เครือข่ายขนส่ง 10 สมาคมโร่ขอบคุณ “วิโรจน์” ถึงพรรคก้าว ไกล หลังเปิดโปงส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก เผยรอมา 20 กว่าปี ก่อนนี้ร้องเรียนทุกนายกฯ ทุก ผบ.ตร.มีแต่คำหลอกลวงและถูกข่มขู่ ถึงวันนี้พบแสงสว่างสีส้มที่ปลายอุโมงค์แล้ว พร้อมมอบสติกเกอร์ส่วยและรายชื่อตำรวจนักบิน “วิโรจน์”  รับรองถึงมือจเรตำรวจแห่งชาติแน่  ขณะเดียวกัน แนะ 4 ข้อแก้คอร์รัปชันต้องปรับโครงสร้าง ปราบอย่างเดียวไม่ได้ รวมทั้งหนุน ขรก.ตงฉิน ออก พ.ร.บ.ปกป้องคุ้มครองคนแฉโกง แก้กฎหมายลดให้อำนาจดุลพินิจกับ จนท. ด้าน “หลวงตาเต่า” เผยเตรียมขอข้อมูลสมาพันธ์รถบรรทุกจัดการตำรวจที่เกี่ยวข้องรีดส่วยพรุ่งนี้

กรณี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.หรือ “หลวงตาเต่า” มือปราบคอร์รัปชันรับมอบหมายจาก พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ให้มารักษาราชการ ผบก.ทล. แทน พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล.ถูกย้ายเข้ากรุ ศปก.บช.ก.จากพิษส่วยสติกเกอร์รถบรรทุกที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาเปิดโปง โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ได้เรียกประชุมด่วนนายตำรวจระดับ รอง ผบก.-ผกก.ของกองบังคับการตำรวจทางหลวงเพื่อหารือแนวทางการสะสางปัญหาและยกเลิกชุดเฉพาะกิจทั้งหมด พร้อมยอมรับเรื่องส่วยสติกเกอร์อยู่ใต้พรมมานาน ถึงจุดนี้ต้องยอมรับความจริง ตำรวจทางหลวงถึงยุคเปลี่ยนแปลง การปรับตัวคือบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมเป็นธรรมแม้จะกระทบถึงผู้ประกอบการ ขณะที่นายวิโรจน์ออกมาแนะนำวิธีการแก้ไขคือ ให้ ปปง.ยึดทรัพย์ และทบทวนแก้ไข ก.ม.ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

ความคืบหน้าล้างส่วยรถบรรทุก เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 1 มิ.ย. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก. ปปป. รรท. ผบก.ทล.เผยถึงส่วยสติกเกอร์รถบรรทุกว่า หลังจากประชุมรอง ผบก.-ผกก.สังกัดตำรวจทางหลวง ได้สั่งการให้ทุกกองกำกับมีผลปฏิบัติการในการจับกุมรถบรรทุกที่ฝ่าฝืนทำผิดกฎจราจรอย่างเคร่งครัด วันนี้ได้รับรายงานว่า เริ่มมีการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินบ้างแล้ว 5 ราย ใน จ.ศรีสะเกษ สมุทรปราการ และอุบลราชธานี คาดว่าหลังจากถ่ายทอดคำสั่งนโยบายไปแล้ว ต่อไปน่าจะมีการจับรถที่ทำผิดกฎจราจรมากขึ้น ที่ประชุมยังได้สั่งให้ยกเลิกชุดเฉพาะกิจทุกชุด พร้อมตั้งชุดสืบสวนสอบสวนทางลับแสวงหาข้อมูลทั้งหมด รวมทั้งพรุ่งนี้จะไปพบสมาพันธ์รถบรรทุกเพื่อประสานข้อมูล นำมาเป็นพยานหลักฐานดำเนินการกับตำรวจ ส่วนจะเรียกเข้ามาช่วยราชการหรืออย่างไรนั้น ต้องมีข้อมูลเป็นหลักฐาน ถามว่าตอนนี้เรารู้ว่าตำรวจคนนี้ทำไม่ดี แต่ยังไม่มีข้อมูลหลักฐานก็ยังทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าจะให้ไว สมาพันธ์ฯ ต้องเอาหลักฐานมาให้เลยจะได้สั่งดำเนินการได้ทันที ตรงนี้เป็นความจริงใจของเราในการแก้ปัญหา

...

ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.)ซอยรามคำแหง 42 นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย นำตัวแทนเครือข่ายผู้ประกอบการขนส่ง 10 สมาคม เข้ายื่นหนังสือเเละร่วมหารือกับนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายอภิชาติเผยก่อนการหารือว่าขอบคุณนายวิโรจน์ ที่เปิดโอกาสให้เรามีโอกาสมายื่นเรื่องส่วย กลวิธีการมีส่วยเริ่มตั้งแต่ 2539 พัฒนาเพิ่มความรุนแรงจนมาถึงปี 2566 ในช่วงปี 2539-2540 สื่อโทรทัศน์ช่องหนึ่ง นำเสนอภาพข่าวตำรวจเก็บส่วยจากรถบรรทุก ทำให้การเก็บส่วยลักษณะดังกล่าวหมดไป แต่เปลี่ยนมาเป็นสติกเกอร์ของแต่ละเจ้า แต่ละองค์กรแทนเพื่อเคลียร์ทาง

นายอภิชาติกล่าวต่อว่า เฝ้ารอมา 20 กว่าปี ร้องเรียนทุกนายกฯ ผบ.ตร. ตำรวจทางหลวง จนถูกข่มขู่มีการให้เบอร์โทรศัพท์จากนายสิบ นายดาบ ตำรวจชั้นผู้น้อย บอกให้ไปเคลียร์ส่วยกับเจ้านายเอาเอง ถ้าไม่เคลียร์ก็ถูกหาเรื่องให้เสียค่าปรับ ทั้งนี้สหพันธ์ฯ มีรถบรรทุก 4 แสนกว่าคัน เราทำเอ็มโอยูว่าจะอยู่ภายใต้กฎหมาย แต่รถบรรทุกที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก ทั้งหมดมี 1.5 ล้านคัน เราเป็นเพียง 1 ใน 3 ยืนยันว่าสมาชิกไม่มีใครทำผิดกฎหมาย แต่รถบรรทุกที่เหลืออีก 1 ล้านเศษนั้นคิดเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 2 แสนคัน ราคาสติกเกอร์มีตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัย คือ ตั้งแต่ 3 พัน-2 หมื่นบาท เป็นสติกเกอร์พรีเมียม บรรทุกได้ไม่จำกัดน้ำหนัก ขณะนี้มีสติกเกอร์เกลื่อนถนน 40-50 แบบ

ประธานสหพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยกล่าวต่อว่า อีกเรื่อง รถบรรทุกมีกฎหมายให้วิ่งเลนซ้ายอย่างเดียว แต่ทุกวันนี้วิ่งเลนขวาที่ทำได้เพราะมีค่าเคลียร์ 1,000-1,500 บาทต่อเดือน และแต่งรถสวยทุกพื้นที่ มีแต่ส่วยซ่อนรูปทั้งนั้น ขณะนี้นายวิโรจน์ ยังไม่ได้เป็นรัฐมนตรีอะไร แต่หยิบยกปัญหาที่เป็นหัวใจสำคัญของประชาชนเป็นช็อตเด็ดสู่สังคมไทยมาแก้ เราพบแสงสีส้มที่ปลายอุโมงค์ ฝนตั้งเค้ามานานวันนี้ฝนกำลังเริ่มตกชะล้างสิ่งสกปรกในประเทศไทยให้สะอาดหมดจด ที่ผ่านมาร้องเรียนไปทุกกรมกองไม่เคยแก้ปัญหา มีแต่คำหลอกลวง วันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้น ขอฝากถึง ส.ว.ให้ช่วยสนับสนุนการฟอร์มรัฐบาลของพรรค ก.ก.เพื่อให้เศรษฐกิจเดินต่อไปได้เพราะจมปลักมา 10 ปี แล้ว

ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร กล่าวว่า เวลานี้ ทุกคนต่างพุ่งเป้าไปที่ตำรวจทางหลวงเป็นหลักแต่ยังมีในส่วนของตำรวจภูธรที่เกี่ยวกับงานจราจร และสำนักควบคุมน้ำหนักยานพาหนะบางคนที่มีส่วนร่วมในเรื่องส่วย ไม่ได้หมายความว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนมีส่วนร่วม เจ้าหน้าที่ที่ดีและตั้งใจทำงานมีอีกมาก เรื่องนี้ต้องแก้ปัญหาทั้งระบบ เพราะความเสียหายเป็นหมื่นล้าน วาระสำคัญวันนี้จะสืบสาวเรื่องราวที่มาที่ไปเกี่ยวพันกับข้าราชการคนไหนบ้าง จากนี้จะไปพูดคุยกับจเรตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.รรท.ผบ.ทล. ต่อไป

นายวิโรจน์กล่าวด้วยว่า การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันอย่างยั่งยืนจะปราบอย่างเดียวไม่ได้ การทบทวนแก้กฎหมายให้เป็นธรรมต้องดำเนินการไปด้วย รวมทั้งนำเทคโนโลยีมาใช้เรื่องด่านชั่งน้ำหนักอย่างจริงจังจนถึงการยกเลิกซื้อขายตำแหน่งตำรวจ และระบบตั๋ว การปราบปรามส่วย พรรค ก.ก.ต้องดำเนินการใน 4 เรื่อง คือ 1.เรื่องการปราบปราม โดยกฎหมายที่พรรคต้องดำเนินการแน่ๆคือ พ.ร.บ.ปกป้องผู้เปิดโปงเบาะแสการทุจริตที่จะทำให้สาวไส้ทลายได้ทั้งวงจร 2.ระบบคุณธรรมในระบบราชการ ผู้ที่ตั้งใจทำงานสุจริตต้องเติบโตไม่ใช่วิ่งเต้นซื้อตั๋ว 3.ทบทวนกฎหมายที่เป็นช่องทางเรียกรับผลประโยชน์ 4.การใช้เทคโนโลยีจับโกงหรือพิรุธจัดซื้อจัดจ้าง การชั่งน้ำหนักตามด่าน เป็นต้น

หลังจากนั้น นายอภิชาตมอบเอกสารสติกเกอร์ส่วยรวม 46 ป้าย พร้อมรายชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งประเทศให้กับนายวิโรจน์ซึ่งรับมอบและกล่าวยืนยันว่า รายชื่อทั้งหมดจะถึงมือจเรตำรวจแห่งชาติแน่นอน

วันเดียวกัน นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยถึงการติดตามควบคุม และลดปัญหาการทุจริตรถบรรทุกน้ำหนักเกินว่า ส่วนตัวเชื่อว่าส่วยสติกเกอร์รถบรรทุกน่าจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินการ ส่วนเรื่องรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ป.ป.ช.เสนอมาตรการป้องกันทุจริตต่อ ครม. เมื่อวันที่ 6 ต.ค.64 เพราะทำให้ถนนหมดอายุใช้งานก่อนช่วงเวลาที่ออกแบบไว้ ครม.มีมติวันที่ 28 ธ.ค.64 รับทราบข้อเสนอให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรฯ พาณิชย์ มหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับข้อเสนอ ป.ป.ช.ไปดำเนินการให้เป็นรูปธรรมใน 6 ประเด็นคือ 1.บังคับใช้กฎหมายลงโทษผู้ประกอบการที่บรรทุกน้ำหนักเกินอย่างเป็นรูปธรรม 2. ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันควบคุมกำกับดูแลถนนแต่ละเขตความรับผิดชอบอย่างบูรณาการ 3.ประชุมร่วมกันของหน่วยงานเพื่อแก้ปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย 4.ออกมาตรการให้รถบรรทุกมีใบชั่งระบุน้ำหนักบรรทุกตั้งแต่ต้นทาง เครื่องชั่งที่ได้รับการตรวจสอบมาตรฐานจากสำนักงานกลางชั่งตวงวัด กระทรวงพาณิชย์ รถบรรทุกต้องมีป้ายแสดงน้ำหนักบรรทุกจริงขณะวิ่ง 5.นำระบบเทคโนโลยีอัตโนมัติมาใช้ เช่น เทคโนโลยีตรวจชั่งน้ำหนักรถบรรทุกขณะเคลื่อนที่ความเร็วสูง เทคโนโลยีตรวจชั่งน้ำหนักรถบรรทุกชนิดติดตั้งใต้สะพานจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ลดการใช้ดุลพินิจเจ้าหน้าที่ในการชั่งน้ำหนัก 6.เพิ่มมาตรการตรวจสอบการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานมีปัญหาทุจริต

นายนิวัติไชยกล่าวต่อว่า จากการติดตามความคืบหน้าการดำเนินการตามข้อเสนอแนะ กระทรวงคมนาคมกำหนดมาตรการระยะสั้น ระยะยาวขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านต่างๆ อาทิ จัดหลักสูตรอบรมแก่เจ้าหน้าที่ให้เข้าใจการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกิน กรมทางหลวงจัดทำเอ็มโอยูกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดการรถบรรทุกทำผิดอย่างเข้มงวด นำระบบเทคโนโลยีอัตโนมัติมาใช้ดำเนินการ ปัจจุบันกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบทนำระบบเทคโนโลยีตรวจชั่งน้ำหนักรถบรรทุก ใช้เครื่องชั่งน้ำหนักขณะเคลื่อนที่ความเร็วสูง และเทคโนโลยีตรวจชั่งน้ำหนักรถบรรทุกชนิดติดตั้งใต้สะพานมาใช้แล้ว แต่ยังขาดการรับรองเครื่องชั่งน้ำหนักจากสำนักงานกลางชั่งตวงวัดเพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมายได้ กระทรวงคมนาคมมีแนวทางพิจารณารายละเอียดการบันทึกน้ำหนัก โดยเครื่องชั่งน้ำหนักขณะรถเคลื่อนที่ และรูปถ่ายจากกล้องซีซีทีวีเป็นเครื่องมือตรวจจับอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ศึกษาความพร้อมของเทคโนโลยีก่อนนำมาเป็นเครื่องมือตรวจสอบจับกุมในอนาคต และจะตั้งหน่วยชั่งน้ำหนักยานพาหนะเคลื่อนที่ป้องกันรถบรรทุกหลีกเลี่ยงการเข้าจุดชั่งน้ำหนัก ป.ป.ช.จะเร่งผลักดันทุกหน่วยงานทำงานเชิงรุกป้องกันการทุจริตรถบรรทุกน้ำหนักเกิน