“ชัชชาติ” เชื่อ ส.ก.ยานนาวาบริสุทธิ์ใจ หลังขอย้ายข้าราชการเขต 4 คน ยืนยัน พร้อมรับฟังและตรวจสอบทุกข้อมูล เตรียมหารือกับ “พิธา” ในฐานะพรรคก้าวไกลที่มีว่าที่ ส.ส. ถึง 32 คน
วันที่ 6 มิถุนายน 2566 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ก่อนการประชุมคณะผู้บริหาร กรณีมีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งออกมาโพสต์ข้อความ แฉแหลก ส.ก.พรรคก้าวไกล เขตยานนาวา เอาร้านค้า มาเพื่อบังคับให้โรงเรียน และสำนักงานเขตโดยไม่ให้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ในการประกวดราคา การล็อกสเปก และกำหนดราคาเอง ซึ่งผิด พ.ร.บ.ฮั้วประมูล รวมถึงมีพฤติกรรมรีดไถเงินผู้ประกอบการ พร้อมหนังสือขอให้ย้ายข้าราชการสำนักงานเขตยานนาวา 4 ราย
นายชัชชาติ ระบุว่า ฝั่งบริหารไม่ได้รู้สึกเป็นปัญหาอะไรเพราะพร้อมรับฟังทุกคน ซึ่งจากข้อมูลที่ได้มา ส.ก.รายดังกล่าวส่งจดหมายขอย้ายข้าราชการสำนักงานเขตยานนาวา ตรงถึง นายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งในตำแหน่งของประธานที่ปรึกษานั้นไม่มีอำนาจในการสั่งย้ายข้าราชการ หากมองในมุมบวกจะทำให้เข้าใจว่ากทม. ได้รับข้อมูลคิดว่า ส.ก.คงจะบริสุทธิ์ใจ และสิ่งที่ทำนั้นถูกต้อง หากไม่ถูกต้องคงไม่ทำจดหมายแบบเป็นทางการส่งมา
สำหรับในมิติอื่น ฝ่ายบริหารไม่มีอำนาจกำกับดูแล ส.ก. เพราะ ส.ก.เป็นอิสระ เป็นผู้ตรวจสอบ กทม. ด้วยซ้ำ ส่วนนี้ต้องเป็นเรื่องของสภากรุงเทพมหานครที่เป็นผู้ดูแล ส่วนข้าราชการเขตยานนาวาทั้ง 4 คน ขณะนี้ยังไม่มีเนื้อหาหรือข้อมูลส่วนใดบ่งบอกว่าทั้ง 4 คน ทำผิด จึงต้องหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม หากดูตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร จะเห็นว่าทำอะไรได้หรือไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับจริยธรรม ไม่เกี่ยวกับฝ่ายบริหาร ต้องให้สภา กทม. ดูแล ซึ่งการโยกย้ายแต่งตั้งยังทำไม่ได้ เพราะต้องดูภาพรวม และกฎระเบียบ เพราะต้องให้ความยุติธรรมกับทุกคนเหมือนกัน
...
ส่วนที่ประชาชนออกมาโพสต์ข้อความว่า ส.ก.รายนี้ มีพฤติกรรมเข้าข่ายรีดไถผู้ประกอบการ นายชัชชาติ ระบุว่า หากมีข้อมูลส่อทุจริต ส่งมาให้ Traffy Fondue และศูนย์ต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน อีกทั้งมองว่าเป็นเรื่องดีที่สังคมตื่นตัว หากข้อมูลที่กล่าวลอยๆ ไม่มีหลักฐานก็จะดำเนินการต่อยาก ขณะนี้เป็นบรรยากาศที่ดี ที่ทุกคนอยากทำให้ฟ้าโปร่งใส ยินดีรับข้อมูลทุกอย่าง
ผอ.เขตยานนาวา ยัน ไม่พบพฤติกรรมข้าราชการไม่สนองนโยบาย
ทางด้าน นายสุเมธ อมรศรีวรากุล ผู้อำนวยการสำนักงานเขตยานนาวา กล่าวเสริมว่า การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบหรือการโยกย้ายข้าราชการเป็นเรื่องของ กทม. ขอยืนยันว่าข้าราชการทั้ง 4 คน ปฏิบัติหน้าที่ตามมอบหมายด้วยดีมาโดยตลอด ไม่มีข้อร้องเรียนที่ส่อทุจริต หรือไม่สนองนโยบาย ปัจจุบันทั้ง 4 คนยังปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ และส่วนตัวเคยทำงานร่วมกับ ส.ก.รายนี้ ในฐานะฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ยืนยันว่าไม่เคยได้ยินว่ามีพฤติกรรมรีดไถผู้ประกอบการ หรือเข้าข่ายล็อกสเปกฮั้วประมูลอย่างที่กล่าวอ้าง
ขณะที่รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ข้าราชการในเขตยานนาวารวมตัวกันมาร้องเรียนผ่านศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตกรุงเทพมหานคร (ศปท.กทม.) ว่า ถูกบีบบังคับให้ดำเนินการใช้วิธีเฉพาะเจาะจงในการประกวดราคาจัดจ้างผู้รับเหมาร้านค้าในโรงเรียนและสำนักงานเขต โดยไม่ให้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แต่ข้าราชการ ไม่ยินยอมเพราะเป็นการล็อกสเปก ถือว่าผิดกฎหมายทั้งวินัยและอาญา ทำให้ นายพุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ ส.ก.เขตยานนาวา พรรคก้าวไกล ทำหนังสือถึง นายต่อศักดิ์ ขอให้ย้ายข้าราชการ 4 รายดังกล่าว เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่าตั้งแต่ได้รับการเลือกตั้งมาปฏิบัติหน้าที่ ส.ก. มีข้าราชการบางรายปฏิบัติหน้าที่ไม่สนองนโยบายต่อการบริหารงานของผู้ว่าฯ กทม. ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ไม่เกิดประสิทธิภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ว่า เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2566 สำนักงานการเจ้าหน้าที่ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร ได้ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนัก หัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร เลขานุการสภากรุงเทพมหานคร เลขานุการผู้ว่าฯ กทม. ผู้อำนวยการเขต และหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดสำนักปลัดกรุงเทพมหานคร เรื่องการพิจารณาโยกย้ายข้าราชการและบุคลากรกรุงเทพมหานคร เนื่องจาก นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าฯ กทม. สั่งการให้สำนักงานการเจ้าหน้าที่ พิจารณาประชาสัมพันธ์ เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจและป้องกันไม่ให้เกิดการร้องเรียน กรณีขอให้พิจารณาย้ายข้าราชการและลูกจ้างประจำที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานนั้นๆ หลายปี ซึ่งทำให้เกิดพฤติกรรมในการสร้างอิทธิพลในหน่วยงาน โดยมีลักษณะควบคุมทุกอย่าง แม้แต่ผู้บังคับบัญชาระดับหัวหน้าฝ่ายก็ยังถูกควบคุม และเชื่อฟังเจ้าหน้าที่ผู้มีอิทธิพล
จึงอยากให้มีการพิจารณาหมุนเวียนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานนั้น เพื่อจะได้มีวิสัยทัศน์และประสบการณ์จากที่อื่นมาขับเคลื่อนและพัฒนาในการทำงานเพื่อให้งานมีประสิทธิภาพประสิทธิผล เป็นประโยชน์ต่อกรุงเทพมหานคร ลดช่องทางการทุจริตและแสวงหาผลประโยชน์ ดังนั้น ขอประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการพิจารณาโยกย้ายข้าราชการและลูกจ้างประจำที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานเดิมเป็นระยะเวลานาน ซึ่งกทม.จะต้องพิจารณาและคำนึงถึงความเหมาะสม และประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ
หารือ “พิธา” ในฐานะพรรคที่มีว่าที่ ส.ส. กทม. 32 คน
จากนั้น นายชัชชาติ ยังเผยถึงการประชุมหารือความร่วมมือระหว่าง กทม. และ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมว่าที่ ส.ส.กทม. ทั้ง 32 คน ในช่วงบ่าย ว่า เป็นการพูดคุยสบาย พรรคก้าวไกลมีว่าที่ ส.ส.กทม. ถึง 32 คน หากเข้าไปทำงานในสภา กทม. ต้องเกี่ยวข้องด้วย เป็นโอกาสดีที่จะคุยกันหลายเรื่อง มี 17-18 ประเด็นที่ กทม. ต้องการหารือ ซึ่งเป็นเรื่องที่ กทม. ทำเองไม่ได้ เช่น พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 ที่ต้องประสานกับฝั่งรัฐบาลและสภาฯ คงคุยกันในภาพรวม โดยว่าที่ ส.ส.หลายคนคงเห็นปัญหาในเขต หากต้องการเร่งรัดแนะนำให้ใช้ Traffy Fondue เพื่อประสานกับเจ้าหน้าที่โดยตรง เราพร้อมฟังทุกคนไม่ว่าจะเป็นพรรคไหน สุดท้ายมองที่ประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก และเป็นการคุยเพื่อให้ทำงานร่วมกันทุกบทบาท
เมื่อถามว่าต้องการรุกหนักแก้ปัญหาใด นายชัชชาติ กล่าวว่า ปัญหาการจราจร กทม. มีข้อจำกัด ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กรมการขนส่งทางบก และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มาร่วมเป็นเนื้อเดียวกัน น่าจะทำงานตอบสนองประชาชนได้ดีขึ้น ส่วน พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร ต้องหารือว่าอยากกระจายอำนาจมากน้อยแค่ไหน คงต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมา พร้อมทั้งพูดคุยเรื่องการเลือกตั้งผู้อำนวยการเขต และ ส.ข.ด้วย
ส่วนกรณีที่ นายพิธา อาจเพลี่ยงพล้ำไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะกระทบกับ กทม. มากน้อยแค่ไหนนั้น นายชัชชาติ ระบุว่า เราต้องทำตามขั้นตอน เราเป็นท้องถิ่นต้องรู้สถานะตนเอง ต้องทำงานร่วมกับรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นใคร เป็นเหตุผลหนึ่งที่เราอยากจะให้ข้อมูลทุกคน เรื่องนั้นก็ว่ากันไปตามสถานการณ์ สุดท้าย กทม. อยู่ภายใต้กระทรวงมหาดไทย
“เราอยากคุยกับทุกคน ไม่ว่าอนาคตบทบาทจะเป็นอย่างไร ฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็ช่วยได้หมด เพราะทุกคนโหวตในสภาฯ ได้ คุยกับท่านพิธาวันนี้ ไม่ได้เรียกว่า ว่าที่ท่านนายกฯ แต่คุยกับท่านในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่มีว่าที่ ส.ส.เยอะ”
ส่วนการทำงาน 1 ปีร่วมกับ ส.ก. นายชัชชาติ ระบุว่า ผ่านไปด้วยดี จำไม่ได้ว่าใครอยู่พรรคใดบ้าง เพราะถือว่าเป็นคนที่ประชาชนเลือกมามีความเท่าเทียมกัน นำประชาชนเป็นที่ตั้ง ที่ผ่านมา ส.ก. ทำหน้าที่ออกข้อบัญญัติต่างๆ ตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหารและสะท้อนปัญหาของประชาชน ถือว่าทำได้ดี งานราบรื่น ขยัน มีข้อมูลให้ฝ่ายบริหารตลอด รวมทั้งข้อเสนอที่สร้างสรรค์ด้วย.