“ตรีชฎา” เรียกร้อง “พล.อ.ประยุทธ์” ส่งมอบบ้านพักหลวงคืน เพราะไม่เหลือตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ต้องอยู่บ้านตัวเอง จ่ายภาษี ค่าน้ำ ค่าไฟ ในฐานะประชาชนเหมือนคนอื่นได้แล้ว

วันที่ 22 มิถุนายน 2566 นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากการสืบทอดระบอบคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไปสู่รัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนกำลังจะเกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ สั่งการให้ทีมงานเก็บของใช้ส่วนตัวบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล อาทิ พระพุทธรูป เอาไปไว้ที่บ้านพักหลวง อาจเป็นเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ทำใจไม่ได้ที่ตัวเองต้องลงจากอำนาจ ไม่สามารถอยู่ต่ออีก 2 ปี เพื่อทำสถิติการเป็นนายกรัฐมนตรีนาน 11 ปี  

นางสาวตรีชฎา กล่าวต่อไปว่า อยากจะถามดังๆ ไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ ว่าเมื่อไรจะได้ฤกษ์ย้ายออกจากบ้านพักหลวงของกองทัพบก กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ถนนวิภาวดีรังสิต เพราะถึงอย่างไรก็ไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีต่อได้แล้ว จะมาอ้างข้างๆ คูๆ แบบเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นไม่ได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการอ้างเพื่อความปลอดภัยของผู้นำประเทศ หรือผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศและส่วนรวม หมดเวลาการได้ประโยชน์จากพักอาศัยบ้านหลวง ไม่ต้องเสียค่าน้ำ ค่าไฟ และอื่นๆ ที่ล้วนนำมาจากภาษีของประชาชน ในขณะที่ประชาชนต้องทนทุกข์ทรมานจากค่าน้ำค่าไฟที่แพงในเวลานี้ 

รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ยังย้อนถาม พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยว่า จำได้หรือไม่ เมื่อ 3 ปีก่อน วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 เคยพูดกับสื่อมวลชนว่า “ปัญหาของผมคือ ผมเป็นนายกฯ มันมีปัญหาเรื่องการรักษาความปลอดภัย เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องมีสถานที่ที่เหมาะสมในเรื่องการรักษาความปลอดภัยในฐานะเป็นผู้นำประเทศและอื่นๆ อีกหลายๆ อย่าง แต่ผมก็เตรียมการไปอยู่บ้านของผมอยู่แล้ว” 

...

ทั้งนี้เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่าได้เตรียมการจะไปอยู่บ้านของตัวเอง จึงอยากรู้ว่าจะไปอยู่เมื่อไร เก็บข้าวของหรือยัง อย่าได้รอช้า แม้ตอนนี้จะเริ่มเก็บข้าวของส่วนตัวที่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว แต่ก็ควรเก็บข้าวของที่บ้านพักหลวงเพื่อขนย้ายออกไปอยู่บ้านของตัวเองหลังจากพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วย ก่อนจะทิ้งท้ายว่า

“ได้เวลาส่งมอบบ้านหลวงคืนแล้ว เพราะท่านไม่เหลือตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใดๆ แล้ว เหลือแต่ความเป็นประชาชนเท่าคนอื่น ต้องทำหน้าที่ประชาชน จ่ายภาษี อยู่บ้านตัวเอง จ่ายค่าน้ำค่าไฟ ในฐานะประชาชนเหมือนคนอื่นได้แล้ว”