ชวน หลีกภัย ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ปชป. ในฐานะ อดีตประธานรัฐสภา มอง ปมขัดแย้ง แย่ง "ประธานสภา" เหตุพรรค อันดับ 1-2 "ก้าวไกล-เพื่อไทย" อยู่ฝ่ายเดียวกัน เชื่อทุกคนให้ความร่วมมือ ไม่ว่า ประธานสภา มาจากฝ่ายใด แม้พรรษามากน้อยก็ไม่เกี่ยว

วันที่ 23 มิ.ย. 2566 นายชวน หลีกภัย ในฐานะ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้ารายงานตัวเป็น ส.ส. ต่อรัฐสภา พร้อมได้ตอบคำถามกับสื่อมวลชนถึงความไม่ลงตัวของตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ว่า คงไม่น่ามีปัญหา หรือความวุ่นวาย โดยทั่วไปแล้วการจัดตั้งรัฐบาล พรรคที่เป็นเสียงข้างมากและเสียงข้างน้อย จะอยู่คนละฝ่ายกัน แต่คราวนี้ พรรคที่ได้คะแนนอันดับ 1 และอันดับ 2 อยู่ฝั่งเดียวกัน จึงมีปัญหาเรื่องการแย่งตำแหน่ง

นายชวน ยังยืนยันว่า ไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบในการบริหารกฎหมาย เพราะประธานต้องเป็นกลาง เว้นแต่ประธานบางคนในอดีตที่มีปัญหาเนื่องจากฟังคำสั่งของรัฐบาลให้ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

...

เมื่อถามว่า ความกังวลของพรรคก้าวไกล คือ กลัวประธานสภา จะไม่บรรจุวาระการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นายชวน ชี้แจงว่า หน้าที่ส่วนนี้ เป็นของนายสุชาติ ตันเจริญ อดีตรองประธานสภาคนที่ 1 เป็นผู้พิจารณาเรื่องระเบียบวาระ ซึ่งคราวนั้น มีความเห็นว่า ร่างแก้ไขดังกล่าว อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 จึงส่งคืนกลับไปให้แก้ไข แต่ผู้เสนอญัตติไม่ได้แก้ จึงไม่ได้บรรจุ ซึ่งตนก็เห็นว่า นายสุชาติ วินิจฉัยได้รอบคอบ นั่นเป็นกฎหมายเพียงฉบับเดียว แต่กฎหมายฉบับอื่นไม่มีปัญหา แม้จะเป็นกฎหมายจากภาคประชาชน สภาก็ดูแลอย่างดี และเร่งรัดด้วยซ้ำไป

นายชวน ยังมองถึงการทำหน้าที่ของประธานสภา หากมาจากพรรคก้าวไกล ว่า ยังพูดไปก่อนไม่ได้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐสภา ว่า จะผลักดันการแก้ไข มาตรา 112 ได้หรือไม่ และต้องดูว่า ผู้ใดเป็นคนเสนอมา หากรัฐบาลเป็นผู้เสนอ สภาก็จะพิจารณา เพราะรัฐบาลต้องใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือบริหาร

เมื่อถามถึง ความพร้อมการทำหน้าที่ประธานสภา ระหว่างคนรุ่นเก่า และคนรุ่นใหม่ นายชวน กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องให้ความร่วมมือ ช่วยประธานสภาทำงาน เพราะเหนือสิ่งอื่นใดคือการรักษาระบบ ฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ เชื่อว่า ทุกคนจะให้ความร่วมมือ

กรณีการเสนอคนนอกพรรคเป็นประธานสภา ตามมารยาทของที่ประชุม นายชวน ระบุว่า เมื่อการเลือกตั้งปี 2562 พรรคประชาธิปัตย์ได้ตำแหน่งประธานสภา แม้จะได้ลำดับ 4-5 แต่มีการขอให้ตนรับตำแหน่งประธานสภา โดยไม่ตัดโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีออก ซึ่งในช่วงแรกตนปฏิเสธ แต่พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ไม่ได้เกี่ยง แต่ต้องยอมรับว่า คราวที่แล้วมีสมาชิกรุ่นใหม่เข้ามาเยอะ ที่ยังไม่คุ้นกับระเบียบกฎเกณฑ์ เราจึงต้องช่วยกันประคับประคองในฐานะประธานสภา และรองประธานสภา

"ผมคิดว่า ข้อขัดแย้งต่างๆ ไม่ใช่เรื่องหลัก แต่ที่สำคัญ คือต้องทำให้ระบบนิติบัญญัติ เดินต่อไปได้โดยปกติ เราผ่านประสบการณ์มา 4 ปี ได้รู้อะไรพอสมควร ต่อไปนี้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็คงจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ"

นายชวน ยังยืนยันว่า แม้จะมีสมาชิกใหม่เยอะ แต่สมาชิกก็ผ่านประสบการณ์มาแล้ว 4 ปี จึงไม่น่าจะมีปัญหา และไม่ว่าประธานสภา จะมาจากฝ่ายใด เชื่อว่าทุกคนจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี