ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ ถือเสียว่าเป็นเกม “คั่นเวลา” ก่อนที่จะเข้าถึงเนื้อหาสาระจริงๆ คนดูจะได้ไม่เบื่อ

แต่เนื่องจากไปหยิบเอาหนัง “นํ้าเน่า” เก่าครํ่าครึไม่ได้อรรถรส แทนที่จะชื่นมื่นเลยเสียอารมณ์กันไปตามๆ

“รัฐบาลแห่งชาติ”...

เลยถูกเขวี้ยงจอพังไปแล้ว

ที่สำคัญพอเอ่ยคำนี้มาเท่านั้น ก็รู้ ทันทีว่ามีจุดประสงค์อันใด ไม่ใช่จิตเจตนาหวังดีต่อชาติบ้านเมืองอย่างที่อ้าง

“จเด็จ อินสว่าง” ส.ว.แต่งตั้ง คิดจะ ตอบแทนบุญคุณด้วยวิธีอย่างนี้มันตื้นเขิน เกินไป เพราะเพิ่งเลือกตั้งมาหมาดๆ

จะพาเข้ารกเข้าพงอีกหรือ?

เส้นทางที่จะเดินไปข้างหน้านั้นแม้มันขรุขระบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็เป็นไปตามวิถีทางที่ต้องยอมรับกัน

ไม่ใช่ “ทางตัน” จนไปไม่ได้แล้ว สักหน่อย

พูดแล้วก็อยากให้ กกต.ประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ เพื่อทุกองคาพยพมันจะได้เดินหน้าต่อไปได้

เพราะเมื่อการตั้งรัฐบาลต้องค้างเติ่งอยู่อย่างนี้ ทำให้เดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลัง ก็ไม่ได้จึงเกิดความแปรผันขึ้นทุกวัน

ความเชื่อมั่นประเทศก็ลดลงไปเรื่อยๆ

คืบหน้าอีกขั้นหนึ่ง เมื่อ “ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรคก้าวไกล ใน ฐานะผู้จัดการรัฐบาล เปิดเผยว่า ตำแหน่งประธานสภาฯจะเรียบร้อยกลางเดือนนี้

ถือว่าเป็นหนทางที่ทำให้ทุกอย่างเดินหน้าไปสู่จุดหมายที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น เนื่องจากตำแหน่งนี้มีความสำคัญต่อกระบวนการที่จะไปสู่การได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรี

ความหมายหนึ่งก็คือการพูดคุยเรื่องนี้ระหว่าง “ก้าวไกล” กับ “เพื่อไทย” มีความคืบหน้าไปมากพอสมควร

...

อย่างน้อยก็รู้แล้วว่าพรรคไหนจะได้เก้าอี้ตัวนี้ไปครอง

ฟังเสียงคอมเมนต์ให้ความเห็นตรงกันคือต้องเป็น “กลาง” ไม่สามารถที่จะเบี่ยงเบนเพื่อพรรคใดพรรคหนึ่งได้

ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็น “คน” ของพรรคอันดับ 1 เสมอไป

มาถึงตรงนี้ “ก้าวไกล” คงจะยอมรับความจริงด้วยการยอมยกให้ “เพื่อไทย” ไปทำหน้าที่เพื่อทุกอย่างจะได้เดินหน้าไปง่ายขึ้น

เป็น 14+1 (นายกรัฐมนตรี)

เป็น 14+1 (ประธานสภาฯ)

แล้วใครจะเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ?

“ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนนี้วิ่งนำหน้ามาก่อนใครเพื่อน เพราะนอกจากคนในพรรคจะดันก้นแล้ว

พรรคที่จับมือร่วมรัฐบาลก็มีความเห็นตรงกัน

ที่เหมาะสมนั้นมีเหตุผลรองรับนอกจากจะเป็น ส.ส.มาแล้ว 7 สมัย มีประสบการณ์งานสภาเหนือกว่าอีกหลายคน

ข้อกฎหมายย่อมแม่นและมีความประนีประนอมสูง

อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าพรรคที่ต้องหาตำแหน่งที่เหมาะสมให้ซึ่งคนอยากเป็นก็มี แต่อีกหลายคนอยากเป็น “รัฐมนตรี” มากกว่า

เลยได้โอกาส “ถีบ” หัวส่งพ้นเส้นทางไปเลย

ประเด็นสำคัญ “เจ้าตัว” ก็คงพอใจที่ได้ตำแหน่งนี้ เพราะงานในสภานั้นเคยได้รับการยกย่องให้เป็น “ดาวสภา” มาแล้ว

เสียอยู่อย่างเดียว...

ต้อง “ลาออก” จากตำแหน่ง หัวหน้าพรรค ซึ่งก็แค่ (หัวโขน) อย่างที่รู้ๆกัน!

“ลิขิต จงสกุล”