“สมชาย แสวงการ” ฟันธงล่วงหน้า “พิธา” ตกสวรรค์ เฉลยปริศนาธรรมการเมืองงัดกฎหมาย 4 มาตรามัด “ทิม” ขาดคุณสมบัติทั้ง ส.ส.และแคนดิเดตนายกฯตั้งแต่ วันปิดรับสมัคร ส.ส. 4-7 เม.ย. 2566 หยันถึงจะขายหุ้นไร้ผลเปลี่ยนแปลงคดี “หน.ก้าวไกล” แอ่นอกพร้อมแจงถือหุ้นไอทีวี ทั้งในแง่หลักกฎหมายและหลักฐาน อ้อมแอ้มเลี่ยงตอบเทขายหุ้นทิ้ง การันตีไม่กระทบการจัดตั้งรัฐบาล พท.ไม่หวั่น กกต.จ่อเชือด 20 ส.ส. “ประเสริฐ” บอกเสียงหายไปไม่ได้เป็นอุปสรรคถ่วงฟอร์มรัฐบาล “ชลน่าน” คาดกลาง มิ.ย.รับรอง ส.ส.ครบ “แพทองธาร” เคารพการตัดสินใจของพ่อจะกลับไทยเดือน ก.ค.อยากไปรับเองถึงที่ นักการเมืองแห่ร่วมงานบางกอก ไพรด์ 2023 “พท.-ก.ก.” ประสานเสียงหนุนเต็มที่ความเท่าเทียมทางเพศ “พิธา” ดันเต็มสูบชงกฎหมายสมรสเท่าเทียมใน 100 วันแรก

หลายฝ่ายจับตาคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมเร่งพิจารณาคดีถือหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ก.ก. จะมีผลทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.และแคนดิเดตนายกฯหรือไม่

...

“สมชาย” ฟันธง “พิธา” ตกสวรรค์

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.นายสมชาย แสวงการ ส.ว.โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ“ปริศนาธรรมการเมืองเรื่องหุ้น itv” ระบุว่า ถ้าถือหุ้นสื่อ itv เป็นความผิดจะถูกตัดสิทธิ ส.ส.และแคนดิเดตนายกฯด้วยหรือไม่ ในเรื่องนี้มีรัฐธรรมนูญ 4 มาตราที่เกี่ยวข้อง คือ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการถือหุ้น itv 42,000 หุ้นนั้นผิด และเป็นลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร ส.ส. นายพิธาจะขาดคุณสมบัติทั้ง ส.ส.และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แม้ว่าอาจจะขายหรือโอนหุ้นออกวันใด ย่อมไม่มีผลเปลี่ยนแปลงต่อการพิจารณาคดีแล้ว เพราะ 1.การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 88 ดำเนินการ ก่อนปิดรับสมัคร ส.ส. 2.มาตรา 89 (2) ผู้ได้รับการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเป็นรัฐมนตรีตามมาตรา 160 ขาดคุณสมบัติตั้งแต่ปิดรับสมัคร ส.ส.

นายสมชายระบุด้วยว่า 3.มาตรา 160(6) ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 4.มาตรา 98(3) ห้ามผู้สมัคร ส.ส.เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ดังนั้น ถ้าตีความตามนี้ น่าจะถือว่าขาดคุณสมบัติตั้งแต่วันปิดรับสมัครตามมาตรา 88 ในวันที่ 4-7 เม.ย.2566 แล้ว แต่หนทางที่ถูกต้องชอบธรรมที่สุดคือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีหน้าที่สรุปส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยให้เป็นที่ยุติ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่สุด ผูกพันทุกองค์กร เชื่อมั่นในศาลรัฐธรรมนูญ เชื่อมั่นในหลักนิติธรรม

“จุรินทร์” จับตาใบแดง–เหลือง 25 เขต

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณี กกต.ประกาศว่ามี 25 เขตเลือกตั้งที่มีปัญหาถูกร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง จะส่งผลกระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ว่า ต้องรอข้อเท็จจริงว่าในจำนวนกว่า 20 เขต เลือกตั้งตามที่ประธาน กกต.ระบุเป็นเขตใดบ้าง จะส่งผลถึงขั้นที่จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่หรือไม่ และทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งที่จะตามมาด้วยว่าจะมีผลกระทบกับตัวเลข ส.ส.ของพรรคการเมืองใด แค่ไหน อย่างไร จะเป็นข้อเท็จจริงที่จะตามมา ต้องดูต่อไปอีกว่าจะมีผลกระทบเพิ่มเติมไปถึงลำดับที่จำนวน ส.ส.ของพรรคการเมืองที่มาเรียงลำดับกันทั้งประเทศหรือไม่ว่าพรรคไหนอยู่ลำดับที่ 1 2 3 4 5 6 เป็นต้น ต้องดูไปตามข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยต้องดูผลการตรวจสอบของ กกต.และผลประกาศของ กกต.ว่าจะมีการประกาศการเลือกตั้งใหม่หรือไม่ ถ้ามีจะเป็นเขตไหน แล้วพรรคไหนชนะ หรือผู้สมัครคนใดชนะ สิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ต้องติดตามไปตามข้อเท็จจริงที่จะเกิดขึ้น

หักลบไม่กระทบ 8 พรรคร่วมรัฐบาล

เมื่อถามว่าจะมีผลต่อการตั้งรัฐบาลชุดใหม่หรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าหากตัวเลขอยู่ที่ 20 กว่าเขต และแม้จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ทั้งหมด ถ้าพรรคที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค ขณะนี้ยังแน่นเหนียว ยังไม่น่าจะมีผลกระทบอะไร จนกลายเป็นการเปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาลได้ ถ้า 8 พรรคร่วมรัฐบาลยังแน่นเหนียว เสียงข้างมากยังน่าจะคงอยู่ที่ 8 พรรค เพราะแม้จะลบ 20 หรือลบ 25 ไป สมมติว่าเลวร้ายที่สุดสำหรับขั้ว 8 พรรคนี้จะยังคงเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรอยู่ อยู่ที่ข้อเท็จจริงที่จะต้องติดตามต่อไป

สอนมวย ก.ก.ครม.ต้องอยู่จนมี รบ.ใหม่

เมื่อถามว่ามีว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ต้องการให้นายกฯและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขนของกลับบ้านไปมีความเห็นอย่างไร นายจุรินทร์กล่าวว่า นายกฯยังคงต้องทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลต่อ ยังกลับบ้านไม่ได้ เพราะตามรัฐธรรมนูญจะต้องทำหน้าที่นายกฯไปจนกระทั่งรัฐบาลชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน เช่นเดียวกับรัฐมนตรีทุกคน ทุกกระทรวงยังจะต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเข้าถวายสัตย์ฯ จึงถือว่าพ้นจากภารกิจ เพราะฉะนั้นยังจะต้องอยู่กระทรวงต่างๆยังต้องอยู่ทำเนียบฯ ต้องทำงานอยู่ต่อไป เป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ เพราะกฎเกณฑ์กติกาเป็นอย่างนั้น แล้วทุกคนต้องเคารพกติกาต้องเคารพความเป็นจริง ต้องเคารพรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญรัฐบาลชุดใหม่ยังไม่เกิดด้วย ยังไม่ได้มีการจัดตั้งถึงขั้นโปรดเกล้าฯ แล้วถึงไปเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ฯ

“จ้อน” ชูสปิริต ปชต.จี้ ส.ว.โหวต

นายอลงกรณ์ พลบุตร รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวหัวเรื่อง “สปิริตประชาธิปไตย Spirit of Demo cracy” ถึงสถานการณ์การเมืองช่วงจัดตั้งรัฐบาล มีใจความว่าประชาธิปไตยเป็นระบอบการเมืองการปกครองที่เรียบง่ายและมีสปิริต ประชาชนเลือกตั้งเสร็จ ใครชนะเป็นรัฐบาล ใครแพ้เป็นฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกลชนะได้เสียงอันดับ 1 มีสิทธิและความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาลโดยต้องรวมเสียงให้ได้เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร แต่ถ้าทำไม่ได้เป็นสิทธิของพรรคเพื่อไทยอันดับ 2 และพรรคภูมิใจไทยอันดับ 3 ในการจัดตั้งรัฐบาลต่อไป หวังว่าวุฒิสมาชิกจะสนับสนุนแนวทางนี้ของสภาฯ ในการโหวตเลือกนายกฯ เมื่อจัดตั้งรัฐบาลได้มีนายกฯแล้วให้ทำงาน 4 ปี ฝ่ายค้านทำหน้าที่ถ่วงดุลตรวจสอบรัฐบาล แต่ละฝ่ายมีโอกาสทำงานเท่ากันพิสูจน์ผลงาน แล้วตัดสินด้วยคะแนนเสียงของประชาชนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ประชาธิปไตยต้องมีสปิริต รู้แพ้รู้ชนะเหมือนแข่งกีฬา ถ้าเราไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง แล้วเราจะให้ประชาชนมาออกเสียงลงคะแนนทำไม การยอมรับผลการเลือกตั้งเป็นหลักการสำคัญในระบอบประชาธิปไตย

หยุดปลุกระดมหวั่นซ้ำรอย 6 ตุลาฯ

“ที่น่าวิตกคือ มีการปล่อยข่าวเฟกนิวส์ข่าวดีลลับ ข่าวฐานทัพอเมริกัน ข่าวอเมริกาหนุนหลังข่าวรัฐบาลแห่งชาติ ข่าวเลือกตั้งโมฆะ มีคลิปปลุกระดมสร้างความเกลียดชัง มุ่งดิสเครดิตฝ่ายตรงข้ามออกมาถี่ยิบทั้งในสื่อหลักสื่อโซเชียล เหมือนปลุกผีคอม มิวนิสต์ในเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ข่าวสารเหล่านี้สร้างความแตกแยกในบ้านเมือง ไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติ อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ประชาธิปไตยไม่ได้สร้างด้วยความเกลียดชัง แต่สร้างด้วยการเคารพในความเห็นต่างอย่างมีเหตุผลด้วยสันติวิธีและขันติธรรม การเปลี่ยนผ่านอำนาจจากรัฐบาลหนึ่งสู่อีกรัฐบาลหนึ่ง ควรเป็นไปโดยราบรื่นและรวดเร็ว ประเทศกำลังเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ อย่าซ้ำเติมด้วยวิกฤติการเมือง ทางเดียวคือช่วยกันทำให้ประเทศของเราเดินไปข้างหน้า ตามครรลองของระบอบประชาธิปไตยครับ” นายอลงกรณ์ระบุ

“เสรีพิศุทธ์” ยันไม่ให้ผ่านแก้ ม.112

วันเดียวกัน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย โพสต์เฟซบุ๊กเป็นคลิปวิดีโอการให้สัมภาษณ์ผ่านช่อง the standard ความยาว 1.07 นาที มีเนื้อหาว่า “ที่ ส.ว.พูดกันว่าหากก้าวไกล ยังมีมาตรา 112 จะไม่โหวตให้ ผมบอกหลายครั้งว่าในเอ็มโอยู ทั้ง 3 แผ่นนั้นไม่มี ดังนั้นจะกล่าวหาได้อย่างไร ทั้งนี้ มองว่า การยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาเพื่อไม่โหวตให้ ส.ว.เชื่อที่ผมพูดหรือไม่ ในฐานะที่ผมดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยามาแล้ว จะไม่ยอมให้ก้าวไกลแก้ แม้จะมีเสียงน้อย พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อไทยคัดค้าน รวมถึงพรรคเล็กและพรรคฝ่ายรัฐบาลเดิมก็ค้านไม่ได้หรอก ดังนั้น ส.ว.อย่ากังวล ขอรับรองกับ ส.ว.ได้ว่าผมไม่ให้แก้ เพื่อจะได้โหวตอย่างอิสระ ที่อ้างมาตรา 112 ผมรับรองไม่ให้ผ่านแน่นอน”

30 ว่าที่ ส.ส.ถูกร้องซื้อเสียง-หลอกลวง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า จากกรณีนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการพิจารณาประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ร้อยละ 95 เพื่อให้เปิดประชุมสภาฯนัดแรกและดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล พร้อมระบุว่า มีคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง 280 กว่าคำร้องยื่นตรวจสอบว่าที่ ส.ส.กว่า 20 คน รายงานข่าวจาก สำนักงาน กกต.เปิดเผยว่า ขณะนี้คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งมีเข้ามาประมาณ 280 เรื่อง มีทั้งเรื่องหนักและเบา บางเรื่องตรวจสอบแล้วไม่มีมูล จึงสั่งไม่รับไว้พิจารณา ส่วนคำร้องที่รับไว้พิจารณาเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนหาข้อเท็จจริง ต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ ผู้ชนะการเลือกตั้งหรือว่าที่ ส.ส. 500 คน ตรวจสอบพบว่าถูกร้องเรียน 20-30 คนจากทุกพรรคที่ได้รับเลือกตั้ง ในประเด็นซื้อสิทธิขายเสียงและหาเสียงหลอกลวง ใส่ร้ายป้ายสี ความหนักเบาของเรื่องต้องดูตามข้อเท็จจริงอีกครั้ง กกต.ไม่อาจทยอยหรือแยกประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส. บางเขตไปก่อนได้ แต่ยืนยันว่ากระบวนการประกาศรับรอง ส.ส.จะเป็นไปตามขั้นตอน ไม่ชักช้าแน่นอน จะพยายามเร่งพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็วตามกรอบเวลาภายใน 60 วัน แต่จะไม่รวบรัด ป้องกันซ้ำร้อยการให้ใบส้มนายสุรพล เกียรติไชยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย

มีแต้มเขย่งชงนับปาร์ตี้ลิสต์ใหม่บางหน่วย

รายงานข่าวระบุอีกว่า คาดว่าภายในสัปดาห์นี้สำนักงาน กกต.จะเสนอเรื่องให้ที่ประชุม กกต.พิจารณาสั่งนับคะแนน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อใหม่ หลังพบว่ามีบางหน่วยผลคะแนนไม่เท่ากับจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง เหมือนกับผู้มาลงคะแนนกับจำนวนบัตรตรงกัน เมื่อตรงกันเวลานับคะแนนควรจะถูกต้องด้วย กรณีนี้อาจเกิดขึ้นในขั้นตอนการขีดซ้ำหรือลืมขีดตอนขานคะแนน ส่งผลให้คะแนนออกมาไม่ตรงกับจำนวนคนที่มาใช้สิทธิและจำนวนบัตรเลือกตั้ง เรียกว่าคะแนนเขย่ง ไม่ใช่บัตรเขย่ง มีความสำคัญกับคะแนนพรรคในส่วนของ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ที่ต้องนำคะแนนของทุกหน่วยเลือกตั้งมาคำนวณเพื่อหาจำนวน ส.ส. ทศนิยมอาจวิ่งไปวิ่งมาได้ทุกพรรค แต่ไม่ได้สั่งให้นับคะแนนใหม่ทั้งหมด จะนับเพียงบางหน่วยเท่านั้น เท่ากับว่าขณะนี้มี 2 เงื่อนไขคือ 1.การนับคะแนนเขย่งของบัญชีรายชื่อ และ 2.การพิจารณาประกาศรับรอง ส.ส.แบบแบ่งเขต จะประกาศครั้งแรกได้ต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ขณะนี้ยังไม่ครบจำนวน เพราะมีผู้ชนะการเลือกตั้งหรือว่าที่ ส.ส.ถูกร้องเรียนประมาณ 20-30 คน ส่วนคำร้องเรียนแบบบัญชีรายชื่อก็มีผล ถ้าในเขตเลือกตั้งนั้นผู้สมัครซื้อเสียงให้ผู้สมัครบัญชีรายชื่อด้วย เท่ากับว่าคะแนนเขตของพรรคนั้นจะเสียไป จะมีผลเพราะคะแนนบัญชีรายชื่อสัมพันธ์กันทั้งประเทศ

พท.แห่ร่วมบางกอก ไพรด์

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้บริหารพรรค และว่าที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เข้าร่วมกิจกรรม Bangkok Pride Parade 2023 ร่วมเริ่มต้นเดินขบวนจากหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ไปยังสี่แยกราชประสงค์ โดยนพ.ชลน่าน ให้สัมภาษณ์ถึงการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลขณะนี้ว่า ในวันที่ 6 มิ.ย. คณะกรรมการประสานงานชุดเปลี่ยนผ่าน จะประชุมร่วมกันที่พรรคเพื่อไทย เวลา 10.30 น.หารือลงรายละเอียดวาระงานต่างๆ ส่วนวันที่ 7 มิ.ย.จะประชุมระดับหัวหน้าพรรค เพื่อติดตามวาระงานต่างๆว่ามีความคืบหน้ามากน้อยแค่ไหน พรรคก้าวไกล (ก.ก.) วางเกณฑ์ไว้ว่าจะใช้วาระงานเป็นตัวขับเคลื่อน การประชุมวันที่ 6 มิ.ย. จะเป็นความคืบหน้าในวันที่ 7 มิ.ย.ด้วย

คาดกลาง มิ.ย. รับรอง ส.ส.ครบ

นพ.ชลน่านกล่าวอีกว่า คณะกรรมการเปลี่ยนผ่านเบื้องต้นจะมี 7 คณะ แต่ในการประชุมวันที่ 6 มิ.ย. อาจจะเพิ่มภารกิจต่างๆมากขึ้น ใน 7 ภารกิจหลัก แต่ละพรรคจะส่งตัวแทนเข้ามาหารือ พรรคเพื่อไทยเตรียมความพร้อมจะส่งไปร่วมด้วย มีหลายเรื่อง เป็นเรื่องเร่งด่วนจำเป็น โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดขึ้นจากราคาพลังงาน จะมีข้อเสนอเชิงวิสัยทัศน์ในวันดังกล่าว แต่ไม่ได้เป็นการบีบบังคับรัฐบาลรักษาการชุดปัจจุบันให้ปฏิบัติตาม หากเห็นว่าสิ่งที่เรานำเสนอเป็นประโยชน์ก็เป็นแนวทางที่ดีที่ควรนำไปปรับใช้ ส่วนความคืบหน้าการรับรอง ส.ส.ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นั้น ทาง กกต.มีกรอบเวลาการรับรอง ส.ส.ถึงวันที่ 13 ก.ค. จึงต้องรับรองโดยเร็วภายในกรอบเวลา 60 วัน เลขาธิการ กกต.ระบุจะรับรอง ส.ส.ให้แล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย. เชื่อว่าจะดำเนินการได้เร็ว คาดว่าภายในกลางเดือน มิ.ย.จะเห็นผลได้ชัดเจน

กกต.จ่อฟัน 20 ส.ส.ไม่กระทบตั้งรบ.

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมประกาศรับรอง ส.ส.และมีกระแสข่าวมีว่าที่ 20 ส.ส. อาจถูกฟัน หากเป็นว่าที่ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลจะกระทบการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ว่า ยังไม่อยากคิดไปถึงขั้นนั้น แต่ถามว่ากระทบหรือไม่ จริงๆก็ไม่กระทบ ไม่เป็นอุปสรรคการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งนี้ อย่างน้อย กกต.ต้องรับรองให้ได้ 95% ก่อน เท่ากับ 475 คน หากขาดไป 20 คน อาจทำให้อะไรเปลี่ยนไปบ้างนิดหน่อย ส่วนกรณีมีการเลือกตั้งใหม่ กกต.คงจะจัดให้มีการเลือกตั้งเร็ว มั่นใจว่าประชาชนจะเลือกฝั่งเราอยู่

พท.หนุนเต็มที่เท่าเทียมทางเพศ

ต่อมาเวลา 15.20 น. ที่ลานกิจกรรมสยามดิสคัฟเวอรี่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เดินทางมาร่วมงานบางกอกไพรด์ 2023 เช่นเดียวกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. ที่แต่งกายด้วยเสื้อหลากสี แสดงถึงความหลากหลายทางเพศ เดินทางด้วยวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เข้าร่วมงานบางกอกไพรด์ 2023 โดย น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ถึงการผลักดันเรื่องความเท่าเทียมทางเพศว่า จุดยืนพรรค พท.ผลักดันเต็มที่ ตั้งแต่นโยบายหาเสียงของพรรคแสดงจุดยืนเรื่องนี้มาตลอด ทั้งกฎหมายสมรสเท่าเทียม การให้สิทธิความเสมอภาคแต่ละเพศ จะผลักดันนโยบายต่างๆ เชื่อว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากๆ ที่รัฐบาลชุดต่อไปจะต้องผลักดันเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกๆ เพราะความเท่าเทียมหรือความหลากหลายทางเพศเป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่ควรมีเรื่องเพศเป็นตัวกำหนด ให้ชีวิตเราดำเนินได้ไม่เต็มที่ ส่วนกฎหมายที่เกี่ยวกับความเท่าเทียมทางเพศ คงต้องดำเนินการร่วมกันในพรรคร่วมรัฐบาล ขณะนี้เริ่มตกลงเจรจากันหลายอย่างแล้ว พรรค พท.พร้อมผลักดันเรื่องนี้เต็มที่

“อุ๊งอิ๊ง” พร้อมร้องเพลงคู่ “พิธา”

เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล บ้างหรือไม่ นอกเหนือจากที่ได้แสดงความยินดีหลังรู้ผลการเลือกตั้ง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ยังไม่ได้คุย คิดว่านายพิธาคงจะยุ่งอยู่ และตนยุ่งเช่นกัน ที่ผ่านมาก็เลี้ยงลูก แต่ได้ติดตามข่าวมีความเคลื่อนไหวอย่างไรก็เอาใจช่วยตลอด เมื่อถามว่างานวันนี้เหมือนเป็นงานแรกที่ได้พบกับนายพิธา น.ส.แพทองธารตอบว่า จริงๆอยากมาร่วมตั้งนานแล้ว แต่บังเอิญโอกาสเหมาะพอดีในเรื่องการจัดเวลาของตนเองด้วย วันนี้เวลาเหมาะพอดี จึงขอพรรคมาร่วมด้วยตนอยากมา วันนี้ถ้าเจอกันคงทักทายก่อน ส่วนรายละเอียดการทำงานจะคุยผ่านทางพรรคเป็นหลักมากกว่า ตนรู้จักกับนายพิธามานานอยู่แล้ว เจอก็ทักทายกันแน่นอน เมื่อถามว่า หากนายพิธาจะร้องเพลงขอให้เหมือนเดิมด้วยกันจะร้องด้วยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร หัวเราะก่อนตอบว่า “ปราศรัยน่าจะง่ายกว่า เผอิญเสียงไม่ค่อยดี แต่ถ้าจะให้ร้องด้วยก็ยินดี”

อยากไปรับพ่อกลับบ้านด้วยตัวเอง

เมื่อถามถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุจะเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อไหร่ ให้ถาม น.ส.แพทองธาร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยตอบว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าวันไหน ถ้าทราบแล้วนักข่าวไม่พลาดอยู่แล้ว จะมาบอกแน่นอน เห็นว่ากำหนดไว้ภายในเดือน ก.ค. เมื่อถามว่า มีการวางแผนในการเดินทางกลับประเทศไทยอย่างไร น.ส.แพทองธาร กล่าวอย่างอารมณ์ดีโดยย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า “ไปรับดีหรือไม่ ถ้าถามในฐานะลูกก็อยากไปรับเอง ไม่ได้อยากรอรับที่นี่ จะได้กลับมาพร้อมกัน คิดแล้วตื่นเต้น แต่หากทราบอะไรมากกว่านี้แล้วจะมาบอก” เมื่อถามย้ำว่า นายทักษิณจะกลับมาภายในเดือน ก.ค.ใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า เคารพการตัดสินใจของพ่อ ฉะนั้นจะเป็นอย่างไรให้กำลังใจเต็มที่ แบบไหนก็ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังสัมภาษณ์เสร็จ น.ส.แพทองธาร นายพิธา และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ได้ถ่ายภาพร่วมกันหน้าแบ็กดร็อปงาน Bangkok Pride Parade 2023 โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

วางดอกไม้อาลัยเสื้อแดงหน้าวัดปทุมฯ

ต่อมาเวลา 17.30 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯพรรค พท.พร้อมแกนนำพรรค พท. เช่น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย รวมทั้งผู้สมัคร ส.ส. และ ส.ก.ของพรรค เข้าร่วมเดินขบวนใน Bangkok Pride Parade 2023 เฉลิมฉลองในสิทธิเสรีภาพผู้มีความหลากหลายทางเพศ โดยขบวนพรรค พท.ตกแต่งด้วยนกฟีนิกซ์ นกยูง ผีเสื้อ สื่อความหมายถึงความนิรันดร ความสวยงาม ความหลากหลายในการต่อสู้เรื่องความเท่าเทียมทางเพศไม่มีที่สิ้นสุด ตั้งแต่ยุคไทยรักไทย โดย นพ.ชลน่าน น.ส.แพทองธาร นายณัฐวุฒิ ร่วมนั่งบนขบวนรถไพรด์ของพรรค พท.ไปตามถนนพระราม 1 บรรยากาศคึกคัก มีประชาชนมาตะโกนเชียร์ ถ่ายรูปตลอดเส้นทาง ระหว่างทาง น.ส.แพทองธารและนพ.ชลน่านแวะวางดอกไม้ที่หน้าวัดปทุมวนาราม ไว้อาลัยการสูญเสียเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเดือน พ.ค.ปี 2553 โดย นพ.ชลน่านได้เขียนข้อความบนผืนผ้าที่วางดอกไม้ว่า “จงไปสู่สุคติ พบประชาธิปไตยที่แท้จริง” ก่อนจะร่วมขบวนพาเหรดไปสิ้นสุดที่สี่แยกราชประสงค์

ก.ก.ดัน ก.ม.สมรสเท่าเทียม 100 วันแรก

ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล(ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ว่า ดีใจที่มีงานบางกอกไพรด์ในวันนี้ ทำให้เห็นว่าเป็นการส่งสัญญาณไปทั่วโลกว่าความรักทุกรูปแบบของสังคมไทย มัน เป็นไปได้และเป็นการส่งสัญญาณไปถึงโลกว่าความรักมีโอกาสที่จะชนะในหลายๆเรื่อง ในสิ่งที่โลกอาจจะคาดคิดไม่ถึงมาก่อน การมาร่วมฉลองกันในวันนี้ไม่ใช่แค่เป็นพาเหรดหรือสัญลักษณ์เท่านั้น แต่เมื่อรัฐบาลตั้งได้เมื่อไร ตั้งใจสนับสนุนเรื่องของสมรสเท่าเทียม และการรับรองอัตลักษณ์ทางเพศ รวมทั้งเรื่องสวัสดิการ 2-3 เรื่องนี้ จะเป็นเรื่องที่ทำให้การเฉลิมฉลองความหลากหลายในเดือนแห่งไพรด์ ให้เป็นเรื่อง pride always คนจะได้มองประเทศไทยว่าเป็นพื้นที่เปิดเผยได้ เป็นพื้นที่ปลอดภัย เป็นพื้นที่ที่จะทำให้คนเป็นตัวของตัวเองได้มากที่สุด และลบคำครหาต่างๆ เพราะบางคนมีความรักในอาชีพของเขา แต่เป็นไม่ได้ เพราะเพศสภาพไม่ได้รับการยอมรับ บางคนวางแผนครอบครัว วางแผนภาษี ซื้อประกันให้คนที่เรารักไม่สามารถทำได้

หวังดึง World Pride จัด กทม.ปี 2028

นายพิธากล่าวว่า ดังนั้นการที่เราทำแบบนี้ได้จะแสดงให้เห็นถึงความพร้อมและสิ่งที่เราเชื่อว่าเป็นคุณค่าที่คนไทยเชื่อร่วมกัน เป็นการสร้างสังคมที่ดีขึ้น หวังว่า งาน World Pride 2028 จะมาจัดที่ กทม. ประเทศไทย เป็นประเทศเอเชียประเทศแรกของการจัดเทศกาลนี้ จะมีผลพวงเรื่องเศรษฐกิจตามมา เมื่อถามว่าจะผลักดัน พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมเข้าสู่สภาใน 100 วันแรกหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ใช่ น่าจะภายใน 100 วันแรก เพราะเป็นเรื่องที่คาอยู่แล้ว คณะกรรมาธิการทำงานเสร็จแล้ว แม้แต่วิปรัฐบาลชุดก่อนก็บอกว่าไม่มีปัญหา ดังนั้นหากนำเข้าสภาไม่ว่าจะเป็นพรรคก้าวไกลหรือพรรคเพื่อไทย จะทำให้ผ่านสภาได้อย่างรวดเร็ว ในที่สุดจะแสดงให้โลกเห็นว่าความหลากหลายไม่ได้เป็นจุดอ่อนของประเทศนี้ แต่เป็นจุดแข็ง และคิดว่าอะไรดีๆจะตามมามากมาย ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ เป็นเรื่องสิทธิสวัสดิการ เศรษฐกิจเป็นแค่เรื่องสุดท้ายเท่านั้น

ตั้ง รบ.คืบหน้าขึ้นเรื่อยๆหวังจบสวย

นายพิธากล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะตำแหน่งประธานสภาฯว่า มีความคืบหน้าเรื่อยๆ โดยในวันอังคารที่ 6 มิ.ย. จะมีการประชุมคณะกรรมการประสานงานว่าจะมีทางออกอย่างไรกับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยจะเป็นเรื่องพลังงานเป็นหลักและจะได้เคาะคณะทำงานเพิ่ม จากนั้นในวันที่ 7 มิ.ย.จะเป็นการประชุมหัวหน้าพรรค ส่วนการเจรจาเป็นไปตามที่ได้แถลงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เข้าใจว่ามีความคืบหน้าพอสมควร และบริบทเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ต้องใช้เวลาในการพูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ คิดว่าสักวันหนึ่งจะจบลงด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ทำให้เราเสียสมาธิในการแก้ปัญหาของประชาชน

พร้อมแจงหุ้นสื่อปัดตอบเทขายหุ้น

เมื่อถามถึงการเตรียมชี้แจงกรณีหุ้นสื่อ นายพิธากล่าวว่า คงจะชี้แจงได้ว่าพร้อมที่จะชี้แจง ทั้งในเรื่องของหลักฐานและหลักกฎหมาย อย่างที่ตนบอกว่ายังไม่มีการติดต่อมาจาก กกต.ด้วยซ้ำ ไม่รู้กันด้วยซ้ำว่าเขาสงสัยกันประเด็นใด รอให้มีเอกสารมาจะทำเอกสารชี้แจงกลับ ให้ความร่วมมือที่จะทำให้เขาเห็นว่ามันเป็นเรื่องที่บริสุทธิ์ คงไม่มีอะไรที่จะทำให้การตั้งรัฐบาลสะดุดลงได้ เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่านายพิธาเทขายหุ้นไปแล้ว นายพิธากล่าวว่า ต้องรอดูเอกสาร

เมื่อถามถึงกรณีนายสาธิต ปิตุเตชะ รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์ตั้งคำถามกรณีที่พรรคก้าวไกลไม่เอาพรรคชาติพัฒนากล้า เพราะเคยโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ แต่จับมือกับ ส.ส.หลายคนที่เคยโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์เช่นกัน นายพิธากล่าวว่า ตรงนี้คงคอมเมนต์ไม่ได้ เพราะยังไม่ได้ดูรายละเอียด ให้เห็นคอมเมนต์แล้วค่อยคอมเมนต์อีกทีดีกว่า ไม่เช่นนั้นจะเข้าใจกันผิดพลาด เป็นเรื่องเป็นราวกันใหญ่ คนจะเป็นผู้นำของประเทศได้ต้องรอดูก่อนว่ารายละเอียดมันเป็นอย่างไร ไม่อย่างนั้นคอมเมนต์ผิดจะเป็นเรื่องใหญ่

ทสท.ร่วมวงคลอด ก.ม.เสมอภาค

น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกฯของพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทยมีจุดยืนและหลักการในการสร้างสังคมแห่งความเท่าเทียมสร้างสิทธิเสรีภาพให้กับประชาชนอย่างเสมอภาคและที่สำคัญคือกฎหมายสมรสเท่าเทียมที่พี่น้อง LGBTQ+ เรียกร้องมาโดยตลอด จะต้องเกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดการแบ่งแยกระหว่างเพศ โดยเฉพาะในมิติของการเข้าถึงกฎหมายที่ให้ความคุ้มครอง

รทสช.ย้ำเปิดกว้างฟังทุกความเห็น

นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวเนื่องในเดือน Pride Month เทศกาลแห่งความภาคภูมิใจว่า เป็นกิจกรรมเพื่อเปิดกว้างในสังคมที่มีความหลากหลายทางเพศ ได้มีสิทธิและเสรีภาพแสดงศักยภาพความสามารถอย่างเต็มที่ในประเทศ ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติมีนโยบายเปิดกว้างให้กับพี่น้องประชาชนทุกเพศทุกวัยได้ร่วมกันพัฒนาประเทศในทุกด้านทุกมิติ ตามแนวทางที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ได้ให้ไว้คือเพื่อให้ทุกคนในประเทศไทยได้รับประโยชน์ แม้มีความแตกต่างแต่ไม่แตกแยก โดยทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ แต่ขอให้ทุกคนเคารพสิทธิของผู้อื่น รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างอย่างเปิดกว้าง ทั้งการแสดงความคิดเห็นตามปกติและในโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ว่าจะเรื่องใดรวมถึงเรื่อง การเมือง โดยเคารพทุกความคิดเห็นที่อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน

ปชป.โอ่ยืนหนึ่งส่งเสริมเสรีภาพ

นายแทนคุณ จิตต์ อิสระ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการจัดกิจกรรม pride month ว่า พรรค ปชป.ได้ร่วมเดินรณรงค์ในการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของพี่น้องประชาชน กลุ่ม LGBTQ+ เต็มที่และยังคงเดินหน้าจัดกิจกรรมส่งเสริมร่าง พ.ร.บ.ขจัดการเลือกปฏิบัติทั้งฉบับของภาคประชาสังคม และของพรรค ปชป. ร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมและคู่ชีวิตที่มีการโหวตให้มากที่สุด ตนในฐานะกรรมาธิการได้ร่วมพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวครอบคลุมทุกมิติ สนับสนุนให้อุตสาหกรรม sex toy ถูกกฎหมายและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน และมีสวัสดิการในวิชาชีพสำหรับผู้ประกอบการ อาชีพบริการทางเพศ สนับสนุนการศึกษา เพศวิถี และอัตลักษณ์ทางเพศ เพื่อเปิดพื้นที่เรียนรู้และสร้างสรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสนับสนุน soft power ของกลุ่ม LGBTQ+

ฟุ้งตั้งแท่น พ.ร.บ.เท่าเทียมทางเพศ

“นอกจากนี้พรรค ปชป.ยังร่วมผลักดันการดูแลป้องกันการคุกคามทางเพศกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ทั้งการต่อต้าน การกดเหยียดอัตลักษณ์ทางเพศ ผ่านการออกแบบหลักสูตรการศึกษาให้ความรู้ความเข้าใจการมีเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่น การมีสวัสดิการเรื่องถุงยางอนามัยห่วงอนามัย การฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส hpv เกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูก และในอนาคตยังตั้งใจสนับสนุน สิทธิจัดตั้งครอบครัว การเรียกคำสรรพนามของบุคคลตามบทบาทสถานะของครอบครัว โดยยืนยันการทำงานในกลไกของพรรคยังคงเดินหน้าและร่วมงานกับภาคประชาสังคมอย่างต่อเนื่องและจริงจัง โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ รักษาการหัวหน้าพรรค ปชป. ยังคงสนับสนุนทุกกิจกรรมของคณะกรรมการด้าน LGBTQ+ ของพรรคให้ทำงานอย่างเข้มแข็งต่อไป

คนกรุงปลื้มผลงานผู้ว่าฯชัชชาติ

วันเดียวกัน นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจ “1 ปี ผู้ว่าฯชัชชาติ” ระหว่างวันที่ 24-30 พ.ค. จาก 2,000 หน่วยตัวอย่าง พบประเด็นต่างๆส่วนใหญ่ระบุทำผลงานค่อนข้างดีทั้งการเพิ่มพื้นที่สีเขียว สวนสาธารณะ การแก้ไขปัญหาความสะอาด ขยะ ฝุ่นละออง น้ำเสีย การส่งเสริมการท่องเที่ยวใน กทม. การปรับปรุงการให้บริการในหน่วยงานของ กทม. การปรับปรุงและจัดระเบียบทางเท้า หาบเร่แผงลอย การจอดยานพาหนะหรือตั้งร้านบนทางเท้า การป้องกันอาชญากรรม และสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การสนับสนุนการกีฬา การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม การแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันในหน่วยงานของ กทม. การจัดระเบียบการชุมนุม การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ การพัฒนาการศึกษา แก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน การแก้ไขปัญหาสุขภาพ/สาธารณสุข การจัดระเบียบ คนเร่ร่อน คนจรจัด ขอทานและการแก้ไขปัญหาจราจรและรถติด ยกเว้นการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ/ ปากท้อง ส่วนใหญ่ระบุไม่ค่อยดี

พอใจขยัน ตั้งใจ แก้ปัญหาเร็ว

เมื่อถามถึงความพึงพอใจของคนกรุงเทพฯต่อการทำงานในรอบ 1 ปีของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ร้อยละ 47.45 ระบุค่อนข้างพอใจ เพราะเป็นคนขยันตั้งใจทำงาน ปัญหาในพื้นที่ได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว และ กทม.มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ร้อยละ 27.75 ระบุพอใจมาก เพราะลงพื้นที่รับฟังเสียงของประชาชนอย่างสม่ำเสมอ ปัญหาที่ร้องเรียนได้รับการแก้ไข ขณะที่บางส่วนระบุว่าทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชน ร้อยละ 14.80 ระบุไม่ค่อยพอใจ เพราะทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ได้น้อย และปัญหาใน กทม. ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง เช่น ปัญหาการจราจร และร้อยละ 10.00 ระบุไม่พอใจเลย เพราะผลงานไม่ชัดเจน และยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างไปจากเดิม