อดีตนายกฯ “ยิ่งลักษณ์” เปิดใจครั้งแรก รับอยู่เมืองนอกแรกๆ ทรมาน คิดถึงบ้าน คิดถึงลูก ชม “ทักษิณ” อดทนมาก ใจสู้ เสียงสั่นน้ำตาคลอ บอกบ้านเกิดอย่างไรก็ต้องอยากกลับ ถ้าโชคชะตาลิขิต ยันไม่เคยติดต่อ “บิ๊กตู่” บอกโดนขนาดนี้ รับไม่ได้อยู่แล้ว ย้อนเล่าวันที่ม็อบกดดันหนัก เผยเป็นผู้หญิงคนไหนก็ร้องไห้ 

วันที่ 20 มิถุนายน 2566 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยครั้งเดียวและครั้งแรก แบบ Exclusive Talk ผ่านรายการคุยแหลก แดกดึก ของ มดดำ คชาภา ตันเจริญ ถึงลูกชาย น้องไปป์ ศุภเสกข์ อมรฉัตร ว่า ตนเองเป็นคนไม่หวงลูกชาย แต่ก็ขอให้อยู่ในสายตา ยอมรับใหม่ๆ ช่วงแรกๆ ที่มาอยู่ต่างประเทศ ไม่เจอลูก จะคิดถึงและโหยหา อีกทั้งต้องรอลูกมา 3 ปี กว่าลูกจะเรียนจบอินเตอร์ที่ไทยมาอยู่เมืองนอก เพื่อใช้เวลาด้วยกัน ถ้าตนเองไม่เดินทางไม่มีธุระ ก็จะไปอยู่กับลูกบ้าง เพื่อใช้เวลาตรงนั้นที่หายไปได้ชดเชย

นางสาวยิ่งลักษณ์ ยังยอมรับว่าใหม่ๆ จะเปิดกล้องวงจรปิดดูบ้านที่กรุงเทพฯ แต่ตอนนี้ก็ไม่มีแล้ว เพราะเมื่อเรามาอยู่อย่างนี้ก็ต้องไม่ยึดติด และบอกกับลูกว่าเวลาอยู่ที่ไหนก็ทำทุกที่ให้เป็นบ้านของเรา บ้านที่กรุงเทพฯ จำภาพได้หมด และบางมุมเราเคยเอาของไว้แล้วไม่อยู่ ถูกเปลี่ยนไป บางทีมันก็เจ็บปวด

“ลูกเคยทำ 3D รูปบ้านมาให้ แล้วมีรูปเขากับแม่อยู่ เราเห็นน้ำตาไหลเลย เขาบอกว่า เขาเอามาให้ เพราะแม่คิดถึงบ้านที่เมืองไทย ไปป์เลยทำรูปบ้านมาให้ น้ำตาไหลเลย ตอนหลังมาก็เลยพยายามลดๆ ความยึดติดตรงนี้ ก็ทำให้ชีวิตสงบขึ้นเยอะค่ะ” นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าว

นางสาวยิ่งลักษณ์ ยอมรับอีกว่าช่วงที่มาอยู่เมืองนอกใหม่ๆ เรื่องลูกยอมรับว่าทรมาน เพราะคิดว่าลูกจะมาอยู่ด้วย แต่เขาติดเรียน เพราะไม่อยากเสียการเรียนในการปรับตัว เพราะอีก 3 ปี ต้องเข้ามหาวิทยาลัย พอนั่งดูลูกซึม จึงคิดว่าอยากให้ลูกมีความสุข เราก็ยอมเจ็บปวดไป เพราะอะไรที่เป็นความสุขของลูกก็คือความสุขของแม่ ให้เขาอยู่ไทยและเราก็ตั้งตารอเขา ซึ่งลูกชายก็สัญญากับแม่ว่า ช่วงที่อยู่เมืองไทยจะเป็นเด็กดี และจะสอบเข้าโรงเรียนที่ดีๆ ให้ได้ แล้วเขาก็ทำได้

...

โดยตนเองมาอยู่เมืองนอก ประมาณ 5 ปีแล้ว พร้อมขอบคุณประชาชนคนไทยที่ยังคิดถึง ให้ความรักอยู่เสมอแม้จากบ้านมาหลายปี ถือเป็นความภูมิใจ ที่เป็นน้ำหล่อเลี้ยงชีวิต ส่วนการขึ้นค่าแรง 300 บาท ตอนนั้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่กันไป โดยไม่ผลักภาระให้ผู้ประกอบการ

เมื่อถามว่าถ้าเป็นนายกฯ อยู่จะทำอะไร นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นนายกฯ อยู่ ก็คงจะดึงศักยภาพของแต่ละจังหวัดมาเป็น Solf power เพราะไปมาแล้วทุกจังหวัด จึงจะต้องคิดยุทธศาสตร์ของแต่ละจังหวัดเพื่อต่อยอด รวมถึงเรื่องรถไฟความเร็วสูง และการบริหารจัดการน้ำด้วย 

“มันก็เจ็บปวด ที่พี่น้องเห็นรถไฟความเร็วสูงไปลาวแล้ว แต่ของไทยยังไม่มี เสียดายโอกาสนั้น หวังว่ารัฐบาลใหม่จะต่อยอด ก็เอาใจช่วย” นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าว

นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวอีกว่า เคยถามนายทักษิณ ชินวัตร พี่ชายและอดีตนายกรัฐมนตรี ว่า การมาอยู่เมืองนอกอย่างนี้ จากที่เคยทำงานหามรุ่งหามค่ำทั้งวัน วันๆ ทำอะไรบ้าง เพราะตอนแรกยังปรับตัวไม่ได้ ก็ยังฟุ้งซ่าน พอปรับตัวได้ก็ให้เวลากับตัวเองมากขึ้น เช่น ออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพ เพื่อลูก และคนที่เรารัก รวมถึงใช้โอกาสพบปะคนที่มาเยี่ยม เติมเต็มความรู้ และมองหาอะไรทำเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ตนเองมีความสุข


เมื่อถามว่าเคยมีบ้างไหม พี่น้องมองหน้ากันแล้วน้ำตาไหล นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่ามันต้องมีเหตุการณ์ แต่นายทักษิณ เป็นคนอดทนมาก ใจสู้ ไม่เคยท้อแท้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเรียนรู้จากเขา บางทีก็เห็นจากสีหน้าแววตา บางทีก็มากอดกัน แค่นี้ก็ทราบแล้ว แต่พยายามจะไม่เศร้าไม่ทุกข์ 

“มันไม่มีอะไรที่สุขสบายหรอกนะ บางทีเห็นเราหัวเราะมีความสุข ใช่ เพราะเราไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง เราก็เลยทำตัวให้มีความสุข แต่มุมหนึ่งของชีวิตมันมีอยู่แล้ว ความคิดถึงบ้าน พอเห็นอะไรมันก็จุกนิดหน่อย อย่างเช่น พี่ทักษิณ เห็นหลานครั้งแรก มันเป็นความรู้สึกที่ยากเกินจะบอก บางทีไปส่งลูกที่สนามบิน แค่เห็นหลังลูกไปจนมิด มันก็เป็นภาพนั้นนะ” นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าว

เมื่อถามว่าอยากกลับบ้านรึยัง นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวด้วยน้ำตาคลอว่า มันเป็นบ้านเกิดยังไงก็ต้องอยากกลับ ถ้าโชคชะตาลิขิตให้กลับ ก็จะต้องได้กลับ มีแค่นี้ เพราะบางทีคิดว่าอยากกลับบ้านมาก มันทรมาน ต้องคิดแค่ระดับนึงแล้วอยู่ให้ได้

“คือเราถ้าไม่พูด ก็คืออยู่ได้ มันคือการอยู่ลึกๆ ข้างใน แต่เราพยายามปรับตัว ไม่งั้นเราทรมาน ไม่งั้นตื่นขึ้นมาคิดถึงบ้าน คิดถึงลูก ทำไมเราไม่ได้กลับบ้าน มันทรมานค่ะ ก็เลยคิดว่าอย่างนี้ดีกว่า ปล่อยว่างระดับนึง ถามว่าคิดถึง คิดถึง แต่เราพยายามจะนิ่ง สงบ แล้วก็รอจังหวะเวลา” นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและน้ำตาคลอ

นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวอีกว่า ตนเองเล่น TikTok บางทีก็ตอบเอง ส่วนสไตล์การแต่งตัวจะชอบเรียบๆ มีสีสันได้ และยอมรับว่ากินช็อกโกแลตมิ้น ของ After Eight ส่วนที่อิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตรพูด ยังไม่เคยทาน

เมื่อถามถึงคลิปช่วงที่มีการชุมนุมกดดันให้ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แล้วตอบว่า ตอนนี้ถอยจนไม่รู้จะถอยอย่างไรแล้ว จนร้องไห้ ที่มีการแชร์กันมากในขณะนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ตอบว่า วันนั้นมันเป็นวันที่สุดๆ ที่เราพยายาม อะไรที่เป็นเงื่อนไขของความขัดแย้ง เราก็พยายามปลดให้ให้สิ่งที่ทำได้ แต่ก็ยังถูกไล่อย่างรุนแรง เราก็หนัก จึงรู้สึกว่าเราเป็นคนไทยด้วยกันไม่อยากให้คนไทยขับไล่กันอย่างนี้ มันอัดอั้น และรีบเดินหนี เพราะไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าคนอื่น และยอมรับว่าไปร้องที่อื่นต่อ 

“เชื่อว่าถ้าผู้หญิงหลายคนอยู่ในสถานการณ์นั้นก็คงร้องไห้ เพราะว่าก็พยายามเข้มแข็งที่สุดแล้ว แต่ว่ามันหนักจริงๆ วันนั้นเจอหนักจริงๆ แล้วก็เหมือนกับ คนขับพวงมาลัยอยู่ คุณอยากจะปล่อยแล้ว แต่คุณปล่อยไม่ได้ เพราะรถกำลังขับอยู่ คุณก็ต้องประคองให้รถมันไป ถึงแม้ว่าจะผ่านถนนลูกรังอย่างไรก็ตาม เราก็ต้องลุย จนวันนั้นต้องบอกไปว่า ดิฉันยอมตายในสนามประชาธิปไตย” นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าว

นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวอีกว่า จริงๆ ตอนนั้นเรายุบสภาแล้ว คิดว่าจะดำเนินการไปสู่การเลือกตั้ง แต่ผิดพลาด จนเกิดสุญญากาศทางการเมือง ยาวไปถึงการเกิดรัฐประหาร ซึ่งเราก็พยายามประคองให้ไปให้ถึงฝั่งที่สุดแล้ว พอเกิดปฏิวัติก็ไม่คิดว่าจะยาวนาน 8-9 ปี

เมื่อถามว่า เคยเจอหรือโทรหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีบางหรือไม่ นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า จะเจอได้อย่างไร โดนขนาดนี้ รับไม่ได้อยู่แล้ว ถ้ายิ่งพูดยิ่งยาว เพราะอารมณ์มันออก ตัวดิฉันชัดเจนอยู่แล้ว ไม่เอาอยู่แล้วเรื่องรัฐประหาร รับไม่ได้เพราะสิ่งนี้มันทำลายประเทศ

นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวด้วยว่า หลังเลือกตั้งไม่คิดว่าพรรคเพื่อไทยจะกลายเป็นพรรคอันดับ 2 เชื่อว่ามีการเปลี่ยนแปลงแนวความคิดของคนรุ่นใหม่ ในฐานะผู้ดู ก็ต้องยอมรับและดีใจที่พรรคเพื่อไทยสนับสนุนพรรคที่ได้ที่ 1 ให้จัดตั้งรัฐบาล ถือเป็นครรลองของประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ถือว่าพรรคเพื่อไทยตัดสินใจได้ถูกต้อง ยอมรับว่ายังห่วงบ้านเมืองไทย แต่ทำให้ฐานะผู้ดู 

ส่วนที่โซเชียลมีการขุดคลิปตนเองในอดีตขึ้นมา นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า คิดว่าเป็นเรื่องระยะเวลาที่ตกผลึกที่ทำให้คนคิดได้ และมองว่ารัฐประหารไม่น่าเกิดขึ้นอีกแล้ว

ทั้งนี้ยอมรับว่าตอนที่เป็นนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ซื้อชุดและเลือกชุดให้ แล้วส่งมาให้ จำไซส์ได้ แล้วถามว่าชอบไหม สวยไหม มันเหมือนมีอะไรคอนเนกกัน พร้อมโชว์กระเป๋าแบรนด์เนมที่นายทักษิณซื้อให้ เพราะบอกว่าเหมาะกับตนเอง ก่อนจะเปิดกระเป๋าให้ดูว่ามีอะไรบ้าง และยอมรับว่าเคยติดโควิดแล้ว แต่ไม่ข่าวดัง เพราะไม่ได้มีคลับเฮาส์ พร้อมหัวเราะ

นางสาวยิ่งลักษณ์ ระบุอีกว่า ถ้ามาแถวเอเชียส่วนใหญ่จะมากับพี่ชาย (ทักษิณ) มาเที่ยวและมาตรวจสุขภาพบ้าง และอะไรที่เป็นนวัตกรรมตนเองก็ชอบหมด