงทางการเมือง ถ้าได้นายสุชาติเป็นประธานสภาฯ จะได้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. เป็นนายกฯ ส่วนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯทิพย์มาตั้งแต่ต้น

ฉีกถุงแยกคู่เพื่อไทย–ก้าวไกล

นายจตุพรกล่าวว่า การที่พรรคเพื่อไทยจะยกตำแหน่งประธานสภาฯให้พรรคก้าวไกล เพื่อมัดใจให้ช่วยสนับสนุนพรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ ถ้านายพิธาเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองเป็นไปไม่ได้ ตราบใดที่พรรคเพื่อไทยยังจับมือพรรคก้าวไกล ไม่มีทางที่ ส.ว.จะโหวตให้พรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ ยังคงมีเสียงอยู่แค่ 312 เสียง ไม่ได้เสียงจาก ส.ว.เพิ่ม จะไปเอาคะแนน ส.ว.จากไหน เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นคนแต่งตั้ง ส.ว. สุดท้ายติดกับดักเดียวกัน ถ้ายังกระเตงพรรคก้าวไกลต่อไปไม่มีทางได้เป็นนายกฯ ยกเว้นพรรคเพื่อไทยข้ามห้วยไปตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ แต่สูตรนี้ต้องไม่มีพรรคก้าวไกล สูตรนี้คงไปในนามพรรคลำบาก อาจเกิดปรากฏการณ์งูเห่าลอตใหญ่ชนิดที่เสาวภาแตก ในที่สุดพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลต้องแตกกันในวันโหวตประธานสภาฯ 4 ก.ค.นี้ ทุกวันนี้ก็อยู่แบบคลุมถุงชน เพราะไม่ได้อยากอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ต้น

ทำนายจุดจบเหมือน 22 พ.ค.57

นายจตุพรกล่าวว่า หากพรรคก้าวไกลไม่ได้ทั้งตำแหน่งประธานสภาฯ และนายกฯ บรรดาด้อมส้มต้องลงถนน ไม่แน่ใจว่าวันโหวตเลือกนายกฯ ส.ส.และ ส.ว.จะเข้าสภาฯไปโหวตได้หรือไม่ หรือวันแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา อาจเกิดความวุ่นวายขึ้นได้ เชื่อว่าสถานการณ์หลังจากนี้จะวุ่นวาย เพราะมวลชนพรรคก้าวไกลผิดหวังสุดขีด จะลงถนน อาจเกิดเหตุเผชิญหน้ากับมวลชนอีกกลุ่ม สถานการณ์ที่มีจุดเริ่มจากตำแหน่งประธานสภาฯ อาจทำให้ปลายทางสิ้นสุดเหมือนวันที่ 22 พ.ค.2557

“ขิง” ยืนยัน “พีระพันธุ์” คิดดีแล้ว

ด้านนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ทวีตข้อความลงทวิตเตอร์ กรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ สละตำแหน่ง ส.ส.ว่า “ไม่ต้องตกใจกับการที่นายพีระพันธุ์เลือกสละตำแหน่ง ส.ส. เพื่ออยู่ช่วยท่านนายกฯต่อ นายพีระพันธุ์เป็นคนรอบคอบ ตัดสินใจดีแล้วว่ายังมีภารกิจสำคัญในช่วงนี้ที่ต้องอยู่ช่วยลุงตู่ ในฐานะเลขาธิการนายกฯต่อไป และนายพีระพันธุ์ยังเป็นหัวหน้าพรรค ส่วนลำดับ ส.ส.บัญชีรายชื่อจะขยับนายอนุชา บูรพชัยศรี ขึ้นมาแทนที่”

รทสช.ได้ทีขย่ม ส.ส.ทำร้ายผู้หญิง

อีกเรื่อง นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีนำสมาชิกพรรครทสช.ร่วมรณรงค์แคมเปญ “หยุดทำร้ายผู้หญิง” “STOP VIOLENCE AGAINST WOMEN” จากเหตุการณ์ ส.ส.ทำร้ายผู้หญิงว่า ออกแคมเปญรณรงค์ดังกล่าวเพราะเห็นข่าวแล้วรู้สึกไม่สบายใจ เนื่องจากผู้กระทำการเป็น ส.ส. กลัวเรื่องจะเงียบหายไป จึงได้ออกมาแสดงจุดยืน และเห็นว่าเจ้าตัวได้ออกมาแสดงตัวเพื่อเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย จึงต้องติดตามดูต่อไป เรื่องการคุกคามทางเพศ การใช้กำลังความรุนแรงกับสตรี หรือเพศใดก็ตามทุกพรรคสามารถแสดงจุดยืนร่วมกัน พรรค รทสช.ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เราแค่ต้องการแสดงจุดยืนให้สังคมติดตาม ไม่ให้เรื่องเงียบ คนที่ดำรงตำแหน่งเป็น ส.ส.ต้องมีจริยธรรมเหนือเกณฑ์ทั่วไป การแสดงความรับผิดชอบเป็นสิ่งจำเป็นมาก

จี้ต้นสังกัดแสดงความรับผิดชอบ

นางรัดเกล้า สุวรรณคีรี รองโฆษกพรรค รทสช. กล่าวว่า ที่ผ่านมาสังคมเคยเห็นว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์กับพรรคต้นสังกัดของ ส.ส.ที่ทำร้ายผู้หญิง มีการดำเนิน การตามมาตรการ ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.เมาแล้วขับหรือ กรณีการล่วงละเมิดทางเพศ ต้องตั้งคำถามว่าในกรณีนี้ทำไมจึงไม่มีการดำเนินการอะไร หรือเป็นเพราะว่ากรณีนี้เป็น ส.ส.เขต อาจทำให้ต้องเลือกตั้งใหม่แล้วกลัวว่าครั้งหน้าจะไม่ชนะหรือไม่ จึงยังไม่เห็นการแสดงความรับผิดชอบอะไรจากทางพรรค และเห็นว่า ส.ส.ดังกล่าวไม่มีคุณภาพเพียงพอที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในสภาฯ ทำงานให้กับประชาชน มีคนบอกว่าเราหิวแสง แต่จุดประสงค์เราคือการแสดงจุดยืนเรื่องความเท่าเทียมของบุคคลทุกกลุ่ม แต่มีความพยายามเบี่ยงเบนประเด็นสร้างกระแสเรื่องอื่น เช่น การไปดูวอลเลย์บอล เหมือนพยายามจะกลบเกลื่อนเรื่องนี้

ปชป.ปัดไม่มีดีลลับสลับขั้ว

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการกำหนดแนวทางการเลือกตัวประธานสภาผู้แทน ราษฎรว่าในพรรคยังไม่มีการพูดคุยลงลึกในรายละเอียด เพราะยังไม่มีความชัดเจนเรื่องตัวบุคคลที่จะเสนอชื่อ การประชุม ส.ส.ของพรรคนัดแรกอาจมีการหารือเบื้องต้น แต่ไม่สามารถยืนยันได้ เช่นเดียวกับการเข้าร่วมรัฐบาล ต้องใช้มติของที่ประชุมร่วมกันระหว่างกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส. แต่การเลือกประธานสภาฯจะฟังเสียง ส.ส. 25 คนเป็นหลัก คาดว่าน่าจะมีความชัดเจนเช้าวันที่ 4 ก.ค. “พรรคไม่มีการดีลลับในการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคใด แต่ยอมรับว่าเป็นเรื่องปกติที่จะมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนสถานการณ์ทางการเมืองกับนักการเมืองต่างพรรค ขอให้รอฟังมติที่ประชุมร่วมกันระหว่างกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.ของพรรคก่อน”

โผล่ชื่อ “จ้อน–ชาย–เดียร์” ลงชิง

นายราเมศกล่าวต่อว่า ส่วนการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี 2566 เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่และหัวหน้าพรรคคนใหม่ ในวันที่ 9 ก.ค. มีความพร้อมในทุกด้าน ขณะนี้มีนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค ที่ประกาศเสนอตัวลงชิง ส่วนคนอื่นยังไม่มีการประกาศตัวอย่างเป็นทางการ รวมถึงกรณีมีชื่อนายเดชอิศม์ ขาวทอง หรือ “นายกฯชาย” รองหัวหน้าพรรค ส่วนกระแสข่าวว่าจะมีการแข่งขันระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค กับนายเดชอิศม์นั้น ยืนยันว่ายังไม่ทราบตัวบุคคลว่าสุดท้ายจะมีใครลงแข่งขันบ้าง เมื่อถามว่า หาก น.ส.วทันยา บุนนาค หรือมาดามเดียร์ จะลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ต้องขอมติยกเว้นข้อบังคับพรรคหรือไม่ นายราเมศตอบว่า ข้อบังคับพรรคเขียนไว้ค่อนข้างชัดว่าต้องเคยเป็น ส.ส. หรือสมาชิกพรรคไม่น้อยกว่า 5 ปี และใช้เสียงรับรองขององค์ประชุม 3 ใน 4 รับรอง ยังไม่ทราบว่า น.ส.วทันยาจะลงสมัครด้วยหรือไม่

เข้าร่วมรัฐบาลต้องใช้มติพรรค

เมื่อถามว่าการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่จะมีผลต่อการเข้าร่วมรัฐบาลด้วยใช่หรือไม่ นายราเมศตอบว่า การจะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ ต้องเป็นไปตามมติของกรรมการบริหารและ ส.ส.พรรค ในการเลือก กก.บห.ชุดใหม่ มีกระบวนการขั้นตอนตามระเบียบข้อบังคับพรรค โดยเฉพาะข้อที่ 31 (6) ที่ระบุว่าหากเป็นสมาชิกพรรคไม่ครบ 5 ปี ต้องใช้มติรับรอง 3 ใน 4 ขององค์ประชุม หรือ 282 คนจากองค์ประชุม 374 คน ส่วนการเลือกหัวหน้าพรรค ถ้าคุณสมบัติเป็นสมาชิกไม่ครบ 5 ปี ต้องขอมติที่ประชุมรับรองโดยไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง หรือ 187 เสียง จาก 374 เสียง

“เสี่ยต่อ” ย้ำปฏิวัติใหญ่ ปชป.

วันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊กทางการของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความว่า “ไม่ใช่แค่เปลี่ยน...แต่เราต้องปฏิวัติทั้งระบบ!! ทั้งทางความคิดและวิธีทำให้พัฒนาทันยุคสมัยของโลก เริ่มจากฏิวัติทางความคิดให้เป็นสากลแต่เหมาะสมกับความเป็นไทย สร้างพื้นที่ให้มาแสดงความคิด โดยเน้นการทำงานได้จริง เน้นบ้า กล้าฉีกกรอบองค์กร สังคมได้ประโยชน์ ฟังให้มากไม่ต้องอวดเก่งทุกเรื่อง กล้ายอมรับความผิดพลาดและหาทางแก้ไขปรับปรุง ปฏิวัติวิธีทำ เน้นให้คนทำงานมีส่วนร่วม ทำงานให้สนุก หัวเราะให้เสียงดัง แบ่งกรอบความรับผิดชอบให้ชัด และจำไว้ว่าไม่ต้องทำเองทุกเรื่อง เพราะบางเรื่องต้องมอบให้คนที่เก่งเฉพาะด้านเข้ามาทำงาน สร้างเครือข่าย ทั้งภายใน-ภายนอก ทั้งรุ่นเล็ก-รุ่นใหญ่ เน้นการ “ส่งเสริมสนับสนุน” ไม่ใช่ “เตะตัดขา” มีมารยาท การจะวางกรอบความคิดหรือวิธีทำ ต้องมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง ตั้งแต่การวางแผน การเก็บข้อมูล การสื่อสาร การลงมือทำ การสรุปผล เพื่อให้เกิดความเร็วโปร่งใส ติดตามได้ ตรวจสอบย้อนกลับได้ หากเราไม่ “ปฏิวัติตัวเอง” โลกก็จะ “ปฏิวัติเรา” พร้อมติดแฮชแท็ก #เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ #ปฏิวัติความคิด #ปฏิวัติวิธีทำ #เน้นประโยชน์ของชาติและประชาชน #กล้าและบ้าฉีกกรอบ #แต่มีมารยาท #คำไหนคำนั้น”