พรรคก้าวไกลเดินหน้าลุย ขนทีมเศรษฐกิจหารือทีมหอการค้าฯ ถก 13 ประเด็น “สนั่น” ยกเป็นการพบปะที่สร้างสรรค์ มีจุดยืนเดียวกัน หวังให้จัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วที่สุด ขืนล่าช้าออกไปกระทบเชื่อมั่นหนัก “พิธา” มึนกับตรรกะ “วิษณุ” กรณีถูกสอบปมถือหุ้นไอทีวีอาจกระทบถึงเลือกตั้งซ่อมร้อยกว่าเขต ลั่นมีแผนรองรับทุกรูปแบบ ชู “ศิริกัญญา” รมว.คลังดีที่สุดในช่วงนี้ มั่นใจคุณสมบัติ-ประสบการณ์ “ชลน่าน” ย้ำ 8 พรรคมัดข้าวต้มแน่น “ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นยังคงทำงานกันต่อไป” ส.ว.ฉะ ก.ก.ปลุก มวลชนกดดัน “เสรี” เย้ยลมปาก พท.ไม่ช่วยการันตีเก้าอี้นายกฯ “จเด็จ” แหกด่านชงรัฐบาลแห่งชาติ “บิ๊กตู่” ตามจิก ขรก.ใครไปให้ข้อมูล “พิธา” บ้าง “วิษณุ” แนะล้วงข้อมูลทำให้เนียนๆ ชี้เป้าล้างชื่อ “พิธา”-ส.ส.ก้าวไกล “ชวน” โยน “สุชาติ” ตีตกญัตติแก้ ม.112 ระทึกเครื่องปั่นไฟระเบิดที่กลาโหม
แม้ต้องเผชิญอุปสรรคขวากหนาม สกัดการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล ขัดขวางนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ แต่นายพิธายังคงเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นแก่กลุ่มต่างๆ ล่าสุดนำทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกลหารือกับหอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย รวมถึงหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย

...
“พิธา” นำทีมหารือหอการค้าไทย
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 31 พ.ค.ที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล นำคณะเข้าพบและหารือกับหอการค้าไทย หอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย และนักธุรกิจรุ่นใหม่ของหอการค้าไทย มีนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และคณะให้การต้อนรับ ทางหอการค้าไทยมีการนำเสนอประเด็นด้านเศรษฐกิจเข้าหารือถึง 13 ประเด็น จากนั้นนายสนั่นและนายพิธาร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน นายพิธากล่าวว่า วันนี้นำทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกลมาพูดคุยกับหอการค้าและสภาหอ การค้าฯ มี 13 ประเด็น ตั้งแต่เรื่องเกี่ยวกับคอร์รัปชัน อีอีซี การบริหารเศรษฐกิจหมุนเวียน การบริหารเศรษฐกิจชายแดน เป็นต้น เป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์พร้อมกับอัปเดตภาคเอกชนว่าการจัดตั้งรัฐบาลไปถึงไหน ครั้งหน้าเมื่อมีคณะกรรมการเกี่ยวกับเศรษฐกิจและเอสเอ็มอีแล้ว จะกลับมาพูดคุยกันในหลายๆประเด็นที่เป็นที่สนใจของภาคเอกชนและรัฐบาลเองด้วย
“สนั่น” ยกการพบปะที่สร้างสรรค์
นายสนั่นกล่าวว่า เป็นการพบปะที่สร้างสรรค์ และสบายใจเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน มีหลายเรื่องที่เห็นใจพรรคก้าวไกลที่ต้องทำงานร่วมกับพรรคร่วมอื่นๆ ส่วนประเด็นการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 450 บาทนั้น พูดคุยกันมากพอสมควร ทั้ง 2 ฝ่ายมีข้อมูลแทบไม่ต่างกันมาก หอการค้าไทยเห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรง เพียงแต่จังหวะและอัตราการขึ้นต้องเหมาะสม และต้องคุยกันในรายละเอียดให้มากขึ้น ในที่ประชุมวันนี้ยังไม่ได้ฟันธงว่านโยบายการขึ้นค่าแรงภายใน 100 วัน จะเริ่มต้นนับหนึ่งในวันไหน ยังมีเวลาต้องตั้งทีมจับเข่าคุยกันในรายละเอียดต่อ หากปรับขึ้นทันทีจะเป็นการกระชาก อาจมีปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจได้ เรื่องขึ้นค่าแรงถ้าเราสื่อสารกับสาธารณะอย่างไม่เข้าใจ ทำให้ทุกคนโต้แย้งได้ การประชุมวันนี้คุยกันด้วยเหตุและผล มีข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ ไม่ใช่ความรู้สึก ดีที่วันนี้ได้คุยกัน ทำให้เห็นว่าเรามีจุดยืนเดียวกันที่จะทำให้แรงงานอยู่ได้
หวังให้จัดตั้งรัฐบาลได้โดยเร็ว
นายสนั่นกล่าวอีกว่า หอการค้าไทยเสนอประเด็นเร่งด่วนที่รัฐบาลใหม่ต้องเร่งดำเนินการ 3 เรื่อง ได้แก่ 1.เร่งจัดตั้งรัฐบาลให้เสร็จสิ้นเร็วสุด ทุกคนพร้อมสนับสนุน พรรคก้าวไกลได้เสียงมากสุด ต้องปล่อยให้จัดตั้งรัฐบาล เพื่อให้การจัดทำนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรงบประมาณมีความต่อเนื่อง สร้างความเชื่อมั่นให้กับเศรษฐกิจประเทศ 2.การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ การอำนวยความสะดวกในการลงทุน มีความชัดเจนในเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ การบริหารจัดการโครงสร้างพลังงาน โดยเฉพาะค่าไฟฟ้า 3.เสริมสร้างความเข้มแข็งของผู้ประกอบการ และเอสเอ็มอี ภาคเอกชนต้องการเห็นการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว เพื่อประโยชน์ของไทยทั้งชาติ ถ้าล่าช้าออกไปมากเสียหายแน่นอน กระทบต่อความเชื่อมั่นของทั้งนักลงทุนไทย และต่างชาติ ที่กำลังจ้องดูอยู่ สำหรับนโยบายเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกลสอดคล้องกับนโยบายของหอการค้าไทยอยู่แล้ว ทั้งการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน กระตุ้นเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว ที่ต้องทำแบบกระจายไม่กระจุก แก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ
พร้อมแจงปมหุ้นทุกรูปแบบ
ต่อมานายพิธาให้สัมภาษณ์กรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ แสดงความเห็นว่าหากเกิดอุบัติเหตุการเมืองกรณีหุ้นไอทีวีอาจส่งผลให้ต้องมีการเลือกตั้งซ่อมร้อยกว่าเขตทั่วประเทศว่า ยังไม่ได้ดูรายละเอียดถึงตรรกะที่นายวิษณุกล่าวถึง พรรคก้าวไกลเตรียมการรองรับสถานการณ์ไว้หลายรูปแบบ พร้อมชี้แจงในทุกรูปแบบที่จะออกมา อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ยังมีเวลา ยังไม่เห็นรายละเอียดคำร้อง เมื่อถามว่านายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. วิพากษ์วิจารณ์การตั้งคณะทำงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาลว่าเร็วเกินไป และเป็นการกดดัน ส.ว. นายพิธาตอบว่า ไม่เป็นความจริง ความจริงก็คือประชาชนไม่สามารถทนรอความเดือดร้อนได้ เช่น ปัญหาต้นทุน ราคาพลังงาน
โต้ “ประยุทธ์” ผวา ครม.เงา
นายพิธากล่าวถึงกรณีมีข้อสังเกตว่าการตั้งคณะทำงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาลว่าเป็น ครม.เงา ว่า หากดูการเมืองในต่างประเทศ ถือเป็นเรื่องปกติมาก ถ้าเป็น ครม.เงาต้องมีการตั้งตามกระทรวง แต่เราตั้งตามเอ็มโอยู ยึดปัญหาประชาชนเป็นตัวตั้ง แสดงถึงความตั้งใจว่าไม่มีการตั้งคณะทำงานตามกระทรวง เช่น คณะกรรมการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คณะกรรมการพลังงาน เป็นต้น เอาปัญหาของประชาชนเป็นที่ตั้งในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ต้องบูรณาการหลายกระทรวง เช่นเรื่องเกี่ยวกับปัญหาภัยแล้งก็ต้องร่วมงานกัน 4-5 กระทรวง

“ศิริกัญญา” เหมาะสุด รมว.คลัง
นายพิธากล่าวอีกว่า วันที่ 1 มิ.ย.นี้ จะพบองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น (อปท.) คงมีการพูดคุยกันในประเด็นเรื่องการบริหารงานส่วนท้องถิ่น เมื่อถามถึงคำร้องของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายพิธาตอบว่า ไม่กังวล เมื่อถามย้ำว่าเรื่องนี้อาจผูกพันไปถึงว่าที่ ส.ส.ของพรรคด้วยหรือไม่ นายพิธาตอบว่า ไม่แน่ใจว่าจะอนุมานได้หรือไม่ คงต้องดูที่คำร้อง เมื่อถามว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในตัว น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่มีชื่อเป็น รมว.คลัง นายพิธาตอบว่า มั่นใจในตัว น.ส.ศิริกัญญาเกินร้อย บางคนอาจมีโอกาสได้คุยกับ น.ส.ศิริกัญญาไม่นานมาก แต่ตนทำงานด้วยกันมา 4 ปี เขาคือ รมว.คลังที่ดีที่สุดในช่วงนี้
มั่นใจคุณสมบัติ-ประสบการณ์
นายวรภพ วิริยะโรจน์ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล กล่าวถึงความพร้อมในการประสานทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาล 8 พรรคว่า ตามที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เคยแถลงไว้ว่าพลังงานเป็นเรื่องสำคัญ
ทั้งเรื่องไฟฟ้าและน้ำมัน อยากผลักดันยกเลิกภาษี สรรพสามิตน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตร รวมถึงแก๊ส หุงต้ม โดยเน้นดูแลเรื่องค่าครองชีพประชาชน ต้นทุนพลังงาน ตนเป็นตัวแทนด้านพลังงานในคณะทำงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาล จะนำเรื่องเหล่านี้ไปหารือในพรรคที่จะร่วมรัฐบาลเพื่อหาข้อสรุป เมื่อถามถึงข้อกังวลเรื่องวัยวุฒิ และประสบการณ์ของว่าที่รัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะกระทรวงเศรษฐกิจ นายวรภพยืนยันว่าไม่กังวล ทำงานกับ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ยังมั่นใจในความสามารถและคุณสมบัติ คิดว่าทุกคนในพรรคเชื่อมั่นในความสามารถของ น.ส.ศิริกัญญาว่าเป็น รมว.คลังได้
“ชลน่าน” ย้ำ 8 พรรคมุ่งมั่นร่วมกัน
ที่พรรคเพื่อไทย เวลา 13.35 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการตั้งคณะทำงาน 7 คณะของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลว่า หลังจากที่พูดคุยกันแล้ว บรรยากาศน่าจะดีขึ้นในมุมสร้างความมั่นใจให้ประชาชนว่าเรามุ่งมั่นทำงานร่วมกัน เสียงตอบรับเป็นไปในทางที่ดี ชัดเจนที่สุดคือเราจะใช้วาระงานเป็นตัวกำหนดการทำงาน หลังจากที่ทำเอ็มโอยู 23 ข้อร่วมกันแปรเปลี่ยนเป็นวาระงาน โดยคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลที่มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นประธาน จะเริ่มประชุมนัดแรกในวันที่ 6 มิ.ย.ที่พรรคเพื่อไทย ส่วนคณะทำงานภารกิจ 7 คณะ เราคาดหวังจัดทำเป็นตัวนโยบายรัฐบาล ที่คณะทำงานฯ จะรวบรวมเพื่อเสนอคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วม และส่งเข้าที่ประชุมหัวหน้าพรรคทั้ง 8 พรรค เพื่อกำหนดเป็นแนวทางจัดทำนโยบายร่วมกันต่อไป
อะไรจะเกิดขึ้นยังมัดกันแน่น
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ในประเด็นถือหุ้นไอทีวี และถูกร้องเรื่องการรับรองผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคก้าวไกล อาจต้องเลือกตั้งซ่อม ทั้งประเทศในเขตที่พรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้ง นพ.ชลน่านตอบว่า ประเด็นนี้มีการพูดคุยกันอยู่ เพราะคุณสมบัติของหัวหน้าพรรคที่ไปลงนามรับรองผู้สมัครของพรรคมีคุณสมบัติครบหรือไม่อย่างไร ต้อง ไปดูประเด็นนั้น เมื่อถามว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับนายพิธา พรรคเพื่อไทยยังคงให้โอกาสก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลอยู่หรือไม่ นพ.ชลน่านตอบว่า ยืนยันว่าเรามัดกันแน่น และยังคงทำงานร่วมกันเหมือนเดิม ไม่ว่าจะมีอะไรขึ้นยังคงทำงานกันต่อไป ส่วนรายละเอียดก็ดูเป็นเรื่องๆไป ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร มีข้อกฎหมายรองรับอะไรหรือไม่อย่างไร

เก้าอี้ ปธ.สภาฯโควตากลาง
เมื่อถามว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯเมื่อใด นพ.ชลน่านตอบว่า คณะเจรจาเริ่มพูดคุยกันไปส่วนหนึ่งแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหาร เราเห็นว่าตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่สังคมคาดหวังว่าจะต้องไม่เกิดข้อขัดแย้งระหว่างพรรคก้าวไกลและเพื่อไทย ตำแหน่งดังกล่าวไม่ใช่โควตาพรรคใดพรรคหนึ่ง ให้คณะเจรจาพูดคุยเสมือนเป็นพรรคเดียวกัน เมื่อถามว่าภายในพรรคมีการพูดคุยกันแล้วหรือไม่ หลังมีชื่อ นพ.ชลน่าน นายจาตุรนต์ ฉายแสง และนายสุชาติ ตันเจริญ เป็นประธานสภาฯ นพ.ชลน่านตอบว่า ยังไม่ได้พูดคุยกันในเรื่องตำแหน่งและตัวบุคคล น่าจะเป็นเพียงการเสนอความคิดเห็น รวมถึงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีก็ยังไม่ได้พูดคุยกัน หลังคณะทำงานและคณะกรรมการประสานงานฯ พูดคุยกันได้ส่วนหนึ่ง ที่ประชุมระดับหัวหน้าพรรคจะมาหารือร่วมกันอีกครั้ง หลังจากนั้นจะได้พูดคุยเรื่องการแบ่งงานรวมถึงตำแหน่งต่างๆ
เออออ “ชวน” ต้องเป็นกลาง
เมื่อถามถึงการพิจารณาตัวบุคคลที่จะเข้าไปนั่งในคณะทำงาน นพ.ชลน่านตอบว่า แต่ละพรรคจะเสนอชื่อตัวบุคคล เมื่อถามถึงกรณีนายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าตำแหน่งนี้จะเป็นใครก็ได้ขอเพียงวางตัวเป็นกลาง นพ.ชลน่านตอบว่า นั่นคือหน้าที่และอำนาจของประธานสภาฯอยู่แล้ว รัฐธรรมนูญบังคับว่าประธานสภาฯต้องไม่มีตำแหน่งทางการเมืองในพรรคการเมือง ต้องเป็นกลาง
ส.ว.ฉะ ก.ก.ปลุกมวลชนกดดัน
ที่รัฐสภา นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวว่า ในการประชุม กมธ.การเมืองฯ เมื่อวันที่ 30 พ.ค. มีการพิจารณาสถานการณ์จัดตั้งรัฐบาลใหม่ การเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร เลือกนายกรัฐมนตรี มองว่าที่พรรคก้าวไกลเดินสายพบกับองค์กรต่างๆเพื่อขับเคลื่อนการแก้ปัญหาประเทศให้ประชาชน คือความพยายามสร้างมวลชนกดดันองค์กรต่างๆ ทั้ง กกต.ที่อยู่ระหว่างการรับรอง ส.ส. การพิจารณาคำร้องคุณสมบัตินายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงวุฒิสภา ส่วนกรณี 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ตั้ง 7 คณะทำงาน ความจริงควรต้องผ่านการจัดตั้งรัฐบาลให้เรียบร้อย แต่เวลาไม่ลงตัวจึงต้องทำเพื่อสร้างศรัทธาเรียกมวลชนให้ออกมาปกป้อง เป็นกระบวนการที่จัดทำขึ้นอาจได้มวลชน ขณะนี้มีความพยายามสร้างมวลชนเป็นแรงสนับสนุนผลักดัน เพื่อกดดัน กกต.

ลมปาก พท.ไม่ช่วยการันตี “พิธา”
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคก้าวไกลใช้มวลชนเพื่อกดดันพรรคเพื่อไทยไม่ให้เป็นคู่แข่งชิงตำแหน่งด้วยหรือไม่ นายเสรีตอบว่า เชื่อว่ากดดันไม่ได้พรรคเพื่อไทยมีวิทยายุทธลึกล้ำ วางสเตปการเมืองไว้ว่าจะเดินอย่างไร เชื่อว่าเขาเดาออกว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นและรู้อยู่แล้ว ส่วนที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันหนักแน่นจะร่วมตั้งรัฐบาลพรรคก้าวไกลนั้นคงการันตีไม่ได้ว่านายพิธาจะได้เป็นนายกฯ สัญญาคือลมปาก สิ่งที่พรรคเพื่อไทยแสดงความเป็นสุภาพบุรุษจะสนับสนุนพรรคที่ได้คะแนนมาก แต่ก็รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สุดท้ายหวยก็ออกที่พรรคเพื่อไทย ส่วนตัวมองว่าการแก้ไขมาตรา 112 ที่พรรคก้าวไกลไม่ยอมถอย ไม่เข้าใจทำไมนายพิธาต้องยืนหยัดแก้ไข ทั้งที่ไม่ใช่ปัญหาบ้านเมือง เชื่อว่าประเด็นนี้จะนำไปสู่ความขัดแย้งของบ้านเมืองได้ในอนาคต
“จเด็จ” ผุดโมเดลรัฐบาลแห่งชาติ
นายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. กล่าวว่า ยังคงยืนยันในจุดยืนไม่ลงมติให้พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลและนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกฯ เพราะจะแก้ไขมาตรา 112 มี ส.ว.ที่คิดเหมือนกันไม่น้อย ส่วนการตั้งคณะทำงานในช่วงเปลี่ยนผ่านนั้น ไม่ก้าวล่วง เป็นการเตรียมความพร้อมของพรรคการเมือง หน้าที่ ส.ว.มีเพียงเห็นชอบบุคคลที่เสนอชื่อให้เป็นนายกฯเท่านั้น ส่วนตัวมีแนวคิดที่อยากเสนอในชั้น กมธ.การเมืองฯ ว่าสิ่งที่ตอบโจทย์การเมืองตอนนี้คือรัฐบาลแห่งชาติ สร้างความแข็งแกร่งของสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โมเดลคือ ให้แต่ละพรรคนำส่วนที่ดีมาทำงานร่วมกัน ประสานประโยชน์ พุ่งเป้าไปที่ความมั่นคงของชาติ เมื่อถามว่าขั้นตอนจะเป็นไปได้หรือไม่ เพราะตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ให้โหวตนายกฯ นายจเด็จตอบว่า “สามารถงดเว้นการใช้รัฐธรรมนูญบางมาตราที่มีปัญหาได้ เพื่อเป็นทางออก มองว่าการเมืองไทยไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้”
ทุกพรรคตั้งรัฐบาลไร้ฝ่ายค้าน
เมื่อถามว่าที่ผ่านมารัฐบาลแห่งชาติจะถูกพูดถึงเมื่อมีความขัดแย้งหรือปัญหา แต่ขณะนี้ไม่มีสัญญาขัดแย้งใด นายจเด็จตอบว่า ไม่จำเป็นต้องให้เกิดความขัดแย้ง รัฐธรรมนูญไม่ได้ห้าม เชื่อว่ามีหนทางทำได้ อยู่ที่จะทำหรือไม่ เมื่อถามย้ำว่ารัฐบาลแห่งชาติคือการรวมทุกพรรคเป็นรัฐบาลทั้งหมด ไม่มีฝ่ายค้านใช่หรือไม่ นายจเด็จตอบว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ ให้นำส่วนที่ดีมารวมกันเพื่อรักษาประโยชน์ ประสานความคิดไม่เบียดเบียน จะทำให้ประเทศไทยแข็งแกร่ง เจริญรุ่งเรือง รัฐบาลแห่งชาติเป็นข้อเสนอที่จะเสนอใน กมธ. หากสังคมมีมุมมองอย่างไรพร้อมรับฟัง ขณะนี้ยังมีเวลาจนกว่าจะตั้งรัฐบาลได้ช่วงเดือน ส.ค. เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลมีจุดยืนมีลุงไม่มีเรา จะทำให้โมเดลรัฐบาลแห่งชาติเกิดได้หรือ นายจเด็จตอบว่า “คิดแบบนั้น จะไม่มีคุณ ไม่มีผม และไม่มีเรา ทางที่ดีต้องรวมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทางการเมือง”
“ตู่” ตามจิก ขรก.ให้ข้อมูล “พิธา”
ช่วงบ่ายที่ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 5/2566 ว่า ไม่ได้สั่งให้ดูแลอะไรเป็นพิเศษทั้งทหาร ตำรวจไม่ต้องกำชับอะไรเรื่องการปฏิรูปกองทัพเรามีแผนอยู่แล้ว จะปรับต้องดูบริบทประเทศด้วย เพราะประเทศไทยไม่เหมือนชาติอื่นเราใช้วิธีการผสมผสาน ของเราก็ต้องเป็นเรา เมื่อถามถึงการจัดตั้งคณะกรรมการช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล จะทำให้ข้าราชการอึดอัดหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่มีความคิดเห็นเป็นสิทธิ ทำแล้วไม่กระทบกับหน่วยงานราชการก็ไม่มีปัญหา แต่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ข้าราชการคงไม่อึดอัดใจ เพราะเราเองก็เชื่อมการทำงานอยู่ตามกฎระเบียบ แต่อะไรที่ทำนอกกรอบวินัยข้าราชการก็มีความผิด ตรวจสอบแล้วยังไม่มีใครไปพบอะไรกับใคร เมื่อถามว่านายพิธาระบุข้าราชการติดต่อไปเอง พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่รู้ ถามข้าราชการว่าขอหรือเปล่า เขาก็บอกว่าไม่มี ใครจะพูดอะไรอย่าเชื่อทั้งหมด ต้องหาข้อมูลข้อเท็จจริง
ไม่รู้ พท.จับมือ รทสช.ตั้งรัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หวังว่าประเทศไทยจะมีรัฐบาลที่ดีเราผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว เพียงแต่ยังมีอีกหลายขั้นตอน ทุกอย่างเป็นไปตามกลไก ส่วนประเด็นการแก้ไขมาตรา 112 หากมีเสนอเข้ามาพรรครวมไทยสร้างชาติขวางอยู่แล้ว ประชาชนอีกจำนวนมากก็ไม่เห็นด้วยตรงนี้ เมื่อถามว่าหากพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพื่อไทยมาจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับ รทสช.ได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่ทราบ
“วิษณุ” แนะล้วงข้อมูลทำให้เนียน
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ตั้งคณะกรรมการในช่วงเปลี่ยนผ่านขึ้นมาว่า ถือเป็นการดี เป็นการเตรียมตัวและเขาไม่ได้บอกว่าตั้งขึ้นมาเพื่อแทรกแซงข้าราชการ ที่เขาจะขอความร่วมมือจากข้าราชการประจำไปชี้แจงหรืออะไร ถือเป็นการทำโดยสันถวไมตรีอันนี้ทำได้ ในอดีตเคยทำแต่ช่วยทำให้แนบเนียนหน่อย ไม่เช่นนั้นข้าราชการประจำจะลำบากใจ ถึงอย่างไรก็ยังทำงานอยู่กับรัฐบาลนี้ ที่สำคัญข้าราชการยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นรัฐบาล เมื่อถามว่าข้าราชการที่ไปให้ข้อมูลถือว่ามีความผิดหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ไม่ผิดหรอก แต่อาจอึดอัดใจลำบากใจ อยู่ที่ว่าขอข้อมูลอะไร อย่าไปถือเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต ก็เขาเชื่อว่าจะเข้ามาบริหาร จำเป็นต้องมีข้อมูล แต่ควรทำแบบเงียบๆ เนียนๆ อย่าอึกทึกครึกโครม อย่าแสดงตนว่าเป็นรัฐบาลแล้วเรียกมามันไม่ควร อย่างสมัยตนเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เคยถูกว่าที่นายกฯเรียกไปถามว่ามีงานอะไรที่ค้างอยู่บ้างที่อยากให้สานต่อ ผ่านมา 15 ปีเพิ่งมาเปิดเผยวันนี้
ความลับราชการให้กันไม่ได้
นายวิษณุกล่าวว่า เราอยากเห็นคนเป็นรัฐบาลที่พร้อม เพราะฉะนั้นอะไรที่เอื้อเฟื้อกันได้ก็ทำไป แต่อย่าทำให้ฝ่ายข้าราชการประจำอึดอัด ลำบากใจ เพราะเขายังมีนายอยู่ ยังมีผู้บังคับบัญชาปัจจุบันที่มีอำนาจเต็มตามกฎหมาย เดี๋ยวเกิดเขม่นกันขึ้นมาจะลำบาก แต่ข้อมูลที่เป็นความลับทางราชการให้ไม่ได้อยู่แล้ว เพราะแม้แต่ให้กันเองในหมู่ราชการบางทีก็ให้ไม่ได้ ให้ได้แต่นายกฯเพียงคนเดียว เช่น เรื่องงบลับ เมื่อถามว่าถ้ากกต.รับรองผลเลือกตั้งได้เร็วขึ้น การเลือกประธานสภาฯ และโหวตนายกฯจะทำได้เร็วขึ้นหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า เชื่อว่าเร็วอยู่แล้ว เลื่อนเร็วได้ แต่จะเร็วกี่วันไม่ทราบ เพราะไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขบางอย่างที่ไม่มีใครสามารถกำหนดได้ นั่นคือ การเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดประชุมสภา และตามด้วยการเลือกประธานสภาฯ และการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งประธานสภาฯ ที่เคยกำหนดไทม์ไลน์ไปไม่ได้กำหนดตายตัว หากตีความไม่ดีจะกลายเป็นไปบังคับ กำหนด กะเกณฑ์
ชี้เป้าล้างชื่อ “พิธา” จากสารบบ
เมื่อถามถึงกระแสข่าวอาจมีการเลือกตั้งใหม่ หากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูกศาลวินิจฉัยปมถือหุ้นไอทีวี ที่อาจกระทบกับการเป็นนายกฯ รวมถึงการรับรองผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคก้าวไกลที่ผ่านมาหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ตอบไม่ถูก อยู่ที่ผู้ร้องร้องในประเด็นใด ถ้าร้องในประเด็นว่าขาดจากการเป็น ส.ส. นายพิธายังสามารถเป็นนายกฯได้ เพราะนายกฯไม่ต้องเป็น ส.ส.ก็ได้ หรือถ้าร้องว่าขาดจากความเป็นนายกฯ ก็สามารถเป็น ส.ส.ได้ แต่ถ้าคนร้องร้องทั้ง 2 เรื่อง ศาลจะวินิจฉัยทั้ง 2 เรื่อง หรืออาจกระทบไปอีกประเด็น คือการรับรองสมาชิกพรรค ฉะนั้นอยู่ที่คำร้องว่าร้องทั้ง 3 ประเด็นเลยหรือไม่ แต่อย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดนั้น เอาทีละประเด็น กกต.ยังไม่ได้ทําอะไรเลย อย่าเพิ่งคิดแง่ร้ายไว้ก่อน อย่างไรก็ตามการที่ตนพูดแบบนี้ ไม่ใช่มาแนะนำว่าจะต้องร้องอย่างไรอยู่ที่ผู้ร้อง ร้องประเด็นไหนศาลก็วินิจฉัยประเด็นนั้น ถ้าร้อง 3 ประเด็นศาลก็วินิจฉัยทั้ง 3 ประเด็น

ยกเคส “คุณหญิง” อาจเลือกซ่อม
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการร้องในประเด็นเรื่องสมาชิกพรรค ต้องเลือกตั้งใหม่ทั้งหมดหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นต้องเลือกตั้งซ่อมใหม่ทั้งหมด เมื่อการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2549 มีการเผยแพร่ภาพข่าวของหน่วยเลือกตั้งแห่งหนึ่ง สื่อมวลชนได้ถ่ายภาพบุคคลที่เป็นระดับคุณหญิงท่านหนึ่งขณะลงคะแนนเสียงในคูหาเลือกตั้ง ซึ่งคูหาดังกล่าวหันหลังผิดด้าน ทำให้สื่อมวลชนสามารถบันทึกภาพขณะลงคะแนนได้ว่าลงคะแนนให้ใคร จึงเกิดข้อสังเกตว่าถ้าทำอย่างนี้ได้หน่วยหนึ่งจะทำได้ทุกหน่วย คราวนั้นจึงทำให้ต้องมีการเลือกตั้งใหม่กันทั้งประเทศ
ชี้ พท.ขอ ปธ.สภาฯไม่แปลก
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงคุณสมบัติประธานสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่ว่า โดยทั่วไปพรรคที่เป็นรัฐบาลจะมีเสียงข้างมาก ก็จะได้รับตำแหน่งประธานสภาฯ และนายกฯ แต่ในกรณีมีการถกเถียงคะแนนของพรรคที่มาร่วมรัฐบาลมีความใกล้เคียงกัน คือ 151 กับ 141 จึงเป็นประเด็นใหม่ การที่พรรคเพื่อไทยขอเป็นประธานสภาฯ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะคะแนนไม่ห่างกันมาก ส่วนที่จะใช้ตำแหน่งประธานสภาฯทำประโยชน์ให้พรรคตัวเองเป็นเรื่องเข้าใจผิด ขอให้ไปศึกษารัฐธรรมนูญและข้อบังคับสภาดูว่ามีหน้าที่อะไร ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ประธานสภาฯสามารถเปลี่ยนชื่อนายกฯได้ แต่ปัจจุบันลงมติกันในสภาฯ เมื่อสภาฯเลือกใคร ประธานสภาฯจะไปทำอย่างอื่นไม่ได้ มีหน้าที่นำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯถวายเท่านั้น และต้องเป็นกลาง หากเป็นกรรมการบริหารพรรคอยู่ต้องลาออก ทำอะไรตามอำเภอใจไม่ได้ แม้แต่ถ่วงเวลาก็ไม่ได้
โยน “สุชาติ” ตีตกญัตติแก้ 112
นายชวนกล่าวต่อว่า ในสภาฯยุคที่ตนเป็นประธานฯ มีการแบ่งหน้าที่กัน นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ รับผิดชอบร่าง พ.ร.บ.ที่เสนอเข้าสภาฯทุกฉบับ จะเห็นชอบ ไม่ชอบอย่างไรก็จบ ไม่ได้ผ่านประธานสภาฯ ขณะที่นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯอีกคน จะดูเรื่องญัตติและกระทู้ถาม นี่คือกระบวนการกระจายอำนาจ ดังนั้นร่างกฎหมายที่พรรคก้าวไกลเสนอยกเลิกมาตรา 112 มีนายสุชาติเป็นผู้ดูแล และจากการปรึกษาฝ่ายกฎหมายของสภาฯ พบว่าขัดรัฐธรรมนูญ ทำให้นายสุชาติไม่ได้บรรจุในวาระ และส่งกลับไปยังพรรคก้าวไกลเพื่อแก้ไข นี่คือที่มา ยืนยันว่าไม่มีการกลั่นแกล้ง
กกต.แจง 3 พรรคเล็กแต้มไม่ถึง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า สำนักงาน กกต.เผยแพร่เอกสารข่าวกรณีพรรคพลัง พรรคเพื่อชาติไทย และพรรคแรงงานสร้างชาติ เตรียมฟ้อง กกต.ต่อศาลปกครอง อ้างมีหลักฐานและเชื่อว่า กกต.รวมคะแนน และคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่โปร่งใส เพิ่มจำนวนบัตรดีเข้าไปกว่า 2 แสนใบ เพื่อปัดเศษทศนิยมเพิ่มคะแนนให้พรรคใหญ่ได้จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มขึ้นว่า ผลการนับคะแนนจากแดชบอร์ดของ ECT Report ในวันที่ 15 พ.ค.นั้นข้อมูลยังไม่ครบ 100% ผลคะแนนรวม ส.ส.บัญชีรายชื่อของทุกพรรคมีทั้งสิ้น 36,832,305 คะแนน แต่ผลเป็นทางการในวันที่ 25 พ.ค.ครบ 100% ทุกพรรคมีทั้งสิ้น 37,522,734 คะแนน เพิ่มขึ้น 690,429 คะแนน โดยทุกพรรคมีคะแนนเพิ่มขึ้นเป็นไปตามข้อเท็จจริง โดยพรรคพลังมีคะแนนไม่เป็นทางการวันที่ 15 พ.ค.จำนวน 154,304 คะแนน เป็นทางการวันที่ 25 พ.ค.156,493 คะแนน พรรคเพื่อชาติไทย คะแนนไม่เป็นทางการ 132,082 คะแนน เป็นทางการ 134,833 คะแนน และพรรคแรงงานสร้างชาติ คะแนนไม่เป็นทางการ 126,193 คะแนน เป็นทางการ 130,147 คะแนน การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อมีพรรคที่จะได้รับเลือก ตั้งเป็น 17 พรรค แต่ 3 พรรคดังกล่าวอยู่ลำดับที่ 18, 19 และ 20 ไม่ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ

เปิดเซฟ “สุริยะ” 1.7 พันล้าน
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบ ปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่บัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหลายราย อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กรณีพ้นจาก รมว. อุตสาหกรรมและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร.เมื่อวันที่ 17 มี.ค.66 มีทรัพย์สิน 1,723,547,779 บาท หนี้สิน 301,042 บาท เป็นของนายสุริยะ 1,448,625,568 บาท ของนางสุริสา จึงรุ่งเรืองกิจ คู่สมรส 274,922,211 บาท ส่วนใหญ่เป็นเงินฝากธนาคารร่วม 410 ล้านบาท ที่ดิน 15 แปลงรวมมูลค่า 55 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 11 แห่ง ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ห้องชุด มูลค่ารวม 160 ล้านบาท สิทธิสัมปทาน 5,960,000 บาท ทรัพย์สินอื่นๆร่วม 37 ล้านบาท
“ลุงตู่” ต้อนรับนายกฯศรีลังกา
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล มีนายทิเนศ คุณวรรเทนะ นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เนื่องในโอกาสเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชาโลกครั้งที่ 18 โอกาสนี้นายกฯ ยินดีที่เศรษฐกิจศรีลังกาฟื้นตัวสู่สภาวะปกติ และขอบคุณรัฐบาลศรีลังกาที่อนุมัติให้นำช้างพลาย “ศักดิ์สุรินทร์” ช้างที่รัฐบาลไทยมอบให้ศรีลังกากลับมารักษาที่ไทย รวมถึงขอบคุณที่ศรีลังกาพร้อมสนับสนุนให้ไทยสมัครเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028-Phuket และยินดีที่ประธานาธิบดีศรีลังกาตั้งใจจะเข้าร่วมการประชุม BIMSTEC Summit ช่วงปลายปี 66 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ
ระทึกเครื่องปั่นไฟ กห.ระเบิด
ที่กระทรวงกลาโหม ได้เกิดเหตุไฟฟ้าดับตั้งแต่ 10.00 น. สาเหตุเกิดจากเครื่องปั่นไฟขัดข้อง เจ้าหน้าที่ทหารพยายามซ่อมในช่วงเที่ยง ก่อนจะระเบิด 2 ครั้งติดกันไม่กี่นาที จนมีเศษแบตเตอรี่กระเด็นใส่หน้าทหารบาดเจ็บเล็กน้อยที่บริเวณหัวตา ท่ามกลางความแตกตื่นของสื่อมวลชน และกำลังพลที่อยู่ในกระทรวงกลาโหมที่มารอทำข่าวและต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีกำหนดเป็นประธานประชุมสภากลาโหม กับผู้บัญชาการเหล่าทัพในเวลา 14.00 น. โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานโยธาธิการ สำนักงานสนับสนุน สำนักงานปลัดกระทรวง กลาโหม มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบแบตเตอรี่ของ เครื่องปั่นไฟบวมเสื่อมสภาพถึงเกิดระเบิดขึ้น ต้องปิด พื้นที่และซ่อมบำรุงอย่างเร่งด่วน
ท้าให้ฟ้อง รบ.ชง พ.ร.ก.ขัด ก.ม.
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหายครั้งที่ 1/2566 ว่า เมื่อ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 (พ.ร.บ.อุ้มหาย) ใช้บังคับตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และผู้ที่เกี่ยวข้อง มีการจัดซื้อกล้องและอุปกรณ์กันแล้ว เมื่อกำหนดให้มีคณะกรรมการระดับชาติ ที่ตนเป็นประธาน มีผู้บัญชาการเหล่าทัพ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการ เป็นกรรมการ ได้ประชุมเพื่อวางแผนว่าต้องทำงานอย่างไร เช่น กฎระเบียบต่างๆให้บันทึกวิดีโอขณะจับกุมเพื่อเก็บไว้ในคลังกลางจนจบคดี เก็บไว้ที่ไหนอย่างไร เมื่อถามว่าหากมีคนไปร้องเอาผิดกับรัฐบาลชุดนี้ที่เสนอ พ.ร.ก.ขอขยายเวลาบังคับใช้ พ.ร.บ.อุ้มหายออกไป นายวิษณุตอบว่า ไม่เป็นไร เชิญทำได้ ยังไม่รู้ว่าเอาผิดข้ออะไร มาตราไหน