"โรม" โต้ "วิษณุ" อย่าชี้นำ ส.ว. ปมถือหุ้นสื่อ "พิธา" กรณีหากผิด ต้องเลือกตั้งซ่อมใหม่ทั้งประเทศ แนะ "ประยุทธ" แสดงสปิริต ยอมรับพ่ายแพ้เลือกตั้ง และขนข้าวของออกจากทำเนียบฯ ส่วนตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ชี้ประเทศไม่ได้อยู่ในสถานการณ์อยู่ในเงื่อนไขนั้น 

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 1 มิ.ย. 2566 ที่ทำการพรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกรณีที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเห็นต่อกระแสข่าวว่า อาจมีการเลือกตั้งใหม่ หากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูกศาลวินิจฉัยให้ขาดคุณสมบัติจากกรณีการถือครองถือหุ้นไอทีวี

นายรังสิมันต์ บอกว่า หลังจากตัวเองได้รับฟังความคิดเห็นจากขั้วอำนาจเก่า ทั้งนายวิษณุและพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หากมองตอนนี้การเลือกตั้งก็ผ่านมา 2 สัปดาห์แล้ว ตัวเองยังไม่เคยได้ยินคำพูดแสดงความยินดีกับผู้ชนะการเลือกตั้ง จาก พลเอกประยุทธ์เลย อีกทั้งยังไม่เห็นการเตรียมความพร้อมในการเก็บข้าวของ เพื่อเตรียมส่งมอบงานให้กับรัฐบาลใหม่ ซึ่งตอนนี้พรรคก้าวไกล มีความพร้อมในการตั้งทีมคณะทำงานช่วงเปลี่ยนผ่าน และหากเราย้อนมองประเทศประชาธิปไตยหลายประเทศ เรื่องของสปิริตที่สำคัญของผู้ที่เป็นรัฐบาลคือการแสดงความยินดีกับรัฐบาลของผู้ชนะ ที่มาจากประชาชน ซึ่งท่าทีพลเอกประยุทธ์ คือ การหวังส้มหล่นจากรัฐบาลของก้าวไกล และคิดว่าไม่สายเกินไป ถ้าจะได้ยินจากปากของพลเอกประยุทธ์ ในการยอมรับความพ่ายแพ้เรื่องการเลือกตั้ง และการแสดงออกแบบนี้มัน ยังถือเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีต่อรัฐบาลใหม่อีกด้วย นำไปสู่การเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่นในสังคมไทย

...

ส่วนเรื่องการแสดงความคิดเห็นของนายวิษณุ ที่หยิบยกกรณี คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยาของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไปกาลงคะแนน และมีคนไปถ่ายไว้ ซึ่งเกิดเหตุเพียงคูหาเดียว แต่ทำให้การเลือกตั้งครั้งนั้นโมฆะทั้งประเทศ นายรังสิมันต์ บอกว่า ประเด็นนี้ ตัวเองจะไม่พูดถึงข้อวิจารณ์ แต่คิดว่าไม่น่าจะเอามาเทียบกันได้ และขอยืนยันอีกครั้งว่า เรื่องหุ้นของบริษัทไอทีวี พรรคก้าวไกล มีความพร้อมในการต่อสู้ด้านข้อกฎหมาย และเตรียมตัวไว้แล้ว ตอนนี้ยังไม่สามารถลงรายละเอียดอะไรได้ เพราะมีหลายปัจจัยที่มีการเตรียมการในการต่อสู้คดี พร้อมตั้งคำถามว่า จุดประสงค์ของนายวิษณุ คือ ต้องการ ชี้นำให้ ส.ว. เกิดความลังเลใจ หรือไม่ และอยากถามว่า ทำไมต้องใช้กระบวนการแบบนี้ ซึ่งเป็นการไม่เคารพเจตจำนงของประชาชนที่ไปเลือกตั้งหรือไม่ พร้อมกับบอกว่า อย่าไปให้ความสำคัญกับความเห็นของ นายวิษณุ มากนัก ซึ่งตอนนี้สิ่งที่ นายวิษณุ ควรทำ คือไปบอกให้พลเอกประยุทธ์มีสปิริต และช่วยกันเตรียมตัวเก็บข้าวของออกจากทำเนียบเพื่อส่งมอบให้รัฐบาลชุดต่อไป

ส่วนเรื่องที่นายจเด็จ อินสว่าง สมาชิกวุฒิสภา เสนอให้มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ โดยมีพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นแกนนำ นายรังสิมันต์ มองว่า เท่าที่ตัวเองได้ติดตามนายจเด็จ ติดเรื่องเดียวคือเรื่อง ม.112 ส่วนตัวมองว่า ตอนนี้ยังไม่รู้ว่า จะมีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ไปทำไม เพราะตอนนี้ประเทศไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องใช้เงื่อนไขนั้น อยากขอให้เคารพมติมหาชน จากการเลือกตั้ง ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยกำลังเดินไปได้ดี แม้จะมีเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญที่เป็นอุปสรรค แต่การยอมรับมติมหาชนเมื่อตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ จะสามารถแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ได้ ซึ่งตัวเองขอให้พรรคก้าวไกลได้ทำงานเพื่อพิสูจน์ตัวเอง หากพรรคทำงานไม่ดี ประชาชนก็จะตัดสินเราในการเลือกตั้งรอบหน้า

ส่วนกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เดินทางไปพบหน่วยงานราชการท้องถิ่น ที่พลเอกประยุทธ์ แสดงออกว่าเป็นการละลาบละล้วงการทำงานของข้าราชการ นายรังสิมันต์ บอกว่า ประเด็นนี้ไม่ได้เป็นการละลาบละล้วง แต่เป็นการเตรียมความพร้อม ของการจะเป็นรัฐบาลใหม่ ซึ่งพรรคก้าวไกลคิดว่า การพูดคุยกันไม่ได้สร้างปัญหา

สำหรับกรณีที่พลเอกประยุทธ์ ไม่เห็นด้วย ในการแก้ ม.112 นายรังสิมันต์ บอกตอนนี้มีการชี้นำ ส.ว. จำนวนมาก แต่สิ่งพรรคก้าวไกลทำ เพื่อเป็นการเดินหน้าเพื่อเคารพต่อมติมหาชนให้มากที่สุด ในส่วน ม.112 ถึงที่สุดก็ต้องไปแก้กันในสภา และต้องว่ากันไปตามกติกา

ส่วนกรณีมีกลุ่มบรรดานักร้อง เตรียมที่จะยื่นเรื่องกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความในลักษณะชี้นำ พรรคก้าวไกล ว่า เป็นการครอบงำพรรค นายรังสิมันต์ มองว่า ถ้าจะบอกว่านายปิยบุตร ไปครอบงำพรรค ก็ต้องมีหลักฐานและข้อเท็จจริงที่มากกว่านี้ และจริงๆ บทบาทของนายปิยะบุตรคือ มีฐานะเป็นประชาชนคนหนึ่ง มีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้ และนายปิยบุตร ก็วิพากษ์วิจารณ์พรรคก้าวไกลอยู่บ่อยครั้งด้วย ตัวเองมองว่า ตอนนี้บรรดานักร้อง มีเจตนาจ้องจะทำให้พรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ และมีเจตนาชัดเจนว่า ไม่ต้องการเห็นนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี และหลังจากนี้พรรคก้าวไกลอาจจะเตรียมดำเนินคดีคนที่เอาเรื่องเท็จไปร้อง กกต. ด้วย