วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลั่น ไม่รับเคลียร์ เหตุ มีเบอร์แปลกๆโทรหา บอกอยากทำให้ถูกต้องมากกว่า หลังเปิดประเด็นส่วยสติกเกอร์ทางหลวง ยัน ยินดีทำงานร่วม จนท. ย้ำไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง  

วันที่ 1 มิ.ย.2566 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ทำการพรรคก้าวไกล สมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย พร้อมสมาชิกกว่า 30 คน เข้ายื่นหนังสือและเข้าหารือ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล

นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย บอกว่า ที่มาวันนี้ มีสมาชิกรวม 10 สมาคมทั่วประเทศ เดินทางมาร่วมกัน ส่วนเรื่องยุทธวิธีของการมีส่วยเกิดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 และมีการพัฒนาเพิ่มความรุนแรงขึ้นจนถึงปีนี้ จนเกิดคำถามว่า ที่ผ่านมา สมาคมทำอะไรอยู่ไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ ซึ่งการพัฒนาส่วยสติกเกอร์ มาจากการนำเสนอของสื่อสำนักหนึ่ง ที่ไปแอบถ่าย และพบว่า มีตำรวจไปรับเงินริมถนน จากนั้นกลุ่มกระบวนการก็มีการพัฒนาเปลี่ยนมาเป็นสติกเกอร์แทน เพื่อแสดงสัญลักษณ์ของแต่ละองค์กร โดยทางสมาพันธ์ ได้เฝ้ารอมาระยะเวลา 20 กว่าปี และที่ผ่านมา เคยร้องเรียนมาทุกหน่วยงาน ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจทางหลวง และอื่นๆ แต่กลับประสบปัญหาถูกข่มขู่และบางครั้งตำรวจชั้นผู้น้อย ให้เบอร์โทรศัพท์เจ้านายมาให้ไปเคลียร์และตกลงกันเรื่องส่วย

...

ทางสหพันธ์ คาดการณ์ว่า รถบรรทุกที่มีการจ่ายส่วยมีประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวน 1,100,000 คัน หรือประมาณ 2 แสนคัน เนื่องจากรถบรรทุกที่จดทะเบียนไว้กับกรมขนส่งทางบก มีประมาณ 1,500,000 คัน เป็นสมาชิกของสหพันธ์ 4 แสนคัน ซึ่งยืนยันว่า ในกลุ่มนี้ไม่มีคันไหนได้จ่ายส่วย เพราะสมาชิกได้ลงมติกันให้อยู่ภายใต้กฎหมาย โดยขณะนี้ พบว่า แผ่นป้ายสติกเกอร์ส่วย มีประมาณ 40-50 แผ่นป้าย โดยราคาสติกเกอร์มีหลายราคา ตั้งแต่ 3,000-27,000 บาท ซึ่งมีสติกเกอร์ระดับพรีเมียมด้วย

นายอภิชาติ ยังบอกด้วยว่า การขนส่งเป็นหัวใจสำคัญและเป็นเส้นเลือดใหญ่ของระบบเศรษฐกิจ หากเมื่อไหร่การขนส่งไม่ราบรื่น จะทำให้การส่งสินค้าอุปโภค บริโภค ในพื้นที่ต่างๆ ติดขัด และยังมีระบบส่วย ทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้น และวันนี้ถือว่า เป็นการพบแสงสีส้มที่ปลายอุโมงค์ เปรียบเสมือนฝนที่ตั้งเค้ามานายหลายปี ในวันนี้ฝนกำลังจะตกเพื่อชะล้างสิ่งสกปรกในพื้นที่ประเทศไทยให้สะอาด และขอยืนยันว่า ตัวเองไม่เคยติดต่อกับนายวิโรจน์มาก่อน แต่นายวิโรจน์ ได้หยิบเรื่องร้องเรียนของสหพันธ์มาพิจารณา

นอกจากนี้ นายอภิชาติ ได้เปิดเผยถึงส่วยซ่อนรูป ที่เกิดจากเจ้าหน้าที่ ไม่ติดตั้งป้ายจำกัดความเร็วให้เป็นมาตรฐาน และบางพื้นที่ระบุความเร็วไม่เท่ากันทำให้คนขับรถบรรทุกไม่รู้และถูกเรียกปรับ และถูกตั้งข้อหาเสียค่าปรับหลายใบ ซึ่งไม่สมเหตุสมผล ตัวเองมองว่า เหมือนเป็นการกลั่นแกล้งรถบรรทุกที่ไม่มีสติกเกอร์ ขณะเดียวกัน ปัจจุบันนี้มีรถบรรทุกวิ่งเลนขวา เพราะได้เสียค่าเคลียร์ไปเป็นเงิน 1,000-1,500 บาท สุดท้ายนี้นายอภิชาติ ได้ฝากถึง ส.ว.ให้สนับสนุนการตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกล ด้วย

ขณะที่ นายวิโรจน์ บอกว่า ตอนนี้สื่อ น่าจะพุ่งเป้าไปตำรวจทางหลวงเป็นหลัก แต่กระบวนการนี้มีตำรวจภูธรเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย โดยเฉพาะหน่วยจราจรในพื้นที่ จากข้อมูลที่ตนทราบ มีตำรวจบางนายยุติกระทำชั่วคราวแล้ว แต่ยังมีตำรวจบางนายยังชะล่าใจอยู่ จึงอยากจะส่งสัญญาณให้เลิกพฤติกรรมดังกล่าว ส่วนสำนักงานคุมน้ำหนักยานพาหนะที่ดูเรื่องตาชั่ง ก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย และยังมีตัวละครอีกหลายตัวที่เกี่ยวพัน ดังนั้น จึงต้องแก้ไขปัญหาทั้งระบบ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงมูลค่าความเสียหาย นายวิโรจน์ ตอบว่า หากเปรียบเทียบค่าปรับคันละ 5,000 บาท จำนวน 2 แสนคัน ใน 1 ปี ความเสียหายน่าจะอยู่ในระดับ 2 หมื่นล้านบาท สำหรับการประชุมวันนี้วาระสำคัญ คือ จะมาดูเรื่องที่มาที่ไปและเบาะแสว่า เกี่ยวกับข้าราชการท่านไหนบ้าง และมีแผนจะไปพบกับจเรตำรวจ และพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. และ รักษาราชการแทน ผบก.ทล. ซึ่งเป็นหน้าที่การทำงานร่วมกันระหว่างพรรคก้าวไกลและตัวแทนสหพันธ์ โดยจะเอาเทคโนโลยีชั่งน้ำหนักมาใช้อย่างจริงจัง เพื่อลดการคอร์รัปชัน ส่วนตำรวจก็ต้องยกเลิกระบบการซื้อขายตำแหน่ง หรือซื้อขายตั๋วช้าง

นายวิโรจน์ ยังบอกด้วยว่า หลังมีการ เปิดเผยข้อมูลเรื่องส่วย ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการตื่นตัวและทำให้ส่วย ในรูปแบบอื่นถูกพูดถึงด้วย ซึ่งจะต้องมีการจัดการแก้ไขทีละเรื่อง เพราะทั้งหมดส่งผล ต่อการอุปโภคบริโภคและเรื่องของค่าครองชีพ โดยเฉพาะเรื่องส่วยรถบรรทุกที่มีเงินสะพัดถึงสองหมื่นล้านบาท ตัวเองมั่นใจว่า เรื่องการปราบปรามระยะสั้นจะเห็นเป็นรูปธรรม ส่วนระยะยาวเป็นเรื่องของการแก้ไขกฎระเบียบเดิมที่มีมากเกินไป เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ เข้าไปรังควานผู้ประกอบการ เนื่องจากที่ผ่านมา ผู้ประกอบการ 99 เปอร์เซ็นต์ ต้องการทำให้ธุรกิจของตัวเองถูกกฎหมาย เพราะเชื่อว่า การทำให้ถูกกฎหมายจะทำให้เกิดความสะดวกสบายในการทำธุรกิจ แต่กลับกลายเป็นว่า ถูกกลั่นแกล้งให้ไปเข้าสู่วงจรการจ่ายส่วยและวงจรสีเทา

ส่วนส่วยอื่นๆ เช่น การลักลอบแรงงานต่างด้าว หรือแม้แต่เรื่องส่วยศุลกากร ตอนนี้มีเบาะแสเข้ามาแล้วส่วนหนึ่ง แต่ตัวเองอยากจัดการเรื่องส่วยรถบรรทุกให้เสร็จสิ้นก่อน ทั้งนี้ นายวิโรจน์ ยอมรับว่า ขณะที่มีเบอร์โทรศัพท์แปลกๆ โทรหาตนหลายสายเพื่อขอเคลียร์ แต่ตนตัดสายทิ้ง ขอยืนยันต่อหน้าสื่อว่า ไม่รับเคลียร์ แต่อยากให้กลับไปทำให้ถูกต้องมากกว่า

ทั้งนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า พร้อมร่วมงานกับพรรคก้าวไกล แต่ต้องไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง นายวิโรจน์ ตอบรับว่า “ยินดีและดีใจที่ทราบว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ มารับหน้าที่นี้ ซึ่งตนและสหพันธ์ เบาใจขึ้นไปเยอะ และที่ผ่านมาในการเปิดประเด็นเรื่องส่วย ไม่ได้มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลย