“บิ๊กตู่” โต้ “พิธา” บอก ถามข้าราชการแล้ว ยัน ไม่ได้มีการขอพบให้ข้อมูล ยังไม่มีใครไปพบอะไรกับใคร เผย หวังประเทศได้รัฐบาลที่ดี ยังไม่ถึงเวลาคุย โผโยกย้ายนายทหาร ลั่น รทสช.ขวางแก้ มาตรา 112 แน่ 

เมื่อเวลา 16.11 น. วันที่ 31 พ.ค. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 5/2566 ว่า ไม่ได้มีการสั่งให้ดูแลอะไรเป็นพิเศษ เพราะเขามีหน้าที่ตามกฎหมายอยู่แล้ว ทั้งทหารและตำรวจในการดูแลตามหน้าที่ ไม่ต้องกำชับอะไรทุกอย่างพัฒนาไปตามสถานการณ์

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนในวงการประชุมสภากลาโหม ไม่ได้มีการพูดถึงสถานการณ์ หลังการเลือกตั้ง 2566 เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกัน เพียงแต่ได้มีการหารือกันในเรื่องการป้องกันประเทศพัฒนา และแผนพัฒนากองทัพ รวมถึงสถานการณ์ในภูมิภาค ผลงานของทุกเหล่าทัพ แผนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้สอดคล้อง เพราะในอนาคตจะต้องใช้เทคโนโลยีมากขึ้น เพื่อป้องกันประเทศและเรื่องการฝึกร่วม

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในส่วนของการปฏิรูปกองทัพ เรามีแผนอยู่แล้ว ซึ่งการที่จะปรับหรือไม่นั้น จะต้องดูบริบทของประเทศไทยด้วย เพราะประเทศไทยไม่เหมือนชาติอื่น จะไปยึดแบบประเทศไหนมาใช้ ก็อาจจะไม่เหมาะสม เราจะใช้วิธีการผสมผสาน เพราะแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน ในส่วนของเราก็ต้องเป็นเรา ภายใต้ทรัพยากรที่เรามีอยู่

เมื่อถามว่า มองอย่างไร ที่ตอนนี้ยัง นั่งเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี แต่ 8 พรรค ที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลมีการตั้งคณะกรรมการประสานงานในช่วงเปลี่ยนผ่าน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มีความคิดเห็นเรื่องนี้ ถือว่าเป็นสิทธิที่ท่านจะทำ ส่วนจะทำได้หรือไม่ได้นั้น เป็นสิทธิที่ท่านจะทำ ทำแล้วไม่กระทบกับหน่วยงานราชการก็ไม่มีปัญหา แต่มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทุกคนเลยมองว่า เป็นเรื่องที่น่าสนใจ อะไรทำนองนี้ แต่ก็ทำไป

...

เมื่อถามย้ำว่า จะทำให้ข้าราชการอึดอัดใจ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คงไม่ เพราะเราเองก็เชื่อมการทำงานของเราอยู่ตามกฎระเบียบ อะไรก็ตาม ที่ทำนอกกรอบวินัยของข้าราชการ ก็มีความผิด และตนตรวจสอบแล้ว ยังไม่มีใครไปพบอะไรกับใคร

เมื่อถามว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า ข้าราชการติดต่อไปเองนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ไม่รู้ ผมถามข้าราชการว่า ขอหรือเปล่า ไม่ เขาก็บอกว่าไม่มี ผมก็ต้องถามคนของผม ใครจะพูดอะไรก็ตามอย่าเชื่อทั้งหมด ต้องหาข้อมูลข้อเท็จจริง”

เมื่อถามอีกว่า จะกระทบกับสิ่งที่นายกฯ ได้สั่งข้าราชการว่า ให้เตรียมข้อมูล เพื่อส่งมอบงานให้รัฐบาลชุดต่อไปหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มันก็เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว เราต้องสรุปงานทั้งหมด เพื่อส่งมอบให้รัฐบาลชุดต่อไป ว่า 4 ปี ที่ผ่านมา ทำอะไรไปบ้าง ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ คืออะไร เพราะทุกวันมีความคืบหน้าเพียงแต่ว่าอุปสรรคไม่ได้แก้กันง่ายๆ บางอย่างมีข้อกฎหมาย รวมถึงสัญญาต่างๆ จะต้องมีการแก้ไขจะต้องไปดูว่าจะแก้ไขกันอย่างไร ซึ่งตนอยากจะทำเรื่องเหล่านี้ แต่ทำได้ยาก เพราะหลายอย่างมันทำไปแล้ว มีทั้งสัญญาเดิมและสัญญาเก่า หากเขาทำได้ก็ทำ

เมื่อถามด้วยว่า จะให้กำลังใจ คนที่จัดตั้งรัฐบาลอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คาดหวังว่าประเทศไทยจะมีรัฐบาลที่ดีได้ เราผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว เพียงแต่ว่า มันยังมีอีกหลายขั้นตอน เพราะขณะนี้ยังไม่ได้มีการรับรอง ตนเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ตรงนี้ แต่ถ้าเขาผ่านการตรวจสอบและได้รับการรับรอง ถึงจะจัดตั้งรัฐบาลได้ไม่ใช่หรือ ทุกอย่างเป็นไปตามกลไก

เมื่อถามต่อว่า ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ถ้าใครมาแก้ มาตรา 112 จะขวางใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แน่นอนอยู่แล้ว ไม่ถามก็ต้องเป็นอย่างนั้น เพราะมันอยู่ในหัวใจของ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการทุกคน และประชาชนอีกจำนวนมาก เขาก็ไม่เห็นด้วยตรงนี้ก็แค่นั้น แล้วถามว่าทำทำไม

เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกล จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ และพรรคเพื่อไทยมาจัดตั้งรัฐบาลเอง ทางพรรครวมไทยสร้างชาติ จะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ

เมื่อถามว่าในการประชุมสภากลาโหมในวันเดียวกันนี้ได้มีการพูดคุยถึงการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลประจำปี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ยังไม่ถึงเวลามั้ง”

เมื่อถามถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ระบุว่า นายพิธา ถูกดำเนินคดีเรื่องการถือหุ้นสื่อ อาจจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องกฎหมาย ขอให้ไปถามนายวิษณุ

เมื่อถามย้ำว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ และ พล.อ.ประยุทธ์ จะสู้ต่อหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พรรคก็ยังอยู่ ส่วนจะหวังอะไรกับรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเข้ามา ไม่ว่าใครก็ตามมากที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากให้บ้านเมืองสงบ ปลอดภัย มีการพัฒนาที่ยั่งยืน

เมื่อถามอีกว่า หวังหรือไม่ว่า สิ่งที่ทำมา 8 ปี จะไม่เสียหายตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ต้องอย่างนั้นแหละ”