“พล.อ.ประยุทธ์” ขอบคุณความร่วมมือพา “ช้างพลายศักดิ์สุรินทร์” ออกจากศรีลังกากลับไทย 2 ก.ค. นี้ กำชับดูแลใกล้ชิด ด้านโฆษกรัฐบาล ชวนประชาชนร่วมส่งกำลังใจ

วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการพาช้างพลายศักดิ์สุรินทร์ กลับสู่ยังมาตุภูมิ หลังจากที่ได้ไปทำหน้าที่ทูตสันถวไมตรีที่ประเทศศรีลังกา ตั้งแต่ปี 2544 พร้อมกำชับให้ดูแลใกล้ชิด และขอบคุณหน่วยงานต่างๆ ที่ร่วมมือการดำเนินการครั้งนี้ 

พลายศักดิ์สุรินทร์
พลายศักดิ์สุรินทร์

โฆษกรัฐบาล ระบุต่อไปว่า หน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้องได้เตรียมพร้อมในการฝึกพลายศักดิ์สุรินทร์ ให้คุ้นชินกับการขนย้าย เช่น ฝึกให้คุ้นเคยกับกรงที่ใช้ในการขนย้าย เสียงดังของเครื่องบิน และได้รักษาพยาบาลอาการบาดเจ็บในเบื้องต้น โดยมีกำหนดออกเดินทางจากประเทศศรีลังกาในวันที่ 2 กรกฎาคม 2566 เวลา 07.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น (เวลาท้องถิ่นศรีลังกาช้ากว่าไทยประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง) ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง เนื่องจากต้องใช้เพดานบินและความเร็วต่ำ โดยพลายศักดิ์สุรินทร์จะอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสัตวแพทย์และควาญช้าง 

...

ทั้งนี้ เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว จะเคลื่อนย้ายพลายศักดิ์สุรินทร์ ไปยังสถานคชบาลในพระอุปถัมภ์ฯ (ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย) จังหวัดลำปาง เพื่อเฝ้าระวังและสังเกตอาการเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 30 วัน ภายใต้ระเบียบการควบคุมโรคระบาดสัตว์ กรมปศุสัตว์ ป้องกันโรคติดต่อบางชนิดและให้การรักษาควบคู่ไปด้วย ฟื้นฟูสุขภาพและสร้างความคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยอีกครั้ง ในการนี้สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ ได้จัดให้มีการไลฟ์ผ่านทางแฟนเพจ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง The Thai Elephant Conservation Center Lampang

“นายกรัฐมนตรี กำชับให้ดูแลพลายศักดิ์สุรินทร์ กลับประเทศไทยอย่างใกล้ชิด พร้อมขอบคุณความร่วมมือร่วมใจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการดำเนินการที่เป็นระบบในการพาพลายศักดิ์สุรินทร์ กลับไทย ขอเชิญชวนประชาชนคนไทย ร่วมส่งกำลังใจให้กับพลายศักด์สุรินทร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้สามารถนำพลายศักดิ์สุรินทร์กลับมายังประเทศไทยอย่างปลอดภัย เพื่อฟื้นฟูรักษาสุขภาพและรักษาอาการบาดเจ็บต่อไป”