ตู่ จตุพร พรหมพันธุ์ เล่าจากปาก เชื่อหรือไม่เชื่อขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละบุคคล เบื้องหลังเหตุการณ์ปฏิวัติ 2557 การรัฐประหารที่ยาวนานของประเทศไทย ใครอยู่เปิดประตูให้ทหารยึด เล่าที่แรก 

*เราคัดลอกบทสัมภาษณ์คำต่อคำจากปากคุณจตุพร โดยไม่ตัดเสริมเติมแต่งแต่อย่างใด

"ตอนนั้นผมเป็นประธาน นปช. เป็นผู้นำในการต่อสู้ที่ถนนอักษะ ผมรับผิดชอบหน้าที่ในการชุมนุม เรื่องเวที เรื่องคนมาชุมนุม ต้องใช้ระบบขนคนหมุนเวียนจากต่างจังหวัด ตอนเย็นจึงจะมาคนในกรุงเทพฯ เข้ามาแล้วกลับบ้าน ซึ่งนายกฯ ทักษิณรับผิดชอบในเรื่องนี้

ในเช้าวันที่ 21 พฤษภาคม 2557 คนจาก 30,000 คนเหลือเพียงหลักร้อย มีน้องในคณะ 3 ป. ไปอยู่กับนายกฯ ทักษิณ เพราะว่าถ้าคนยังอยู่ที่อักษะ ในจำนวนเป็นหมื่นเหมือนเดิม ตอนเย็นมาเป็นแสนคน การยึดอำนาจก็จะไม่เกิดขึ้นอย่างง่ายดาย แต่เพราะมีการสมคบคิดกัน เหตุการณ์แบบนี้มีคนทำได้คนเดียวคือ นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร

ตอนที่ปฏิวัติแล้ว เรียกตัวเข้าห้องแล้ว ผมได้มีโอกาสพูดกัน 3 คนสุดท้ายก่อนการยึดอำนาจ มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายสุเทพ เทือกสุบรรณและผม พลเอกประยุทธ์บอกว่าผมของยึดอำนาจตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณสุเทพ เทือกสุบรรณนั่งเยื้องกับผม ก็ทำท่าว่าไม่ทันแล้ว

...

หลังจากนั้นก็ถูกนำตัวออกไป ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ โดนเป็นคนแรก ซึ่งถ้าผมไม่ได้ทะเลาะกับคุณทักษิณ ผมก็ไม่พูด ผมก็กลืนเลือดไป ผมเจ็บมากนะ เพราะมันคือการยึดอำนาจและไปกระทำการโดยเราอยู่ในสนามรบ ผมต้องรับผิดชอบชีวิตผู้คน แล้วคุณไปเจรจากับผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น แต่ผมก็รู้แล้วว่า เราทำได้แค่ยื้อเวลา ก็ยื้อได้ 2 วันเท่านั้น

ผมไม่มีเหตุผลที่ผมต้องไปใส่ร้ายเขา ถ้าผมพูดไม่จริงป่านนี้คงเรียงหน้ามาถลกหนังผมแดงเถือกแล้ว เมื่อเรานำการต่อสู้ เราถูกทรยศหักหลังซึ่งหน้าแบบนั้น เราเจ็บปวด แต่เรารู้ว่าถ้าเราพูดขณะนั้น คนเจ็บปวดที่สุดคือประชาชน

ณ วันนั้นผมโกรธทั้งคนเปิดประตูให้ยึดกับคนยึด มันควรโกรธ ถ้าไม่เปิดประตูให้ยึด มันก็ไม่ง่ายหรอก แต่เพราะว่ามันสมคบสยบยอม โดนไม่บอกความจริงกับประชาชน นี่เป็นข้อเท็จจริงในมุมของผมซึ่งผมไม่มีเหตุอะไรที่ต้องไปใส่ร้าย"

และยังมีความจริงหลังการรัฐประหาร แกนนำการประท้วงถูกจับ ถุงคลุมหัว และคำสั่งเสียหากตาย ฟังเต็มๆ ในคลิป...