“อี้ แทนคุณ“ ชี้ก้าวไกล ตัดหาง “หยก” ปัดให้พ้นตัว ไร้สามัญสำนึกทางสิทธิมนุษยชนทั้งที่มีหลักฐานเชื่อมโยงปลุกยกเลิกใส่ชุดนักเรียน และมีนักการเมืองก้าวไกลเคลื่อนไหวสนับสนุน
วันที่ 18 มิถุนายน 2566 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พรรคก้าวไกลแถลงข่าวไม่เกี่ยวทั้งที่กรณี “หยก” สาเหตุมาจากนโยบายพรรคก้าวไกลที่พยายามปลุกปั่นให้ยกเลิกชุดนักเรียน เลิกวัฒนธรรมการเคารพครูบาอาจารย์ เลิกเคารพกฎกติกาที่ตนไม่ชอบ จน “หยก” จากเยาวชนบริสุทธิ์กลายเป็น “เหยื่อ” ของความเชื่ออย่างก้าวร้าวสุดโต่ง และเมื่อหยกพยายามทำตามสิ่งที่พรรคก้าวไกลได้ปลุกปั่นไว้ โดยมีว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกลออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุน ทั้งการไปถือป้ายที่หน้าโรงเรียนดังกล่าว รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นสนับสนุนอย่างเต็มที่ แต่พอสังคมสนับสนุนโรงเรียนให้ปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดและเท่าเทียมกัน โดยตนได้ฟังความคิดเห็นของผู้ปกครองในเรื่องการคงให้ใส่ชุดนักเรียนขึ้นกับความพร้อมแต่ละครอบครัว บางคนห่วงเรื่องความเหลื่อมล้ำ เพราะเด็กไทยชอบถูกเปรียบเทียบ อวดแข่งกันเรื่องยี่ห้อ เรื่องแบรนด์เนม (เห็นและได้ยินกับตัวเองเรื่องการแข่งกันเรื่องยี่ห้อรองเท้า เสื้อผ้า ฯลฯ) บางคนห่วงเรื่องความปลอดภัย จะแยกแยะอย่างไรคนไหนนักเรียนคนไหนคนนอกโรงเรียนที่เข้ามาปะปน หรือตอนออกนอกโรงเรียน บางคนห่วงเรื่องโฟกัส สมาธิต้องมาคิดทุกวันจะแต่งตัวยังไง ชุดจะซ้ำกันไหม จะมีรสนิยมไหม ตลกไหม สวยไหม อายเพื่อนไหม แมตช์กันไหม เพื่อนล้อไหม
พอหยกโดนสังคมตำหนิมากเข้า เรียกว่า “กระแสตีกลับ” จึงต้องกลับมาดูสิ่งที่พรรคก้าวไกลทำคือ การแถลงการณ์ว่าพรรคตนไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องของ “หยก” เหมือนกับคนมีความสัมพันธ์กันจนมีลูก พอมีลูก ลูกทำผิดตามที่พ่อแม่สอนมา คนเป็นพ่อแม่กลับตัดห้างทิ้ง และประกาศไม่ใช่ลูกตนเอง
...
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ในช่วงเลือกตั้ง พรรคก้าวไกลรณรงค์เรื่องนี้ และกำหนดเป็นนโยบายพรรคอย่างจริงจัง และมีการสนับสนุนแกนนำผู้ชุมนุมจนต่อเนื่องมาถึง การกระทำของ “หยก” ดังนั้นการกระทำของพรรคก้าวไกลจึงถือเป็นการกระทำที่ไร้สามัญสำนึก ไร้ความรับผิดชอบต่อเยาวชนและสังคม สะท้อนถึงการกระทำที่เป็นภัยคุกคามต่อสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพอย่างแท้จริง กล่าวคือ มีการปลุกปั่นหลอกลวงให้หลงเชื่อ และเมื่อเกิดผลกระทบต่อชีวิตเยาวชนที่หลงเชื่อ จนเป็นเหตุให้ละเมิดกฎหมายบ้านเมืองในหลายเรื่อง ทั้งมาตรา 112 และกฎหมายอื่นๆ อันจะกลายเป็นสาเหตุที่บ้านเมืองวุ่นวาย ครอบครัวแตกแยก เยาวชนก้าวร้าวรุนแรงสุดโต่ง โดยถือว่าสิ่งเหล่านี้คือส่วนขยายของลัทธิคลั่งเสรีภาพที่ก้าวร้าวแบบสุดโต่งนั่นเอง