"สมชัย" อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเสรีรวมไทย ขอแยกทางพรรค บอก อยู่ไปก็อึดอัด เหตุออกสื่อวิจารณ์การเมืองเยอะ ขอทำหน้าที่นักวิชาการ หวังนั่ง สสร.แก้ รธน.ใหม่ ตัดเกรด กกต. 7 เต็ม 10 ขาดการสื่อสารกับประชาชน รับมอบ "พระพระธรรมวชิรสุธี" องค์สีแดง สายสีส้ม ไร้นัยยะทางการเมือง 

วันที่ 9 มิ.ย. 2566 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเสรีรวมไทย เปิดเผยว่า ได้ไปยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคเสรีรวมไทย เพราะหลังเลือกตั้งแล้วภารกิจเกี่ยวกับพรรคเสรีรวมไทย ก็เสร็จสิ้นลงแล้ว อีกทั้งการลาออกก็จะทำให้ตนสามารถให้ความเห็น หรือวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองของทุกฝ่ายได้อย่างเต็มที่ เพราะที่ผ่านมา เมื่อเป็นพรรคร่วมรัฐบาลการให้ความเห็นหรือวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองตรงไปตรงมาก็อาจจะส่งผลกระทบกับพรรคได้ ทั้งนี้ หลังจากลาออกแล้วก็ดำรงตำแหน่งทางวิชาการและให้ความเห็นทางการเมืองได้อย่างเต็มที่ ส่วนพรรคการเมือง ต่างๆ หากเห็นว่า ตนมีความสามารถและอยากให้ช่วยงานหรือปรึกษาหารืออะไร โดยเฉพาะเรื่องกฎหมายก็ยินดีให้ความร่วมมือ ให้คำปรึกษาได้

เมื่อถามย้ำว่า การลาออกนั้นเป็นเพราะน้อยใจหรือไม่สบายใจ กรณีมีการจัดตั้งรัฐบาลแล้วไม่ได้เชิญเราเข้าร่วมหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะตนไม่ได้ไปอยู่แล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ตนเกรงว่า ผู้สื่อข่าวจะไปตีความในเชิงการเมืองซึ่งความจริงไม่มีอะไร เป็นสิ่งที่ตนประสงค์ให้ตัวเองปลดจากการเมือง เพราะเวลาไปออกรายการต่างๆ ก็อึดอัดพอสมควร การเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคเสรีรวมไทย และบางครั้งพูดตามตรงที่เราวิจารณ์รัฐบาลปัจจุบันหลายเรื่อง หรือพูดข้อกฎหมายซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ตอนนี้อาจจะกลัวว่าจะเกิดความเข้าใจผิดกัน การลาออกจึงเป็นการแสดงจุดยืนที่ดีที่สุดแล้ว

...

ส่วนจะมีโอกาสกลับมาเป็นนักการเมืองอีกหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ในโอกาสอันใกล้นี้คงไม่มี เพราะว่าทำหน้าที่วิชาการเป็นหลัก แต่ถ้าถามเรื่องความสนใจ คือ สนใจเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เพราะเห็นว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีปัญหาเยอะพอสมควร หลายมาตรา หลายเรื่อง และตนรู้จักอ่อน รู้ปัญหา ถ้าตนมีโอกาสเข้าไปเป็น สสร. ก็อาจจะสนใจตรงส่วนนั้น ก็จะทำให้อย่างน้อยที่สุดกติกาของบ้านเมืองจะเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ส่วนรู้สึกเสียดายหรือไม่ หากยังอยู่ที่พรรคเสรีรวมไทย อาจจะมีโอกาสที่จะเป็นกรรมาธิการชุดต่างๆ ได้ นายสมชัย กล่าวว่า ไม่ เพราะตัวเราคือตัวเราเอง ถ้าหากว่าเราเป็นตัวเองแบบนี้ ใครเห็นคุณค่าเรา อยากใช้เรา ดึงเราไปช่วยทำอะไรก็สามารถทำได้ ช่วงที่เป็นกรรมการชุดต่างๆ ก็ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กรรมาธิการศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ กรรมาธิการกฎหมาย พ.ร.บ.ส.ส., พ.ร.บ.พรรคการเมือง, พ.ร.บ.ประชามติ ทุกฉบับแทบไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเสรีรวมไทยเลย

สมชัย ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ตัดสินใจว่าจะลาออกเมื่อวานนี้ และวันนี้ก่อนจะมาร่วมงานที่ กกต. ไปยื่นหนังสือลาออกและยอมรับว่า การเดินสายออกสื่อให้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นทางการเมืองก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อึดอัด งานกับพรรคเสรีรวมไทยได้ไม่เต็มที่

นายสมชัย ยังบอกอีกว่า วันนี้มาร่วมแสดงความยินดีในโอกาสครบรอบ 25 ปี กกต. และประธาน กกต. มอบพระธรรมวชิรสุธี (ทองดีฐิตายุโก) ให้ 1 องค์ ซึ่งประธานกกต. ได้รับมอบมากจากพระคุณเจ้าพระธรรมวชิรสุธี เจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม ให้กับทุกคน ไม่ได้มีนัยยะสำคัญว่าองค์พระเป็นสีแดง แล้วสายสีส้ม แต่เป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า ส่วนการเจอกับ กกต. นั้นได้มีการพูดคุยกันปกติ ส่วนตัวได้ขอโทษขอโพยที่วิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทาง กกต. ท่านก็เข้าใจและขอบคุณ เพราะหลายต่อหลายเรื่องที่มีการทักท้วงก็เป็นประโยชน์ในการปรับปรุงการทำงานของ กกต. ได้ อย่างไรก็ตาม เข้าใจว่า กกต. ถูกกดดัน ส่วนตัวให้กำลังใจตลอดเวลา อย่างที่โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ก็พูดอย่างตรงไปตรงมา อะไรที่ทำดีตนก็ชม บางครั้งก็สะท้อนสิ่งที่เป็นความเห็นประชาชนให้ กกต. รับรู้ เคลือบแคลงใจของประชาชน ซึ่งบางครั้ง กกต. ทำดีแล้ว แต่ประชาชนยังสงสัยเกินไปอยู่ เช่นการนับคะแนนใหม่ก็เป็นการกระทำที่ถูกต้อง แต่บางครั้งประชาชนไม่เข้าใจ อาจจะมองว่าเป็นการเล่นตุกติกอะไรหรือเปล่า ตรงนี้ตนก็ให้กำลังใจ กกต. ว่าต้องทำงานเพื่อพิสูจน์ความเป็นมืออาชีพ และอย่าหวั่นไหวเสียงวิจารณ์ แก้เสียงวิจารณ์เพื่อให้เกิดผลงาน

หากเทียบการทำงานของ กกต. ของนายสมชัย กับยุคปัจจุบัน นายสมชัย กล่าวว่า สมัยของตนทำงานยากกว่าเยอะ ยุคตนสำนักงานก็ไม่มี ต้องออกไปเร่ร่อนตามที่ต่างๆ ศูนย์ราชการถูกยึดเป็นเดือน สำนักงานในต่างจังหวัด 11 จังหวัดก็ถูกยึด ส่วนราชการไม่ให้ความร่วมมือในการทำงาน เป็นยุคที่ถูกคุกคามต่างๆ ไปไหน ไปเหนือ ไปใต้ ก็โดน ก็ถูกคุกคาม ซึ่งไม่ใช่การคุกคามธรรมดา แต่คุกคามถึงชีวิต

นายสมชัย กล่าวว่า ให้คะแนน กกต. ชุดนี้ 7 เต็ม 10 ถ้าแบ่งเป็นหมวด หมวดการสื่อสารกับประชาชน ยังให้ตก เพราะไม่ค่อยคุย ไม่ค่อยสื่อสารกับประชาชน แต่การทำงานโดยรวมทั้งหมดนั้น 7-8 คะแนนก็ให้ได้ เพราะทำงานประสบความสำเร็จ ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาไม่น้อยเกินไป.