ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ค้าน "รัฐบาลแห่งชาติ" ที่ "จเด็จ" ส.ว.เสนอ ยัน ประชาธิปไตยยังเดินได้อยู่ ตั้งรัฐบาลเดินหน้าวาระของประชาชนก่อน ส่วนเรื่อง "ประธานสภา" หรือ ตำแหน่ง ครม.ค่อยว่ากันภายหลัง
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ กรณี นายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. ออกมาเสนอให้จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ว่า ถือเป็นเพียงความคิดเห็นที่แตกต่าง ซึ่งเราก็รับฟัง แต่ตนคิดว่าปกติการเสนอรัฐบาลแห่งชาติ ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยในประเทศต่างๆ และรัฐบาลแห่งชาติ ต้องเกิดวิกฤติที่รุนแรงภายในประเทศ เช่น เป็นภาวะสงคราม ที่ประเทศต้องการความเป็นเอกภาพร่วมกันในการแก้ไขวิกฤติรุนแรงนั้นๆ แต่วันนี้ประเทศไทย ยังไม่ได้เกิดวิกฤติขั้นนั้น ระบอบประชาธิปไตย ยังมีช่องทางเดินต่อไปได้ตามรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้งครั้งนี้ ฝ่ายประชาธิปไตย ได้เสียงเกินกว่า 300 เสียง ซึ่งเราต้องคำนึงถึงเจตจำนงและความคาดหวังของประชาชนด้วย ดังนั้นเราต้องช่วยกันผลักดันเจตจำนงและความคาดหวังของประชาชนให้สำเร็จ
ส่วนที่มีข้อกังวลเกี่ยวกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกล นั้น เป็นเพียงการคาดเดากันไปต่างๆ นานา แต่วันนี้ นายพิธา ยังอยู่ในเส้นทางก็ต้องว่ากันไป วันนี้ประเทศไทยเพิ่งผ่านการเลือกตั้งมา ประชาชนแสดงเจตจำนงชัดเจนก็ต้องทำให้เจตจำนงนั้น ประสบความสำเร็จให้ได้ หากมีข้อจำกัดก็ต้องหาทางออกตามรัฐธรรมนูญ ให้ทุกฝ่ายยอมรับในเจตจำนงของประชาชน อย่างไรก็ตาม หากเกิดปัญหาขึ้นจริงๆ จนถึงขั้นไปต่อไม่ได้ ต้องสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่า ยอมรับได้หรือไม่ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันหาทางออกร่วมกัน แต่ขณะนี้อย่าเพิ่งตัดช่องทางต่างๆ เพื่อจะตั้งรัฐบาลแห่งชาติ อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า ฝ่ายประชาธิปไตย สามารถจัดตั้งรัฐบาลของประชาชนได้สำเร็จ และแม้รัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ยังไม่เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็มีกฎเกณฑ์กติกา ให้เราเดินต่อไปได้อยู่ ส่วนเมื่อมีรัฐบาลและเปิดสภาฯ แล้วจะแก้ไขรัฐธรรมนูญกันอย่างไรก็ว่ากันไป
...
เมื่อถามถึงการประชุมพรรคร่วม ที่จะจัดตั้งรัฐบาลวันที่ 6 มิ.ย. จะมีการพูดคุยถึงตำแหน่งประธานสภา หรือตำแหน่งรัฐมนตรี หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า การประชุมวันที่ 6 มิ.ย. เป็นการประชุมที่เป็นวาระกำหนดทิศทางในการทำงานร่วมกัน เพื่อหาทางออกให้ประชาชน จะพูดถึงการนำนโยบายของพรรคต่างๆ มาร่วมกันแก้ปัญหาให้ประชาชนได้อย่างไร เราเอาความคาดหวังของประชาชนเป็นที่ตั้ง เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนก่อนส่วนเรื่องตำแหน่งนั้น เป็นเรื่องที่จะพูดกันภายหลังวาระของประชาชนเสร็จสิ้นแล้ว