จุดศูนย์กลางของการจับโป๊ะ จ้องเชือด จ่อสอย แต่กระนั้น “ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯของพรรคก้าวไกล ก็ไม่ได้หวั่นไหวต่อสิ่งนี้ ทั้งปม “ถือหุ้นสื่อ” จ่อโดนทุบสกัดเก้าอี้ผู้นำคนที่ 30 เจ้าตัวนิ่ง ไม่ตีตนไปก่อนไข้ เตรียมรับมือไว้ทุกฉากทัศน์
เพราะเอาเข้าจริง ทั้ง “พิธา” และคณะหลังม่านส้มน่าจะประเมินออกอยู่แล้ว ทางเดียวจะเล่น คือบทผู้ยึดครองฝ่า “ความชอบธรรม” ในฐานะพรรคเสียงอันดับ 1 ถือศักดิ์และสิทธิ์ในการรวมเสียงตั้งรัฐบาล
และวันนี้ยังไม่มีค่ายใดกล้าออกมาขวางทางกันตรงๆ
ก้าวไกลก็ต้องเดินให้สุดทาง เล่นสุดเกม
พร้อมกับปลุกพลังสีส้มให้คล้อยตาม สถาปนาสถานะ “ว่าที่นายกฯ” และว่าที่รัฐบาลพรรคก้าวไกล ปั่นข้ามช็อต ซ้อมมืองานบริหาร จนถูกมองตั้ง “ครม.เงา”
แน่นอนคิวต้านมาตามคาด ไล่ตั้งแต่ “นายกฯบิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯรวมไทยสร้างชาติ กระแอมดักคอเกม “รัฐบาลซ้อนรัฐบาล-นายกฯซ้อนนายกฯ” ขวางคิวตะลอนโฉบหน่วยงานราชการ ตามด้วย “ดร.วิษณุ เครืองาม” รองนายกฯ ออกมาสอนสั่ง ต้องทำเนียนๆ ถ้าอึกทึกครึกโครมก็ไม่เหมาะ
ยังไม่รวมบรรดาหางเครื่องฝั่งวุฒิสภา ส.ว.ออกมาร่วมด้วยช่วยขย่ม “พิธา” คิวนี้กันพร้อมเพรียง

...
และที่ต้องโฟกัสอีกประเด็น คือสุ้มเสียงวิเคราะห์ข้อกฎหมายจาก “ดร.วิษณุ” ชี้คิวร้อน ปม “ถือหุ้นสื่อ” ของ “พิธา” หากผ่านจาก กกต.ส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญก็จะพิจารณาตามคำร้องที่ยื่น
ยกแง่เงื่อนปมเหมือนชี้โพรง คนร้องเรียนยื่นได้ทุกปม ทั้งประเด็นคุณสมบัติการเป็นส.ส. และตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมทั้งผลกระทบกับพรรคก้าวไกล และ 151 ส.ส.ค่ายส้ม
นอกจากนี้เนติบริกรยังประเมินความเสี่ยงล่วงหน้า อาจลากไปถึงขั้นเจอเกม “เลือกตั้งโมฆะ” ต้อง “เลือกตั้งซ่อม” กันใหม่ทั่วประเทศ
ปั่นให้เห็นภาพ “เกมล้างกระดาน” กันอีกแล้ว
ยังไม่รวมสุ้มเสียงจากนายจเด็จ อินสว่าง ส.ว.ขวาเข้ม ออกมาจุดพลุ เสนอให้ทุกพรรคการเมืองร่วมกัน จัดตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ” แต่ไม่บอกละเอียด “แห่งชาติ” ที่ว่า หมายรวมถึงพรรคก้าวไกลด้วยหรือไม่
หรือดีดไปเดียวดายในปีกฝ่ายค้าน
เรียกว่านาทีนี้ เกมอำนาจขยับกันไปอีกจังหวะ
จากข่าวสนั่นเมือง ดีลลับถูกดับเรียบร้อย เมื่อ “โทนี่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ บอกปัดปฏิเสธทุกคิวทุกดีลพลิกขั้วย้ายข้างหยุดสงครามร้อน–สงครามเย็น เพื่อไทย–ก้าวไกล
ในจังหวะที่อดีตนายกฯคนแดนไกลอ่านออก วันนี้ต้องผ่อนสั้นผ่อนยาว เดินไปตามสเต็ปเกม
โดยเฉพาะในคิวจัดรัฐบาลหนนี้ เพื่อไทยได้เปรียบ ร่วมได้ทุกฝั่ง พลิกได้ทั้งซ้าย–ขวา นั่นก็เพราะด้วยตัวเลข ส.ส.141 เสียง แม้พลาดเป้าแลนด์สไลด์
แต่วิกฤติกลายเป็นโอกาสของนายใหญ่และค่าย “เสื้อแดง” ยกสถานะเป็นพรรค “ตัวแปร” ไปเรียบร้อย
เพราะโฟกัสจับจ้องจากฝั่งอนุรักษ์นิยมและผู้คุมเกมประเทศเปลี่ยนไป ลดดีกรีระแวงเพื่อไทย เพราะมีก้าวไกลค่ายสีส้มก้าวเข้ามาแทนที่ในบท “โจทย์อันตราย”
เพื่อไทยเบาตัว ไม่ต้องเร่งสปีดฝ่าด่านเหนื่อย แค่ดึงจังหวะรอสัญญาณ “เรียกใช้บริการ” กันแบบชิลๆ

โดยเฉพาะคิวแทรกซ้อนที่กลับมาพูดกันดังกระหึ่มอีกครั้ง กับสูตร “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” อย่างที่ “เสี่ยเต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย ออกมาเบรกคิวทะเลาะของก้าวไกล-เพื่อไทย ให้ระวังเข้าทาง “ลุงขั้วอำนาจเก่า”
เพราะถึงวันนี้ “บิ๊กตู่” ก็ยังไม่เคยประกาศ “ยอมรับความพ่ายแพ้”
ถ้าโหวตลงมติเลือกผู้นำกันทันที เมื่อประเมินเสียงพรรคร่วมเดิม ถึงแม้มีแค่ 188 เสียง แต่ยังมีแต้มต่อ 250 ส.ว.หนุน ชิงเก้าอี้ผู้นำได้ไม่ยาก
ส่วนโจทย์รัฐบาลเสียงข้างน้อย แก้ได้ด้วยสูตรกล้วยและเกมงูเห่า
สอดคล้องกับกระแสข่าวจากพรรครวมไทยสร้างชาติ แคนดิเดตผู้นำอย่าง “บิ๊กตู่” ปลุกปลอบลูกค่าย “ให้อยู่นิ่งๆ” จดจ้องรอโอกาส
เพราะเกมอำนาจของขั้วลุงๆยังได้เปรียบ มีแบ็กอัปตัวช่วยสารพัด กระทั่ง “ตัวแปร” ค่ายเพื่อไทย
ถ้าถึงไฟต์บังคับปฏิเสธยาก พลิกเกมย้ายขั้วได้เช่นกัน.
ทีมข่าวการเมือง