หากเอ่ยถึงชื่อ "เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ" สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ถึงตอนนี้ คงเป็นที่สนใจของพี่น้องประชาชนอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะกลุ่มกองเชียร์ของพรรคก้าวไกล หรือที่เรียกกันในโซเชียลมีเดียว่า "ด้อมส้ม" เมื่อเป็นหนึ่งในผู้เปิดประเด็น เขย่า "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ว่าที่นายกฯ คนที่ 30 ของประเทศ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ปมถือหุ้นสื่อ itv
ประวัติ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คือใคร
ทั้งนี้ หากย้อนประวัติกลับไป ชื่อ "เรืองไกร" เป็นที่รู้จักเป็นครั้งแรก โดยเป็นข่าวในปี พ.ศ. 2549 ว่า กรมสรรพากรได้คืนเช็คให้แก่นายเรืองไกร แต่นายเรืองไกรไม่ได้ไปขึ้นเงิน เพราะนำไปเปรียบเทียบกับกรณีตระกูล "ชินวัตร" และ "ดามาพงศ์" ขายหุ้นกลุ่มบริษัทชินคอร์ปได้ ซึ่งนายเรืองไกร ซื้อหุ้นบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ต่อจากบิดาในราคา 10 บาท จากราคาตลาด 21 บาท ต้องเสียภาษี แต่กรณีของตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์กลับไม่ต้องเสียภาษี และนายเรืองไกร ยังได้ยื่นฟ้องร้องเรื่องการที่กรมสรรพากรกระทำการนี้ด้วยสองมาตรฐานอีกด้วย
...
จากกรณีนี้ทางฝ่ายพรรคไทยรักไทยและกลุ่มผู้สนับสนุน นายทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวหาว่า นายเรืองไกรมีความสนิทสนมกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งฝ่ายที่สนับสนุน นายทักษิณ ถือว่าเป็นบุคคลที่อยู่ตรงข้ามกับฝ่ายตน
หลังจากนั้น นายเรืองไกรได้สมัครลงเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร ในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2549 โดยได้หมายเลข 222 แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง
นายเรืองไกรได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภาในแบบสรรหา เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2551 ซึ่งนายเรืองไกรจัดอยู่ในกลุ่ม 40 ส.ว.
สมญาว่า “แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์” ล้ม "สมัคร สุนทรเวช" อดีตนายกฯ จากรายการ "ชิมไป บ่นไป"
จากนั้น ชื่อนายเรืองไกรโด่งดังอีกครั้ง เมื่อได้ยื่นฟ้องร้อง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กรณี จัดรายการโทรทัศน์ "ชิมไป บ่นไป" ทางช่อง 3 เป็นการผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ตัดสินให้นายสมัครพ้นจากตำแหน่ง
แต่ในกลางเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 นายเรืองไกร ที่เคยมีท่าทีว่าเป็นผู้ตรวจสอบ พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคพวกมาโดยตลอด กลับไปร่วมเสวนากับทางกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หลายต่อหลายครั้ง โดยเริ่มจากการเสวนาของกลุ่มกรุงเทพ 50 จนถูกตั้งข้อสงสัยถึงเรื่องจุดยืน
นายเรืองไกร ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 เขาได้สมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคเพื่อไทย
ภายหลังเหตุการณ์รัฐประหาร พ.ศ. 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 42/2557 เรียกนายเรืองไกร ให้ไปรายงานตัว ณ ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก เทเวศร์ เขาถูกทหารควบคุมตัวอีกครั้งในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 และออกจากมณฑลทหารบกที่ 11 ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2558
ในปี พ.ศ. 2561 เขาสมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ต่อมาหลังการเลือกตั้ง พ.ศ. 2562 เขาได้รับการแต่งตั้งเป็น เลขานุการคณะกรรมาธิการ ในปี พ.ศ. 2564 เรืองไกร สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ต่อมา มกราคม พ.ศ. 2565 เขาได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และกลับเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกใหม่อีกรอบเมื่อ ธันวาคม พ.ศ. 2565
ขณะที่ วันที่ 11 พ.ค. 2566 ชื่อ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้ง จากกรณียื่นคำร้องต่อ กกต. ให้ตรวจสอบนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล ในฐานะว่าที่นายกฯ คนที่ 30 มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) หรือไม่ เนื่องจากมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) 42,000 หุ้น
ก่อนหน้านี้ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” เจ้าพ่อนักร้องเรียนในตำนาน ทั้งยังเคยสวมบท “นักร้องเรียน” ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กรณีอาศัยบ้านพักทหาร เรื่องบัญชีทรัพย์สินของขุนพล 3 ป. พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในกรณีนาฬิกาหรู และ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กรณีจักรยาน ซึ่งเป็นนักปั่นจักรยานตัวยง
แต่ที่สุด “เรืองไกร” ก็เปลี่ยนเสื้อคลุม มาสวมเสื้อ พลังประชารัฐ ในฐานะสมาชิกพรรค ตามการเปิดเผยของ “วิรัช รัตนเศรษฐ” ประธานวิปรัฐบาล
ย้อนไทม์ไลน์การเมืองของ “เรืองไกร” เขาเป็นที่รู้จักในฐานะสมาชิกวุฒิสภาสายสรรหาชุดแรก คลอดจากรัฐธรรมนูญ 2550 มรดกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)
เคยมีข่าว “เรืองไกร” เป็นเด็กปั้นของ “คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา” อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) รุ่นเดียวกับ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่เกิดแตกคอกันภายหลัง เคยอยู่รวมกับกลุ่ม 40 ส.ว. ประกาศตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามพรรคพลังประชาชน พรรคนอมินีของ “ทักษิณ ชินวัตร”
“เรืองไกร” ได้รับสมญาว่า “แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์” ผลจากกรณี “ยักษ์ล้ม” ครั้งนั้น ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคพลังประชาชนมากมาย นายสมัครไม่ได้กลับมารับตำแหน่งนายกฯ ตามเดิม กลุ่มเพื่อนเนวินของ “เนวิน ชิดชอบ” ที่สนับสนุนนายสมัคร ก็ถูกลดบทบาท กระทั่งแยกตัวออกเป็นพรรคภูมิใจไทย จนถึงปัจจุบัน
ขณะในช่วงปี 2553 เขาตระเวนไปเวทีสัมมนาต่างๆ ของคนเสื้อแดงแทบทุกเวที 20 วันก่อน “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ประกาศยุบสภาเมื่อ 9 ธันวาคม 2556 “เรืองไกร” ปรากฏบนเวทีเสื้อแดงที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งเป็นเวทีต่อต้านการชุมนุมของ กปปส. นาทีนั้นเขาอยู่ท่ามกลางวงล้อมบรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทย แล้วเขาก็มีชื่ออยู่ใน 125 คน ปาร์ตี้ลิสต์พรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 ที่กลายเป็น “โมฆะ” ในเวลาต่อมา
ประวัติ "เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ"
เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เกิดวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2504 นักการเมืองและทนายความชาวไทย สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ อดีตสมาชิกวุฒิสภาของไทย ด้วยการสรรหา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
การศึกษา
เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นบุตรของนายสุขุม และนางจารุวรรณ ลีกิจวัฒนะ จบการศึกษามัธยมจากโรงเรียนบุรีรัมย์พิทยาคม ปริญญาตรีบริหารธุรกิจ (บัญชี) มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปริญญาโทบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชีวิตครอบครัวสมรสกับนางอโนทัย ลีกิจวัฒนะ มีบุตร 2 คน
ต้องจับตา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อีกคำรบ เขาจะสามารถทำปรากฏการณ์ได้อีกหรือไม่ ก็ต้องเฝ้าติดตามดูอย่างใกล้ชิด ซึ่งคราวนี้เขาอาจต้องเดิมพันด้วยชีวิตทางการเมืองอาจถึงขั้นติดคุกก็เป็นได้ ยิ่งเกิดกรณี รายงานในที่ประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี กับคลิปในที่ประชุมเกิดไม่ตรงกันขึ้นมา ทำให้พรรคก้าวไกล ขู่ฟ้องร้อง ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
งานนี้ห้ามกะพริบตา!
ผู้เขียน:เดชจิวยี่
กราฟิก:sathit chuephanngam